โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

ทะเลทรายสีน้ำผึ้ง

ตอนที่ 14 หงุดหงิดเพราะอาการน้อยใจ

มณีอินลืมตาตื่นขึ้นช้าๆหญิงสาวรู้สึกหนักหัวมาก อารีอาเห็นหญิงสาวขยับตัวจึงเดินไปปลุกกาซิมทั้งสองจึงลุกไปดูหญิงสาว

“ฟื้นแล้วหรือครับคุณอิน”กาซิมถาม

“ขอน้ำหน่อยค่ะ”หญิงสาวบอกเสียงแหบพร่า เด็กสาวยกแก้วน้ำมาจรดที่ปากเรียวและประคองให้หญิงสาวดื่ม

“ขอบคุณมาก”

“ผมมีอีกเรื่องที่จะบอกคุณ พ่อของคุณนพมาศเสียเธอก็เลยต้องเดินทางกลับประเทศไทยด่วน”

“ค่ะ ไม่เป็นไร ฉันทำคนเดียวได้สบายมาก” หญิงสาวยิ้ม

“หิวหรือเปล่าผมจะได้บอกให้เขาหาอะไรมาให้ทาน” หญิงสาวส่ายหน้า เธออยากพักผ่อนมากกว่า

“ไม่ค่ะ ฉันอยากนอนพักนะคะพรุ่งนี้จะได้กลับไปทำงานต่อ” หญิงสาวบอก

“คงยังไม่ได้นะครับเพราะคุณหมอบอกให้คุณอินนอนพักอีกสองสามวัน”

“แต่ว่า...”หญิงสาวทำท่าจะค้าน

“ถ้าคุณอินอยากหายเร็วๆก็ต้องเชื่อหมอเขาซิครับ นอนเถอะครับดึกมากแล้ว”

มณีอินเอนตัวลงนอนอีกครั้งและก็หลับไปด้วยความเพลียจากพิษไข้ เมื่อเห็นว่าหญิงสาวหลับแล้วกาซิมและอารีอาจึงไปนอนบ้าง

กาซิมกลับมาที่คฤหาสน์เพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าและรายงานเจ้านายหนุ่มถึงอาการของหญิงสาว

“เป็นไงบ้างกาซิม” จามาลเอ่ยถามขึ้นก่อน

“เธอฟื้นแล้ว แต่ดื้อจะมาทำงานต่อให้ได้ ผมต้องใช่คำขู่หลายอย่างกว่าเธอจะยอม”

“ฮึ ฮึ” ชายหนุ่มหัวเราะ

“นายหัวเราะอะไรครับ” นาธาลถามอย่าสงสัย

“เปล่า” ชายหนุ่มตอบ

“ตั้งแต่คุณมณีอินมาที่นี่นายของเราก็อารมณ์ดีเกือบทุกวัน หัวเราะอย่างไม่มีสาเหตุ” กาซิมพูดกระเซ้านายหนุ่ม

“รู้ดีจริงนะพวกนายเนี่ย”

“วันนี้วันหยุดนายจะไปเยี่ยมเธอหรือเปล่า” นาธาลถาม

“ฉันมีนัดกับฟีน่าจะพาเธอไปทานข้าวและก็ดูหนัง” ชายหนุ่มบอก

“พวกนายก็ไปพักผ่อนกันได้แล้ว เอ่ออย่าลืมเอาเสื้อผ้าไปให้อารีอาด้วยนะ ช่วงกลางวันมีพยาบาลเฝ้าให้ใช่ไหม”

“ครับผมเลยกลับมานอนที่บ้านดีกว่า นอนที่โน่นหลับๆตื่นๆ” กาซิมบอก

“งั้นนายไปพักเถอะเดี๋ยวฉันเอาเสื้อผ้ากับอาหารไปให้อารีอาเอง”นาธาลหันมาบอกกับเพื่อนรัก

“ขอบใจมาก” กาซิมกล่าวและเดินออกมาจากห้องทำงานของชายหนุ่มก่อนจะแยกย้ายกันไปทำตามหน้าที่ของตนเอง

หญิงสาวรู้สึกรำคาญไม่น้อยที่ต้องนั่งๆ นอนๆ อยู่กับเตียงแบบนี้แถมเจ้าของไข้ก็ไม่มาสนใจ ส่งแต่ลูกน้องมาแทน

“คนใจดำ ไม่สบายเพราะทำงานให้เขาแท้ๆ กลับไม่มาสนใจเราแม้แต่น้อย ใจดำ ใจดำที่สุดเลย” หญิงสาวทุบกำปั้นลงบนหมอนเพื่อระบายอารมณ์ อารีอาเข้ามาก็ต้องชะงักเท้าเพราะเกรงกลัวหญิงสาวอยู่ไม่น้อย มณีอินยิ้มให้เด็กสาวแบบเจื่อนๆ

“เข้ามาซิฉันแค่ระบายอารมณ์นะ” เด็กสาวมองหน้าเธออย่างไม่เข้าใจความหมาย

“เฮ้อ เธอคงไม่เข้าใจที่ฉันพูดหรอก” หญิงสาวล้มตัวลงนอน หมอหนุ่มเดินเข้ามาตรวจอาการให้กับหญิงสาวอีกรอบ “ฉันกลับบ้านได้หรือยังคะคุณหมอ” หญิงสาวถาม

“ครับ คุณหายเร็วมาก ผมขอตรวจอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ” เขากล่าวชมเธอ

“เชิญเลยค่ะ ฉันอยากออกไปจากโรงพยาบาลจะแย่อยู่แล้ว แบบว่าฉันกลัวเข็มนะคะ” หญิงสาวยิ้มให้เขาอย่างเขินๆ

“คนป่วยส่วนมากก็เป็นแบบนี้กันทุกราย” เขาบอกแล้วทำการตรวจร่างกายของเธออีกครั้ง

“กลับได้เลยครับแต่ต้องทานยาตามที่หมอสั่งนะครับจะได้หายเร็วขึ้น”

“ขอบคุณมากค่ะ” หญิงสาวยิ้ม พอดีกับที่นาธาลเดินเข้ามาพอดี

“คุณหมออนุญาตให้อินกลับบ้านแล้วนะคะคุณนาธาล”หญิงสาวบอกเขาด้วยความดีใจ

“จริงหรือเปล่าครับงั้นก็ดีซิครับ อารีอาช่วยคุณเขาเปลี่ยนเสื้อผ้านะเราจะได้กลับบ้านกัน

มณีอินลงจากรถแล้วมายืนกางแขนรับอากาศเข้าให้เต็มปอด “สบายจังเลยนะคะอยู่ที่โรงพยาบาลอึดอัดจะแย่”

“ดูท่าทางคุณอินไม่ชอบโรงพยาบาลเลยนะครับ”

“ค่ะ ฉันสูญเสียคุณย่าที่ฉันรักไปที่โรงพยาบาลนะคะก็เลยฝั่งใจมาตั้งแต่ตอนนั้น” หญิงสาวเล่าให้ชายหนุ่มฟัง และหันมาขอบคุณเขาที่มาส่ง “ขอบคุณมากนะคะ” แล้วเดินเข้าห้อง

พอเข้ามาในห้องก็รู้สึกคันไม้คันมืออยากทำงานต่อ “เฮ้อ ทำงานต่อดีกว่าจะได้เสร็จเร็วๆ” หญิงสาวลุกขึ้นเอากล้องมาเปิดดูภาพที่ตัวเองถ่ายไว้และเลือกรูปที่เหมาะสมที่จะเปิดเผยได้บันทึกลงในฮาร์ดดิสก์ไดร์ที่นำมาด้วย โชคดีที่เขาเตรียมเครื่องคอมเอาไว้ให้หญิงสาวด้วยจึงไม่จำเป็นต้องพกมาด้วยจากเมืองไทย

“หายดีแล้วหรือเรานะ” หญิงสาวหันไปตามเสียงที่ดังมาจากทางหน้าประตูห้อง

“คุณซาฮา” หญิงสาวลุกขึ้นและยกเก้าอี้มาให้ผู้อาวุโสนั่ง

“หายดีแล้วค่ะ”

“ฉันไม่ว่างเลยก็เลยไม่ได้ไปเยี่ยมเธอ”

“ไม่เป็นไรค่ะ หนูรู้ว่าท่านมีงานยุ่งอยู่แถมหนูก็ไม่ได้เป็นอะไรมากนี่คะ” หญิงสาวยิ้ม“เธอนี่เข้าใจพูดนะ ตอนแรกนึกว่าจะชอบยุ่งเรื่องของชาวบ้านอย่างเดียว” ซาฮาหัวเราะ“แหมก็มีบ้างนะคะ” หญิงสาวยิ้มเขินๆ“ฉันแวะมาดูเธอทำงานต่อเถอะแล้วอย่าลืมลงไปทานข้าวนะวันนี้มีแค่เราสองคนเท่านั้น จามาลก็ไปเที่ยวกับแฟนเขากว่าจะกลับก็คงดึก”หญิงสาวรู้สึกหมั่นไส้ชายหนุ่มขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ทิ้งป้าตัวเองไว้บ้านส่วนตัวเองไปเที่ยวกับแฟน มิน่าล่ะถึงไม่มีเวลาไปเยี่ยมเรา แล้วทำไมเขาต้องไปเยี่ยมเราด้วยล่ะยัยอินบ้าไปแล้วนะเธอนี่ หญิงสาวนึกด่าตัวเองในใจ มณีอินนั่งแกะเทปบันทึกที่นพมาศทำค้างไว้จนดึก หญิงสาวได้ยินเสียงรถแล่นเข้ามาจอดและเดาได้ว่าน่าจะเป็นเจ้าของคฤหาสน์และแฟนสาวของเขาเสียงหัวรอต่อกระซิกดังเข้ามาในโสตประสาทของหญิงสาว “เธอจะไปสนใจเขาทำไมกันยัยอินทำงานของเธอให้เสร็จจะได้รีบกลับบ้าน” หญิงสาวพร่ำบอกกับตนเอง และมุ่งความสนใจมาที่เทปตรงหน้า เวลาผ่านไปนานเท่าไรก็ไม่ทราบได้เธอหันไปมองนาฬิกาที่ข้างฝาห้องเข็มชี้บอกเวลาเที่ยงคืนตรง มณีอินแปลกใจว่าทำไมวันนี้ถึงไม่ได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวนนั้นอีกหรือว่า ชายหนุ่มจัดการกับผู้หญิงคนนั้นไปแล้ว ยิ่งคิดหญิงสาวก็ยิ่งกลัวลมภายนอกพัดผ่านหน้าต่างห้องเข้ามาทำให้หญิงสาวถึงกับขนลุกจึงเดินไปปิดหน้าต่างสายตาของหญิงสาวก็หันไปเห็นบทรักอันร้อนแรงเข้าพอดี และดูเหมือนว่าอีกฝ่ายก็จะเห็นเธอเช่นเดียวกัน หญิงสาวรีบดึงหน้าต่างเข้าหากันและดึงม่านเข้ามาปิดแล้วจึงถอยหลังไปนั่งที่เตียงหัวใจของหญิงสาวเต้นเร็วจนจับเวลาแทบไม่ทัน จามาลเพ่งมองไปยังห้องหญิงสาวอีกครั้งเขาไม่ได้ตาฟาด มณีอินกลับมาแล้วกลับมาตั้งแต่เมื่อไรทำไมเขาถึงไม่รู้ อาการชะงักไปของชายหนุ่มทำให้ฟีน่าลืมตาขึ้นมอง“มีอะไรหรือคะจามาล”“วันนี้พอแค่นี้ก่อนดีกว่า ผมกลัวจะอดใจไว้ไม่ไหวนะครับคุณกลับบ้านก่อนนะเดี๋ยวผมไปส่ง” ชายหนุ่มบอกและประคองหญิงสาวไปที่รถก่อนจะขึ้นไปประจำที่คนขับ มณีอินได้ยินเสียงรถแล่นออกไป“สงสัยคงไปหาที่เงียบๆทำภารกิจกันต่อ คนอะไรหน้าไม่อายจะทำอะไรก็ไม่รู้จักเลือกสถานที่ ทุเรศที่สุด ดีแล้วที่พี่กานต์หลุดพ้นมาได้ไม่งั้นละก็ตกนรกทั้งเป็นแน่” หญิงสาวพึมพำกับตนเอง พอจะล้มตัวลงนอนเธอก็ได้ยินเสียงกรีดร้องดังมาอีกครั้ง คราวนี้หญิงสาวไม่รอช้ารีบลุกจากเตียงและตรงไปที่ห้องลึกลับห้องนั้นทันที มณีอินค่อยๆแย้มบานประตูเปิดออกภาพที่เห็นคือหญิงสาวร่างผอมบางกำลังกว้างปาข้าวของใส่คนที่อยู่เบื้องหน้า ก่อนที่สาวใช้สามสี่คนจะเข้าไปช่วยกันจับเอาไว้ อาการแบบนี้เหมือนกับคนเสียสติหรือว่าโดนชายหนุ่มทรมานจนเสียสติงั้นหรือ “หยุดได้แล้วนะยามีนะ หยุดทำแบบนี้เสียที” เสียงหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับเสียงสะอื้น

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์