หยางเฉินยิ้มออกมาอย่างขมขื่น หญิงสาวคนนี้ก็คือหานเฟยเฟยนั่นเอง เพิ่งเจอกันตอนบ่ายของเมื่อวาน
ตอนนั้น หยางเฉินก็รู้สึกอยู่ว่าผู้หญิงคนนี้รู้จักตัวเอง แต่ตอนนั้นเขาก็มั่นใจมากๆ ว่า ทั้งคู่เพิ่งเคยได้เจอกันครั้งแรก
ตอนนี้พอได้มาเห็นเธอปรากฏตัวพร้อมกับหานเซี่ยวเทียน เขาถึงเข้าใจว่าเรื่องมันเป็นมายังไงกันแน่
หานเซี่ยวเทียนก็คือคนแก่ที่เขาช่วยไว้ที่ข้างทางเมื่อวาน ไม่นึกเลย ว่าตาแก่นี่จะเป็นผู้นำตระกูลหานไปซะได้
ไม่ใช่แค่หยางเฉินคนเดียวที่รู้จักหานเฟยเฟย ฉินซีเองก็รู้จัก รวมถึงเจิ้งเหม่ยหลิงที่หลบอยู่ด้านหลังเจิ้งหยันก็ด้วย
เมื่อวานตอนอยู่ที่งานนิทรรศการ เจิ้งเหม่ยหลิงกับเฉินอิงเหานั้นถูกหานเฟยเฟยไล่ออกไปต่อหน้าคนมากมาย
ตอนนี้ หานเฟยเฟยมาทักทายหยางเฉินอย่างเป็นกันเองแบบนี้ ก็เห็นได้ชัดว่า ผู้หญิงคนนี้รู้สึกเป็นมิตรกับหยางเฉินมากขนาดไหน
“ผู้มีพระคุณ ในที่สุดผมก็ได้เจอคุณ!”
“เจ้าบ้านหานเรียกผมว่าหยางเฉินก็พอครับ อย่าเรียกผมว่าผู้มีพระคุณเลย” หยางเฉินพูดด้วยรอยยิ้ม
“ฮ่าฮ่า ได้!”
หานเซี่ยวเทียนนั้นหัวเราะออกมาเสียงดัง ยิ่งมองหยางเฉินก็ยังชอบใจ
เมื่อวานจู่ๆ โรคหัวใจของเขาก็กำเริบจนล้มลงกับพื้น มีคนมากมายเข้ามามุงดู แต่กลับไม่มีใครยื่นมือเข้ามาช่วยเลย และในตอนที่เขากำลังรู้สึกสิ้นหวังอยู่นั้น หยางเฉินก็ปรากฏตัวขึ้น
ถึงแม้มันจะเป็นแค่การเอายาของเขาให้เขากิน
ต่อให้มันเป็นแค่การกระทำง่ายๆ แต่มันก็ได้ช่วยชีวิตของเขาไว้
เขาไม่ได้กลัวตาย แต่ก็ไม่อยากมาตายอย่างไร้ค่าแบบนี้
ดังนั้นเขาจึงรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณของหยางเฉินมาก ทันใดนั้น เขาก็สั่งให้คนไปตามสืบว่าใครเป็นคนที่ช่วยเขาไว้
ความจริงเขาสืบรู้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วว่าเป็นหยางเฉิน แต่ก็เจอกับสหายเก่า ดื่มไปเยอะมาก ลากยาวมาจนถึงวันนี้ถึงได้มาหาด้วยตนเอง
“หยางเฉิน ปีนี้อายุเท่าไหร่แล้ว?”
“ยี่สิบเจ็ดครับ!”
“ดูเธออายุยังน้อย ยังไม่ได้แต่งงานใช่มั้ย? เธอว่าหลานสาวของฉันเป็นยังไงบ้างล่ะ?”
“คุณปู่คะ!!!”
พอหานเซี่ยวเทียนได้เจอหยางเฉิน เขาก็รู้สึกถูกใจมาก จนถึงขั้นอยากจับคู่หยางเฉินกับหานเฟยเฟยเข้าด้วยกัน
หานเฟยเฟยนั้นทำหน้าทั้งโกรธทั้งอาย “คุณปู่คะ เขาแต่งงานไปแล้ว ส่วนนี่ก็คือภรรยาของเขาค่ะ!”
เมื่อวานตอนอยู่ที่งานนิทรรศการ หานเฟยเฟยกับฉินซีก็เคยเจอกันมาแล้ว
“หา?”
หานเซี่ยวเทียนทำหน้าเขินอาย แล้วรีบหันไปพูดกับฉินซีว่า “นี่สาวน้อย ฉันต้องขอโทษจริงๆ! ฉันไม่รู้ว่าหยางเฉินเขาแต่งงานไปแล้ว”
พอเห็นหยางเฉินกับหานเซี่ยวเทียนที่กำลังพูดคุยหยอกล้อกันอยู่ สีหน้าของคนในตระกูลโจวก็ดูแย่ไปตามๆ กัน
ถ้าหากว่าเมื่อก่อน พวกเขาทำตัวดีๆ กับหยางเฉินสักนิด ตอนนี้ก็มีเหตุผลให้เข้าหาผู้นำตระกูลสูงสุดของเหล่ามหาเศรษฐีแห่งเมืองเอกแล้ว
“เจิ้งหยัน นี่คือคุณลุงหัน ยังไม่รีบมาทักทายอีก!”
เจิ้งเต๋อหัวรู้สึกหงุดหงิดอยุ่ในใจ เจิ้งหยันไอ้หน้าโง่ นี่ไม่เห็นรึไงว่าเขานั้นมาพร้อมกับหานเซี่ยวเทียน?
ถึงกับต้องรอให้เขาเรียก ถึงได้รู้ว่าต้องมา
“คุณลุงหัน สวัสดีครับ!”
เจิ้งหยันวิ่งเหยาะๆ เข้ามา พร้อมกับสีหน้าที่ตื่นเต้น
“เจ้าบ้านหาน เขาเป็นลูกชายของผม เจิ้งหยัน ตอนนี้ ผมได้ส่งมอบเจิ้งเหอกรุ๊ปให้เขาดูแลแล้วครับ”
เจิ้งเต๋อหัวพูดไปยิ้มไป
เมื่อเห็นเจิ้งเต๋อหัวแนะนำลูกชายของตัวเองให้หานเซี่ยนเทียนรู้จักแล้ว เมียวเจิ้งอวี่ก็แอบพูดอยู่ในใจว่า แย่แล้ว
เขารู้จักคนอย่างหานเซี่ยวเทียนมากๆ ต่อให้เป็นเมียวเจิ้งอวี่เองก็ตาม นับตั้งแต่รู้จักกับหานเซี่ยวเทียนมานานขนาดนี้แล้ว ก็ยังไม่เคยเข้าหาเขาด้วยตนเองมาก่อนเลย
ไม่อย่างนั้น ด้วยฐานะและตำแหน่งของหานเซี่ยวเทียน แค่พูดคำเดียว ก็สามารถทำให้ตระกูลเมียวนั้นกลายเป็นตระกูลที่สูงที่สุดในเมืองโจวเฉิงแล้ว และคงไม่ต้องเป็นแค่ตระกูลระดับสองของเมืองโจวเฉิงมานานขนาดนี้หรอก
หานเซี่ยวเทียนจ้องมองเจิ้งหยันแวบหนึ่ง แล้วพูดออกมาอย่างเรียบเฉยว่า “อืม!”
ตอบไปแค่คำเดียว ก็ไม่อยากไปสนใจเจิ้งหยันอีก
หานเซี่ยวเทียนนั้นเป็นสหายร่วมรบกับเมียวเจิ้งอวี่ เคยผ่านความเป็นความตายมาด้วยกัน แต่กับเจิ้งเต๋อหัวนั้นไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรแบบนี้มาก่อน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงลูกชายของเจิ้งเต๋อหัวเลย
“คุณปู่คะ!”
ทันใดนั้นเอง เจิ้งเหม่ยหลิงก็ได้เดินเข้ามาเหมือนกัน
“เหม่ยหลิง รีบเรียกคุณปู่หันเร็ว!”
เจิ้งเต๋อหัวรีบบอกกล่าว
“คุณปู่หัน สวัสดีค่ะ!”
เจิ้งเหม่ยหลิงพูดออกมาอย่างไม่ค่อยชัดเจน
เมื่อกี้ หานเซี่ยวเทียนยังตอบกลับเจิ้งหยันว่า “อืม” ไปคำหนึ่ง แต่ตอนนี้เขากลับไม่มองเจิ้งเหม่ยหลิงเลยด้วยซ้ำ แถมยังทำหน้าหงุดหงิดด้วย
“เจ้าบ้านหาน เธอคือหลานสาวของผม……”
เจิ้งเต๋อหัวยังสังเกตไม่เห็นสีหน้าที่บึ้งตึงของหานเซี่ยวเทียน และยังคงแนะนำเจิ้งเหม่ยหลิงต่อ
เมียวเจิ้งอวี่จึงรีบพูดขึ้นมาว่า “เต๋อหัว อย่าพูดอะไรที่มันไร้สาระพวกนี้เลย!”
เมียวเจิ้งอวี่พูดจบ ยังหันไปส่งสายตาให้เจิ้งเต๋อหัวอีกด้วย
ในที่ตอนนี้ เจิ้งเต๋อหัวถึงได้สังเกตเห็นสีหน้าที่ไม่ชอบใจของหานเซี่ยวเทียน จึงรีบหุบปากไปทันที
“เหม่ยหลิง นี่เธอเป็นอะไรไป?”
เมื่อกี้เจิ้งเหม่ยหลิงพูดออกมาอย่างไม่ค่อยชัดเจนนัก จนตอนนี้เจิ้งเต๋อหัวถึงสังเกตเห็น ว่าแก้มกับปากของเจิ้งเหม่ยหลิงนั้นบวมเป่งขึ้นมาแล้ว จึงได้โมโหขึ้นมาทันที “ใครมันไปกินดีหมีหัวใจเสือมาจากไหน? แม้แต่หลานสาวของเจิ้งเต๋อหัวคนนี้ยังกล้าทำร้าย?”
เจิ้งเหม่ยหลิงทำหน้าดุร้าย ชี้นิ้วไปที่หยางเฉิน แล้วพูดพร้อมกับกัดฟันแน่น “คุณปู่ ไอ้สารเลวนั่นค่ะที่เป็นคนตบหนู!”
ความเกลียดชังที่เจิ้งเหม่ยหลิงมีต่อหยางเฉินนั้น ได้มาถึงขีดสุดแล้ว
ตอนที่ได้รู้ว่าหยางเฉินช่วยชีวิตของหานเซี่ยวเทียนไว้นั้น เธอก็ตั้งใจจะยอมแพ้เรื่องการแก้แค้นหยางเฉินแล้ว
แต่นี่เจิ้งเต๋อหัวคุณปู่ของเธอ กลับรู้จักกับหานเซี่ยวเทียน แถมยังให้เธอเรียกหานเซี่ยวเทียนว่าคุณปู่อีก เธอจึงเข้าใจไปว่า ในใจของหานเซี่ยวเทียนนั้นเธอต้องสำคัญกว่าหยางเฉินแน่นอน
พวกคนของตระกูลโจวนั้นต่างทำหน้าดีใจ สายตานั้นเต็มไปด้วยความคาดหวัง อยากเห็นว่าหานเซี่ยวเทียนนั้นจะจัดการกับหยางเฉินยังไง
“ว่าไงนะ?”
พอเห็นเจิ้งเหม่ยหลิงกำลังชี้ไปที่หยางเฉิน เจิ้งเต๋อหัวก็ช็อกไปทันทีเขานั้นยังถือว่ารู้ถึงสถานะของตัวเองดี ถ้าไม่ใช่เพราะเมียวเจิ้งอวี่ หานเซี่ยวเทียนก็คงไม่แม้แต่จะมองเขาเลยด้วยซ้ำแต่หยางเฉินนั้น เป็นถึงผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตของหานเซี่ยวเทียนไว้“พ่อครับ ไอ้หมอนี่เป็นแค่ลูกเขยที่แต่งเข้ามาอยู่ในบ้าน แล้วมันจะไปช่วยชีวิตของคุณลุงหันไว้ได้ยังไงครับ นอกจากว่า จะเป็นคนอื่นที่ช่วยคุณลุงหันไว้ แล้วมันก็ไปแอบอ้างรึเปล่า?”เจิ้งหยันไม่รู้ตัวว่าสีหน้าของผู้เป็นพ่อนั้นดูไม่ดีแล้ว เขายังคงพูดต่อไม่ยอมหยุด “ไอ้หมอนี่ทำตัวโอหัง ไม่เพียงทำร้ายเหม่ยหลิง แต่ยังให้คนทำร้ายผมด้วย!”“คุณปู่หัน คุณปู่อย่าถูกมันหลอกเด็ดขาดนะคะ!ต้องเป็นอย่างที่พ่อหนูพูดแน่เลยค่ะ เป็นคนอื่นที่ช่วยคุณปู่ไว้ พอไอ้หมอนี่มันรู้ว่าคุณปู่ไม่ใช่คนธรรมดา มันเลยแอบอ้างว่าเป็นคนที่ช่วยคุณปู่ไว้แน่นอนค่ะ”เจิ้งเหม่ยหลิงรีบพูดเสริมอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็มองหยางเฉินด้วยสีหน้าที่โหดเหี้ยม “เมื่อกี้แกยังทำตัวโอหังอยู่เลยไม่ใช่รึไง? ทำไมตอนนี้ถึงเงียบไปแล้วล่ะ?”“เธออีกแล้วเหรอนังผู้หญิงหน้าโง่ หุบปากเดี๋ยวนี้เลยนะ!”หานเฟยเฟยก็จำเจิ้งเหม่ยหลิงได้แล้ว จึงได้พูดไปด้วยสายตาที่ไม่ชอบใจว่า “คุณปู่ของฉันเป็นคนระดับไหน แล้วคนโง่เง่าที่ไร้ยางอายอย่างเธอ มีสิทธิ์อะไรมาทำตัวสนิทสนมกับท่าน?”“คุณหานคะ ก่อนหน้านี้ระหว่างเราน่าจะมีเรื่องเข้าใจผิดกัน มันเป็นเพราะ……” เจิ้งเหม่ยหลิงที่กำลังจะอธิบาย กลับถูกหานเฟยเฟยพูดขัดอย่างไม่ใยดี “หุบปาก! ถ้าเธอยังกล้าพูดอีกแม้แต่คำเดียว หลังจากวันนี้ เมืองโจวเฉิงก็จะไม่มีตระกูลเจิ้งอีก!”ถึงหานเฟยเฟยจะดูเหมือนคนที่อายุยี่สิบเท่านั้น แต่รังสีที่อยู่รอบตัวนั้นกลับน่าเกรงขามมาก พอตวาดออกมาแบบนี้ ทำเอาเจิ้งเหม่ยหลิงตกใจจนสะดุ้ง จนต้องกลืนคำพูดที่ยังไม่ได้ออกจากปากให้ลงคอไป“นังสารเลว ยังไม่รีบขอโทษคุณหานอีก!”เจิ้งเต๋อหัวที่สีหน้าเกรี้ยวกราด หันมาตวาดใส่เจิ้งเหม่ยหลิงกว่าที่เขาจะสามารถมีความสัมพันธ์กับหานเซี่ยวเทียนนั้นมันไม่ง่ายเลย แต่ตอนนี้กลับถูกเจิ้งเหม่ยหลิงมาทำลายซะได้
copy right hot novel pub