โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

The king of War

บทที่ 268 ถูกขวางทางแล้ว

ที่ชั้นบนสุดของเป่ยหวนชุน ในห้องทรงศักดิ์

หยางเฉินนั่งอยู่ตรงที่นั่งประธาน สองพ่อลูกซูเฉิงอู่กับซูซาน นั่งอยู่ซ้ายคนขวาคน

มีอาหารขึ้นชื่อมากมายตั้งอยู่บนโต๊ะ และยังมีไวน์แดงLafiteที่อายุเก่าแก่วางอยู่อีกหลายขวด

ซูเฉิงอู่รินไวน์Lafiteด้วยตนเองสองแก้ว ยื่นให้หยางเฉินแก้วหนึ่ง ส่วนอีกแก้วก็เอาให้ตัวเอง เขายืนขึ้นแล้วพูดว่า “คุณหยางครับ ที่เชิญคุณมาวันนี้ ก็เพื่อต้องการแสดงการขอบคุณที่ผมมีให้แก่คุณ”

“ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่หน้าบ้านตระกูลซู มีคนต้องการลอบสังหารซูซาน คุณก็ได้ช่วยเธอไว้!”

“อาทิตย์ก่อน ระหว่างทางที่ไปยังเมืองโจวเฉิง ซูซานก็ถูกลอบสังหารอีกครั้ง แล้วคุณก็ได้ช่วยเธอไว้อีกครั้ง!”

“แล้วหลังจากนั้น ที่อยู่ในบ้านตระกูลหยวน ซึ่งคุณ คิดคนที่ทำให้เราได้รู้ว่าคนที่ต้องการลอบสังหารซูซาน ก็คือตระกูลหยวน”

ทันใดนั้น ซูซานก็ได้ลุกขึ้นเหมือนกัน แล้วพูดด้วยสีหน้าที่ซาบซึ้งว่า “หยางเฉิน ขอบคุณค่ะ!”

เดิมทีที่หยางเฉินตอบรับคำเชิญ ก็ตั้งใจที่จะมาดึงตัวซูเฉิงอู่ให้เป็นพวก ตอนนี้เซี่ยเหอก็ได้เป็นผู้จัดการใหญ่ของร้านอาหารเป่ยหยวนชุนไปแล้ว หยางเฉินจึงต้องให้เกียรติซูเฉิงฮุ่เหมือนกัน

“ผู้นำซูเกรงใจเกินไปแล้วครับ!”

เขาเองก็ยกแก้วแล้วลุกขึ้นมา “ซูซานเป็นเพื่อนรักของภรรยาผม เมื่อเห็นเธอตกอยู่ในอันตราย ผมก็ไม่อาจยืนดูอยู่เฉยๆ ได้อยู่แล้วครับ!”

ซูเฉิงอู่รู้สึกว่าดีใจจากการให้ความสำคัญที่ได้รับ เดิมทีเขานั้นเตรียมใจที่จะถูกหยางเฉินทำตัวเฉยชาใส่แล้ว ไม่นึกเลยว่าหยางเฉินไม่เพียงไม่ทำ แต่กลับยังให้เกียรติเขาด้วย

“ฮ่าฮ่า ถ้าอย่างนั้นผมก็ไม่เกรงใจแล้วนะครับ คุณหยาง ผมกับซูซานขอดื่มอวยพรคุณหนึ่งแก้ว พวกเราหมดแก้วเชิญคุณทำตัวตามสบายเลยครับ!”

ซูเฉิงอู่หัวเราะเสียงดัง แล้วดื่มไวน์ครึ่งแก้วหมดในทีเดียว

แต่ซูซานนั้นก็รู้สึกผิดหวัง เพราะการที่หยางเฉินช่วยเธอไว้ ไม่ใช่เพราะเธอคือซูซาน แต่เป็นเพราะเธอคือเพื่อนรักของฉินซีเท่านั้น

ตั้งแต่ที่อยู่หน้าบ้านตระกูลซูครั้งก่อน หลังจากที่เธอถูกหยางเฉินช่วยไว้ ทันใดนั้น เธอก็เกิดตกหลุมรักหยางเฉินตั้งแต่แรกพบแล้ว

แต่พอคิดว่าหยางเฉินนั้นเป็นสามีของเพื่อนรักเธอ เธอจึงจำเป็นต้องเก็บซ่อนความรู้สึกที่ทำให้หัวใจเต้นเร็วนั้นไว้ในส่วนลึกของหัวใจ

แต่หลังจากนั้น เธอกลับได้รู้ว่า เธอไม่อาจควบคุมความรู้สึกที่มีต่อหยางเฉินได้เลย ในทางกลับกัน มันกลับยิ่งรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

หลังจากนั้นอีก ระหว่างทางที่เดินทางไปเมื่อโจวเฉิง หยางเฉินก็ได้ช่วยเธอไว้อีกครั้ง เธอถึงได้รู้ตัวว่า เธอนั้นได้หลงรักผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่ใช่ของตัวเองอย่างกู่ไม่กลับแล้ว

พอนึกถึงสิ่งเหล่านี้ ซูซานก็ยิ่งรู้สึกผิดหวังเข้าไปอีก เธอเองก็ดื่มจนหมดแก้วไปพร้อมกับซูเฉิงอู่

อาหารมื้อนี้ ได้กินกันด้วยความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไป

ซูเฉิงอู่ที่ต้องการเข้าหาหยางเฉินมาโดยตลอด ซูซานที่ทำได้แค่รักคนรักของเพื่อนรัก เซี่ยเหอที่กำลังซาบซึ้งใจ หยางเฉินที่ต้องการชักชวนตระกูลซู

“คุณหยางครับ คนของตระกูลเว่ยนั้นไม่ใช่พวกที่จะรับมือด้วยง่ายๆ วันนี้คุณไปทำให้ผู้หญิงคนนั้นต้องอับอายต่อหน้าผู้คน ตระกูลเว่ยต้องไม่ยอมอยู่เฉยแน่นอนครับ”

ทันใดนั้นซูเฉิงอู่ก็พูดเตือนขึ้นมา และได้พูดต่อว่า “แต่คุณหยางไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ถ้าตระกูลเว่ยมันกล้าทำอะไรไม่ดีลับหลังคุณต่อให้ตระกูลซูต้องทุ่มสุดกำลัง ก็ไม่มีทางทำให้ตระกูลเว่ยได้อยู่อย่างสงบสุขแน่นอนครับ”

หยางเฉินยิ้มเยาะเย้ยออกมา “ผมยังห่วงอยู่เลยครับว่า ตระกูลเว่ยจะไม่มาหาเรื่องผมด้วยซ้ำ!”

เขานั้นยังคงจดจำตระกูลเว่ยมมโดยตลอด เมื่อได้รู้ว่าตระกูลเว่ยนั้นก่อตั้งขึ้นมาจากธุรกิจที่ค้าขายผู้หญิง เขาก็ได้เอาชื่อของตระกูลเว่ยใส่เข้าไปในบัญชีดำแล้ว

ถ้าไม่ใช่กลัวว่าจะแหวกหญ้าให้งูตื่น เขาก็คงลงมือกับตระกูลเว่ยไปนานแล้ว

ซูเฉิงอู่นั้นรู้ดีอยู่แล้ว ถ้าตระกูลเว่ยกล้าทำอะไรหยางเฉินจริงๆ ก็มีแต่ต้องตายสถานเดียว

แต่พอนึกถึงอำนาจลึกลับที่คอยหนุนหลังตระกูลเว่ยอยู่ ซูเฉิงอู่ก็ยังตัดสินใจที่จะพูดเตือนไปว่า “คุณหยางครับ คุณอย่าได้ดูถูกตระกูลเว่ยเด็ดขาดนะครับ ในเมืองเจียงโจวนั้น ตระกูลซู ตระกูลกวน ตระกูลจวงและตระกูลเว่ย ถูกขนามนามว่าสี่พรรกแห่งเมืองเจียงโจว แต่ตระกูลเว่ยนั้นถือเป็นตระกูลที่ลึกลับที่สุด มีความเป็นไปได้สูงว่าอำนาจทั้งหมดที่ตนะกูลเว่ยมีนั้นน่าจะเกินกว่าทั้งสามตระกูลไปไกลแล้วครับ!”

“หือ?”

หยางเฉินรู้สึกตกใจนิดหน่อย จู่ๆ ก็นึกถึงเบื้องหลังของตระกูลเว่ย เครือข่ายสัมพันธ์ที่คอยส่งสาวงามให้กองกำลังทั้งหมดของมณฑลเจียงผิงนั่น

“หรือจะบอกว่า ตระกูลเว่ยยังมีอำนาจที่ยิ่งใหญ่คอยหนุนหลังอยู่ใช่มั้ยครับ?”

ซูเฉิงอู่พยักหน้า แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมว่า “การที่ผมต้องพูดแบบนี้ ก็เพราะว่าองค์กรที่คอยหนุนหลังตระกูลเว่ยนั้น มันลึกลับเกินไป ทั้งที่ผ่านมานานขนาดนี้แล้ว พวกเขาก็ไม่เคยปรากฏตัวออกมาเลยครับ”

“ตระกูลจวงนั้นได้ร่วมมือกับตระกูลเมิ่งของเมืองเอกแล้ว ตระกูลกวนนั้นพึ่งพาแค่ความสามารถของตนเอง จนขึ้นเป็นหนึ่งในสี่พรรกแห่งเมืองเจียงโจว ส่วนตระกูลซูของผมนั้น เป็นเพราะเมื่อนานมาแล้วได้รับความช่วยเหลือจากพ่อบ้านเก่าแก่ของตระกูลอี๋เหวินถึงมีวันนี้ได้”

“มีเพียงตระกูลเว่ยเท่านั้น ที่ลึกจนมิอาจหยั่งถึง เบื้องหลังก็ลึกลับอย่างถึงที่สุด แถมตระกูลเว่ยยังมีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจอีกมากมาย แค่คำนวณคร่าวๆ ธุรกิจที่มั่นคงของตระกูลเว่ยก็มากกว่าตระกูลซูไปไกลแล้วครับ!”

“ความจริง เศรษฐีอันดับหนึ่งของเมืองเจียงโจวควรเป็นตระกูลเว่ยมากกว่าด้วยซ้ำ แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทรัพย์สินที่ตระกูลเว่ยประกาศต่อหน้าสาธารณชนนั้นกลับน้อยที่สุดในสี่พรรกแห่งเมืองเจียงโจว”

เมื่อได้ฟังข้อมูลที่ซูเฉิงอู่ให้มานั้น สีหน้าของหยางเฉินดูเคร่งขรึมขึ้นมา

ไม่ใช่เพราะถูกตระกูลเว่ยทำให้เขาตกใจเข้า แต่เป็นเพราะทุกอย่างมันอธิบายได้อย่างชัดเจนว่า คนที่หนุนหลังตระกูลเว่ยอยู่นั้น มีที่มาที่ไม่ธรรมดาเลย

เขาถึงขั้นคาดเดาว่า ผู้ที่หนุนหลังตระกูลเว่ยอยู่ ต้องเป็นกลุ่มคนที่คอยจัดส่งสาวงามให้ตระกูลเว่ยแน่นอน

ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ก็แสดงว่า กำไรส่วนที่ตระกูลเว่ยได้รับ ก็ต้องส่งให้คนที่อยู่เบื้องหลังแน่นอน

ถ้าเป็นแบบนี้ มันก็จะสามารถอธิบายได้ว่าทั้งที่ธุรกิจที่มั่นคงของตระกูลเว่ยนั้นมีมากกว่าตระกูลซูอย่างชัดเจน แต่ทรัพย์สินที่มีกลับมีน้อยสุดในสี่พรรกแห่งเมืองเจียงโจว

และองค์กรนี้ ไม่เพียงแค่จัดส่งสาวงามให้ตระกูลเว่ยเท่านั้น แต่ยังมีตระกูลอื่นๆ ในมณฑลเจียงผิงอีกด้วย

และมีความเป็นไปได้สูงว่าที่เมืองต่างๆ ก็มีการไปทำธุรกิจแบบนี้ด้วยเหมือนกัน

แล้วในจิ่วโจวยังมีตระกูลอีกเท่าไหร่ที่เป็นเหมือนกับตระกูลเว่ย?

ที่ทุกๆ ตระกูลต่างก็จ่ายกำไรกว่าครึ่งไปให้กับองค์กรเหล่านี้ แล้วองค์กรทั้งหมดที่รวมๆ กัน จะจ่ายกำไรให้องค์กรนั้นมากขนาดไหนกัน?

องค์กรที่มีกำลังทรัพย์มากขนาดนี้ ต่อให้เป็นตระกูลเศรษฐีของเมืองเอก ก็ยังไม่อาจเทียบเคียง ต้องระดับแปดประตูแห่งเย็นตูจึงอาจเป็นไปได้

ถ้าเป็นแบบนั้นจริง มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว

“คุณหยางครับ?”

พอซูเฉิงอู่เห็นว่าหยางเฉินไม่มีการตอบโต้ จึงได้เรียกเขาอย่างระมัดระวัง

หยางเฉินจึงได้ดึงสติกลับมา แล้วได้ถามต่อว่า “ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับคนที่ตระกูลเว่ยหนุนหลังแม้แต่นิดเดียวเลยเหรอครับ?”

ซูเฉิงอู่ส่ายหน้าด้วยความขมขื่น “ไม่มีเลยจริงๆ ครับ!”

หยางเฉินพยักหน้า แม้แต่ตระกูลซูยังไม่สามารถสืบหาข้อมูลของอีกฝ่ายได้ ก็แสดงว่า ความสามารถในการป้องกันการรั่วไหลของกลุ่มคนเหล่านี้ มันสูงมาก

“นี่ก็ได้เวลาแล้ว วันนี้พอแค่นี้ก่อนแล้วกันครับ!”

หยางเฉินมองดูเวลา นี่ก็สามทุ่มกว่าแล้ว ฉินซีกับเสี้ยวเสี้ยวยังรออยู่ที่บ้านอีก ว่าแล้วเขาก็ลุกขึ้นแล้วบอกลา“ครับ ถ้าอย่างนั้นผมก็ไม่รบกวนเวลาของคุณหยางแล้ว หลังจากวันนี้ ถ้าคุณหยางมีอะไรให้ผมรับใช้ก็บอกมาได้เลยครับ”ซูเฉิงอู่พูดด้วยรอยยิ้ม สำหรับอาหารค่ำในวันนี้นั้น เขาพึงพอใจมากเขากับซูซานส่งหยางเฉินไปที่หน้าโรงแรมด้วยตนเอง หลังเห็นหยางเฉินจากไปแล้ว สองพ่อลูกถึงได้จากไประหว่างทางที่กลับไป ซูเฉิงอู่นั้นทำหน้าดีอกดีใจ พูดไปหัวเราะไปว่า “นี่ซานซาน ครั้งนี้นี่เป็นเพราะแกเลยนะ ไม่อย่างนั้น ใครจะไปรู้ว่าตระกูลของเราต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไหร่จึงจะได้คบค้าสมาคมกับคุณหยางได้ซูซานนั้นไม่ค่อยมีอารมณ์ร่วมด้วยเท่าไหร่ แววตาของเธอนั้นยังดูผิดหวังอยู่เลย“ทำไมแกถึงดูไม่ค่อยพอใจล่ะ? แกรู้มั้ยว่าคุณหยางนั้นเป็นใคร? เขานั้นเป็นถึง……”ซูเฉิงอู่กำลังจะบอกว่าหยางเฉินนั้นมีความเกี่ยวข้องกับตระกูลอวี๋เหวิน แต่พอนึกถึงสายตาอันเคียดแค้นที่หยางเฉินมีต่อตระกูลอวี๋เหวินนั้น เขาก็ต้องรีบกลืนคำพูดที่ยังไม่ได้พูดลงคอไปทันที“ซานซาน ตั้งแต่นี้ไป แกต้องคิดหาวิธีเข้าหาคุณหยางให้มากๆ นะ”สายตาของซูเฉิงอู่เกิดประกายที่ไม่ปกติขึ้น ทันใดนั้น เขาก็พูดออกมาว่า “ถ้าได้เป็นผู้หญิงของคุณหยางละก็ ความสำเร็จที่รอตระกูลซูของฉันอยู่ มันก็ไม่มีที่สิ้นสุดเลยล่ะ!”ซูซานส่ายหน้าด้วยความขมขื่น “พ่อค่ะ หนูเหนื่อยแล้ว ถ้ากลับถึงบ้าน พ่อช่วยปลุกหนูหน่อยนะคะ!”พูดจบ ซูซานก็พิงไปยังเบาะที่แสนสบายเพื่อพักผ่อนในอีกด้านหนึ่ง หยางเฉินที่เพิ่งมาถึงหมู่บ้านวิลล่าตรงภูเขาจิ่วเฉิง ในตอนที่กำลังจะทะลุผ่านถนนที่ตัดผ่านยอดเมฆานั้น จู่ๆ ก็มีเงาดำเงาหนึ่งมาขวางอยู่กลางถนน

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์