โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

The king of War

บทที่ 2157 เจตนาดี

“เหนือโรงแรมจงโจว มีกระแสขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น นั่นคืออะไร”

“เมื่อกี้ เหนือโรงแรมจงโจวฉันดูเหมือนจะเห็นมีแสงกระบี่สีทองจู่ๆก็ระเบิดขึ้น และปรากฏเป็นกระแสขึ้นมา”

“ทำไมฉันถึงรู้สึกว่า ทันใดนั้นชี่ทิพย์ในอากาศเพิ่มขึ้นอย่างมาก?”

……

ในเวลาเดียวกัน นักบูโดจากทุกทิศทุกทางในจงโจว เงยหน้าขึ้นมองไปยังทิศทางที่อยู่เหนือโรงแรมจงโจว สีหน้าทุกคนต่างตกตะลึง

ขณะนี้ ที่ทางเข้าของโรงแรมจงโจว

ทุกคนต่างมีสีหน้าตกใจมาก จิตวิญญาณของเทพมารได้ใช้เนื้อหนังของหยางเฉิน ด้วยการฟันกระบี่ครั้งเดียวทำลายอัสนีเก้าสวรรค์และในเวลาเดียวกันก็โจมตีท้องฟ้า

นี่ต้องเป็นผู้แข็งแกร่งที่ไม่มีใครเทียบได้ ถึงระเบิดการโจมตีที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ออกมา?

ซางหยุนเฟิงจ้องเขม็งไปที่กระแสพลังงานที่ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตกใจ และในขณะเดียวกัน ก็มีความคาดหวัง

เขาสามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า ภายในกระแสพลังงานนั้น มีชี่ทิพย์ที่บริสุทธิ์อย่างยิ่ง กำลังหลั่งไหลเข้าสู่โลกใหม่อย่างดุเดือด

คนอื่นอาจไม่เข้าใจอย่างชัดเจน แต่เขาเดาสาเหตุของการปรากฏตัวของกระแสพลังงานนั้นได้แล้ว

ในโลกบู๊โบราณสามโลก และตอนนี้โลกล่างกับโลกมนุษย์ได้รวมเป็นหนึ่งเดียวแล้ว ก่อตัวเป็นโลกใหม่ในปัจจุบันนี้

และเมื่อสักครู่นี้ จิตวิญญาณเทพมารได้ใช้เนื้อหนังของหยางเฉิน ฟันออกด้วยกระบี่ครั้งเดียว ตัดม่านพลังระหว่างโลกบู๊โบราณกลางกับโลกใหม่ให้มีรอยร้าวทันที

กล่าวคือ กระแสพลังงานเหนือโรงแรมจงโจว เป็นชี่ทิพย์ของโลกบู๊โบราณกลางที่หลั่งไหลเข้าสู่โลกใหม่ เนื่องจากการไหลเวียนที่มากเกินไป ดังนั้นจึงเกิดกระแสพลังงานที่น่าสะพรึงกลัวขึ้น

ในเวลาเพียงไม่กี่วินาที ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ ก็รู้สึกถึงความเข้มข้นของชี่ทิพย์ที่อยู่ในอากาศพุ่งสูงขึ้นหลายเท่า

“ฉันบุกทะลวงได้แล้วจริงๆ!”

ในเวลานี้ นักบูโดที่หมกมุ่นอยู่ในระดับแดนนภาขั้นหนึ่งชั้นต้นมานานหลายปี ทันใดนั้นก็พูดขึ้นมาอย่างตื่นเต้น

อย่างไรก็ตาม การบุกทะลวงของเขาเป็นเพียงจุดเริ่มต้น จากนั้น ก็มีนักบู๊หลายคนก็บุกทะลวงแดน

ในมือหยางเฉินถือกระบี่ ดวงตาสีแดงจ้องเขม็งไปที่ซางหยุนเฟิงอย่างเย็นชาและเสียงที่เต็มไปด้วยเจตนาฆ่าก็ดังขึ้น “สูดลมหายใจสามครั้ง คุกเข่าลงและขอโทษ มิฉะนั้นตาย!”

ในเวลานี้ซางหยุนเฟิงกลับมามีสติอีกครั้ง เมื่อมองไปที่หยางเฉินซึ่งเต็มไปด้วยเจตนาฆ่า เขารู้สึกหวาดกลัว

ตัวเองเป็นถึงผู้แข็งแกร่งที่เก่งกาจในระดับแดนนภาขั้นสามชั้นยอดในโลกบู๊โบราณล่าง ถูกบังคับให้คุกเข่าลงและขอโทษชายหนุ่มคนหนึ่ง ช่างเป็นเรื่องที่น่าอัปยศอดสูจริงๆ

แต่เมื่อคิดได้ว่าคนที่ควบคุมเนื้อหนังของหยางเฉินไม่ใช่ใช่ตัวหยางเฉินเอง แต่เป็นจิตวิญญาณของเทพมารในตำนาน ผู้แข็งแกร่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดและเคยยืนอยู่ในระดับแดนนภาขั้นเก้าชั้นยอด ความอัปยศอดสูในใจของเขาก็ลดลง

“ควัก!”

ภายใต้สายตาที่ตกตะลึงของทุกคน ซางหยุนเฟิงคุกเข่าลงบนพื้นอย่างแรง และพูดอย่างไม่เต็มใจ “ท่านเทพมาร ขอโทษ ผมไม่ควรเพิกเฉยต่อคำพูดของท่าน โปรดยกโทษให้ผมสักครั้ง!”

“ฮึ่ม!”

จิตวิญญาณเทพมารพูดอย่างเย็นชา “ถ้ามีอีกครั้ง ฆ่าไม่ยั้ง! ไสหัวไปให้พ้น!"

ซางหยุนเฟิงลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว มองหยางเฉินอย่างลึกซึ้ง จากนั้นหันหลังและจากไป

นักบูโดที่มาจากรอบทิศในจงโจว ยังมีนักบูโดที่มาจากโลกบู๊โบราณล่าง ขณะนี้ต่างเงียบเพราะความเกลัว แต่ละคนต่างมองไปที่หยางเฉินด้วยใบหน้าที่หวาดผวา

พวกเขารู้ว่า ตอนนี้ผู้ที่ครอบครองร่างของหย่างเฉินคือจิตวิญญาณของเทพมาร และแม้แต่คนที่แข็งแกร่งในระดับอย่างซางหยุนเฟิง ก็คุกเข่าลงและขอโทษ

หากพวกเขากล้าที่จะรุกรานหยางเฉิน เกรงว่าจะถูกฆ่าทันที

หยางเฉินไม่สนใจฝูงชน และในวินาทีต่อมาก็ขยับเท้า และร่างกายของเขาก็กลายเป็นร่างเงาและหายไปจากสายตาของทุกคน

เมื่อทุกคนตั้งสติได้ มีเหรอที่จะเห็นร่างของหยางเฉิน?

“หัวหน้าทีมเมิ่ง พวกเราได้เข้าร่วมทีมนักบูโดแล้ว วันนี้สามารถติดตามคุณกลับไปที่ฐานได้ใช่ไหม?”

“หัวหน้าทีมเมิ่ง ต่อไปพวกเราจะมีโอกาสได้รับคำแนะนำจากผู้อาวุโสสี่ไหม? ถ้าได้ แล้วจะได้เมื่อไหร่?”

“หัวหน้าทีมเมิ่ง ผมเป็นนักบูโดจากตระกูลโลกบู๊โบราณ สามารถเข้าร่วมทีมนักบูโดได้ไหม? แต่ท่านไม่ต้องกังวล ผมเป็นเพียงแขกของตระกูลโลกบู๊โบราณ ตอนนี้ได้ออกจากตระกูลโลกบู๊โบราณ ต่อจากนี้ไปจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลโลกบู๊โบราณอีก”

……

ในชั่วขณะ ความตั้งใจของทุกคนที่จะเข้าร่วมทีมนักบูโดนั้นยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น อาจกล่าวได้ว่า นอกเหนือจากคนในตระกูลโลกบู๊โบราณแล้ว นักบู๊ในโลกบู๊โบราณล่างและคนอื่นๆ ต่างต้องการเข้าร่วมกับทีมบูโด

แม้แต่นักบูโดที่เคยเกี่ยวข้องกับตระกูลโลกบู๊โบราณ ขณะนี้ก็ยังแสดงเจตจำนงค์ที่จะออกจากตระกูลโลกบู๊โบราณ แล้วเข้าร่วมกับทีมบูโด

เมื่อสักครู่การแสดงของหยางเฉิน ทำให้พวกเขายอมเชื่อใจและนับถือ

แม้ว่าเมื่อสักครู่นี้จะไม่ใช่ความสามารถของหยางเฉิน แต่จิตวิญญาณของเทพมารที่ยืมใช้ร่างกายของเขาระเบิดพลังที่สามารถบดขยี้ความแข็งแกร่งของซางหยุนเฟิง ซึ่งมันทำให้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์รู้สึกตื่นเต้นสุดๆ

แม้แต่ซางหยุนเฟิงผู้แข็งแกร่งชั้นยอดในโลกบู๊โบราณล่าง ก็ยังถูกบังคับให้คุกเข่าและขอโทษ จากนี้ไปมองไปในโลกใหม่ ใครจะกล้าปราบปรามหยางเฉินอีก?

ถึงเวลานั้น จิตวิญญาณของเทพมารจะชี้นำร่างของหยางเฉินเพื่อโจมตีโดยตรง เทพขัดขวางก็ฆ่าเทพ พระพุทธเจ้าขัดขวางก็ฆ่าพระพุทธเจ้า

เมื่อคนของตระกูลโลกบู๊โบราณเห็นสิ่งนี้ ต่างจากไปทีละคน โดยกลัวว่าถ้าอยู่นานเกินไป แม้แต่พวกเขาเองก็ต้องการที่จะออกจากตระกูลโลกบู๊โบราณ และเข้าร่วมทีมบูโด

ในเวลาเดียวกัน ในป่าทึบ ใบหน้าของซางหยุนเฟิงเคร่งขรึมสุดๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความดุร้าย และพูดด้วยความโกรธ “คุณเป็นคนแรกที่กล้าให้ซางหยุนเฟิงคุกเข่า!”

เมื่อนึกถึงเรื่องความอัปยศเมื่อสักครู่นี้ ทำให้เขาไม่สามารถระงับความโกรธในใจได้

แดนบูโดได้รับการฝึกฝนจนถึงระดับเขา ถ้าไม่ใช่คนที่มีหัวใจแข็งแกร่งเป็นพิเศษ? แล้วจะกระตุ้นให้โกรธได้อย่างไร?

แต่ซางหยุนเฟิงนั้นยังคงโกรธมาก

มู่หรงเยียนเอ๋อร์ดูเป็นกังวลมาก มองไปที่ซางหยุนเฟิงและพูดว่า “อาจารย์ อย่าคิดมาก เพราะเทพมารนั้นเคยดำรงอยู่อย่างน่าสะพรึงกลัวในระดับแดนนภาขั้นเก้าชั้นยอด……”

ก่อนที่เธอจะพูดจบ ซางหยุนเฟิงก็หันไปมองมู่หรงเยียนเอ๋อร์ด้วยใบหน้าที่เศร้าหมอง และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “อะไรนะ? ความหมายของเธอ เพียงเพราะเขาเคยเป็นนักบูโดอาวุโสชั้นยอด ฉันก็ควรจะคุกเข่าขอโทษให้กับเขาเหรอ?”

มู่หรงเหยียนเอ๋อร์ตกตะลึง และรีบอธิบายอย่างรวดเร็ว “อาจารย์ ศิษย์คนนี้ไม่กล้ามีความคิดเช่นนั้น”

“ฮึ่ม!”

ซางหยุนเฟิงพูดด้วยความโกรธ “ไม่ว่าเหตุผลอะไร ก็ไม่มีเหตุผลที่จะดูถูกฉัน! วันหนึ่ง ความอัปยศอดสูในวันนี้ ฉันจะให้เขาชดเชยสองเท่า!”

ที่เขาโกรธเพราะการคุกเข่าของเขา ทำให้จิตใจแห่งเต๋าเสียหาย และถ้าต้องการบุกทะลวงอีก เว้นแต่ต้องทะลวงจิตมาร

และจิตมารของเขาในปัจจุบัน คือการที่เขาถูกบังคับให้คุกเข่าแทบเท้าของหยางเฉิน แม้ว่าจะถูกบังคับโดยจิตวิญญาณของเทพมารก็ตาม

เว้นแต่ว่า เขาจะสามารถล้างแค้นความอัปยศนี้ได้ ก็จะมีโอกาสบุกทะลวง

หยางเฉินในขณะนี้ ไม่รู้ว่าจิตวิญญาณของเทพมารได้ใช้เนื้อหนังของเขาเพื่อกดขี่ซางหยุนเฟิง ซึ่งทำให้ซางหยุนเฟิงโกรธแค้นเขา

เขานั่งขัดตะมาดอยู่บนยอดเขาสูง ใช้แก่นแห่งจันทร์ในการบำเพ็ญ

ทันใดนั้นหยางเฉินก็ถามขึ้นว่า “ผู้อาวุโส เหตุใดเมื่อครู่นี้ท่านจึงไม่ฆ่าซางหยุนเฟิงโดยตรง? แต่ใช้กระบี่ผ่าท้องฟ้าแทนล่ะ?”

เสียงของเทพมารดังขึ้น “หากนายไม่เปิดเผยวิชาลับในการบำเพ็ญของตัวเองออกมา ฉันจะมาเสี่ยงเพื่อปรากฏตัวได้อย่างไร?”

“หมายความว่าไง?”

หยางเฉินชะงักไปครู่หนึ่ง

เทพมารพูดว่า “เมื่อสักครู่นายน่าจะทะลุแดนแล้ว และเมื่อนายทะลุแดนได้แล้ว ความแข็งแกร่งของจะพุ่งสูงขึ้น ในเวลานั้น ทุกคนในโลกบู๊โบราณล่างจะรู้ นายได้บำเพ็ญวิชาลับการบำเพ็ญเซียน ซึ่งจะทำให้นายได้รับหายนะอันใหญ่หลวง”

“ฉันสามารถฆ่าซางหยุนเฟิงด้วยการฟันครั้งเดียว แต่ฆ่าเขาแล้ว จะมีอะไรล่ะ? แต่ฉันยืมใช้เนื้อหนังของนายเพื่อผ่าท้องฟ้าด้วยกระบี่เพียงครั้งเดียว ก็เพื่อใช้ใช้บารมีข่มขู่นักบูโดชั้นเลิศในโลกบู๊โบราณล่างเหล่านั้น

“จากนี้ไป หากกลุ่มพวกที่ยืนอยู่ในโลกบู๊โบราณล่างชั้นยอดเหล่านั้นต้องการโจมตีนาย พวกเขาต้องชั่งใจดีๆแล้ว ว่าพวกเขามีคุณสมบัติเพียงพอหรือไม่”

หลังจากฟังคำพูดของเทพมารแล้ว ในที่สุดหยางเฉินก็เข้าใจเจตนาดีของอีกฝ่าย

ทันใดนั้นหยางเฉินก็ถามอีกครั้ง “ผู้อาวุโส เมื่อสักครู่ที่ที่ท่านใช้กระบี่โอรสสวรรค์ฟัน เหตุใดจึงปรากฎกระแสพลังงาน ที่นี่คือม่านพลังของโลกบู๊โบราณกลางกับโลกมนุษย์ มันถูกฉีกออกจากกันหรือยัง?”

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์