โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

ทะเลทรายสีน้ำผึ้ง

ตอนที่ 32 อยากบอกว่ารักสุดหัวใจ

วันทั้งวันจามาลนั่งไม่เคยติดเก้าอี้เลย เขาเฝ้ารอการติดต่อกลับมาของลูกน้องและหวังลึกๆในใจว่าจะได้รับฟังข่าวดีแต่ก็เงียบหายกันไปหมดจนเขาทนรอไม่ไหวเป็นฝ่ายติดต่อกลับไปเสียเอง

“ว่าไงได้ข่าวอะไรกันบ้างแล้ว เงียบหายกันไปหมด” ชายหนุ่มถามเสียงแข็งและพยายามจะไม่ใส่อารมณ์กับพวกเขา “ยังไม่มีข่าวคืบหน้าเลยครับนายตอนนี้พวกผมกำลังสอบถามชาวบ้านอยู่ต้องถ้าพวกมันผ่านมาทางนี้จริงๆต้องมีคนเห็นบ้างนะครับ กาซิมกำลังเดินไปถามอยู่ครับนาย” นาธาลรายงาน

“แล้วกาซิมเป็นยังไงบ้าง” ชายหนุ่มถาม

“ก็คงจะเหมือนกับนายนั่นแหล่ะครับ คงไม่ต้องให้ผมบอกนะครับ”

“เอ่อ...ไม่ต้องได้เรื่องอะไรแล้วรีบโทรมาด่วนนะเข้าใจหรือเปล่า”

“ครับนาย”

วันนี้ชายหนุ่มเตรียมตัวเอาไว้แล้วว่าจะไปกับลูกน้องแต่กรรมการทั้งหลายก็ดันมามีปัญหาเอาวันนี้ ชายหนุ่มจึงหัวเสียและอารมณ์หงุดหงิดมากเป็นพิเศษแต่เขาจะเอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับเรื่องงานไม่ได้เด็ดขาดเพราะคนที่จ้องเล่นงานเขาและอยากปลดเขาออกจากประธานบริษัทก็มี

เหลือเวลาอีกแค่หนึ่งวันเท่านั้นที่มณีอินและยามีนะจะถูกส่งตัวขายต่อให้กับใครก็ไม่รู้...ความกดดันจึงมีมากขึ้นทุกชั่วโมง

“พี่อินมีนะกลัวจังเลยค่ะ” ยามีนะเอ่ยขึ้นเมื่อล้มตัวลงนอน มณีอินจึงขยับเข้าไปใกล้ๆและกอดเด็กสาวเอาไว้หลวมๆ

“ไม่ต้องกลัวนะ พี่ไม่ยอมให้พวกมันทำอะไรมีนะได้หรอก” มณีอินบอกเสียงหนักแน่น

“แต่มีนะต้องจำเอาไว้นะว่า ถ้ามีโอกาสหนีก็ให้วิ่งหนีให้สุดแรงเลยนะอย่าเป็นห่วงพี่” หญิงสาวบอกและมองสบตากับเธอ

“พี่อินพูดแบบนี้อีกแล้ว”

“พี่พูดจริงๆ เธอต้องทำได้สัญญาซิ” หญิงสาวมองหน้าอีกฝ่ายอย่างคาดคั้น

“ค่ะ..มีนะสัญญา”เด็กสาวพยักหน้ารับและพากันหลับเพื่อเอาแรงไว้ในวันพรุ่งนี้

คนร้ายทั้ง 3 รอฟังคำสั่งเพื่อยืนยันอีกครั้ง “เฮ้ย นายโทรมาแล้วโว้ย”

“ว่าไงครับนาย” มันพยักหน้ารับสองสามครั้งและกดวางสายก่อนจะหันมาหาเพื่อนอีกสองคน

“นายว่าไงว่ะ”

“ทุกอย่างเหมือนเดิม เสร็จงานนี้ข้าว่าจะไปพักผ่อนต่างประเทศให้ชุ่มปอดเลยว่ะ”

“ส่วนข้านะจะหาสาวๆมานอนกอดให้สบายใจไปเลย”

“ระวังโรคบ้างนะเพื่อน” อีกคนพูดขัดขึ้นและพากันหัวเราะชอบใจ ผิดกับสองสาวในห้องที่แอบฟังอย่างใจระทึก

“พี่อิน” ยามีนะเขย่าแขนมณีอินอย่างแรงและปล่อยน้ำตาออกมา หญิงสาวต้องปลอบโยนทั้งตนเองและคนข้างกาย เธอไม่ใช่ผู้หญิงแกร่งมากมายอะไรนักมีความกลัวอยู่ในตัวเองแต่ดีที่เธอตั้งสติเอาไว้

“ไม่ต้องร้องไห้นะจ้ะ พี่บอกแล้วไงว่ามีนะต้องรอด” เด็กสาวเงยหน้าจากอกมองหน้าหญิงสาวอย่างสงสัยว่าเธอจะรอดด้วยวิธีการใดในเมื่อทางหนีที่นี่ก็ไม่มีแถมพวกเธอยังเป็นผู้หญิงอีกจะเอาแรงที่ไหนไปสู้กับพวกผู้ชายพวกนั้น

“พี่อินคิดอะไรกันแน่บอกมีนะได้หรือเปล่า” เด็กสาวถาม

“เอาไว้พี่จะบอกทีหลังนะตอนนี้มีนะทำใจให้สบายก่อนอย่าคิดมาก” หญิงสาวบอกและครุ่นคิดหาหนทางที่จะทำให้ทั้งตนเองและเด็กสาวรอดหรือถ้าเธอไม่รอดก็ขอให้อีกคนรอด

“ว่าไงจ้ะน้องสาวตื่นเต้นหรือเปล่าอีกไม่เกิน 10 ชั่วโมงน้องสาวก็จะได้เจอกับบ้านหลังใหม่สามีคนใหม่แล้วนะจ้ะ ฮ่าฮ่าฮ่า” มันเปิดประตูเข้ามาและพูดเยาะเย้ย

“ไอ้คนสารเลวแม่แกน้องแกหรือลูกหลานแกจะต้องโดนแบบฉันบ้างคอยดู” มณีอินด่าอย่างไม่ไว้หน้าแต่พวกมันก็กลับหัวเราะชอบใจมากกว่าจะโกรธ

“เสียใจพวกเรามีแค่ตัวคนเดียวยังไม่มีลูกมีเมียหรอกนะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

“พวกแก...ไอ้ชั่ว..ไอ้เลว” ยามีนะตะโกนด่า”

“ด่าไปเถอะน้องสาวคนสวย ด่าจนหมดแรงพวกพี่ก็ไม่โกรธอยู่แล้วจริงไหมว่ะพวกเรา” มันหันไปถามอีกสองคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง

“จริงว่ะ” พวกของมันตอบกลับมาและพากันหัวเราะอีกครั้งและปิดประตูลงตามเดิม

“ไอ้พวกชิงสุนัขเกิดพวกนี้มันน่าจะตายไปให้หมดตั้งนานแล้วนะพี่อินอยู่ทำไมให้รกโลกก็ไม่รู้” ยามีนะพูดอย่างแค้นใจ

“กรรมมันคงกำลังตามสนองพวกมันอยู่แล้วไม่ช้าก็เร็ว” หญิงสาวบอก

“มีนะว่ามันยังช้าไปอยากให้มันตายซะวันนี้เลย”

“พ่อคะ..คุ้มครองหนูกับยามีนะด้วยนะคะ” หญิงสาวยกมือไหว้และอธิษฐานจิตถึงดวงวิญญาณของบิดาและพระพุทธคุณที่ตนเองนับถือ

จามาลนั่งหลับตาลงเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดในหัวของตนเอง เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นเขาจึงรีบคว้าขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

“ว่าไง”

“ได้เรื่องแล้วครับนายมีชาวบ้านที่ไปหาของเก่ามาขายบอกว่าเห็นคนเดินเข้าออกในบ้านหลังหนึ่งแถวๆชานเมืองดูท่าทางมีพิรุธเพราะบ้านหลังนั้นไม่มีคนอยู่มานานแล้วและเขาก็เพิ่งเคยเห็นพวกนั้นด้วย เราจะเข้าไปดูเพื่อให้แน่ใจนะครับ”กาซิมรายงาน

“เดี๋ยวก่อนกาซิมรอฉันก่อน ฉันจะไปที่นั่นด้วย” ชายหนุ่มกดวางสายและรีบเดินออกมาจากห้องอย่างเร็ว

“ท่านจะไปไหนคะ” เลขาสาวหน้าห้องร้องถาม

“ไปธุระด่วนมีอะไรเอาไว้พรุ่งนี้” ชายหนุ่มบอกสั้นๆและตรงไปที่ลานจอดรถขับออกไปเหมือนกับแข่งรถในสนามแข่ง

จามาลเดินทางมาถึงในอีก 30 นาทีต่อมาทั้งที่การเดินทางจะต้องใช้เวลาเกือบ 1 ชั่วโมง นาธาลและกาซิมมองหน้ากันอย่างเหลือเชื่อ

“ไปกันเลยหรือเปล่า” ชายหนุ่มถาม

“ครับนายแต่ผมว่านายมานั่งคนนี้ดีกว่านะครับเดี๋ยวผมขับเอง” นาธาลบอกกับชายหนุ่ม

“ทำไมกลัวฉันรถคว่ำตายหรือไง”

“ครับ” นาธาลตอบตรงๆจนอีกฝ่ายต้องลงจากรถอีกคันมานั่งอีกคัน

“ผมส่งคนของเราเข้าไปดูแล้วครับ แต่ก็ไม่ได้ให้ทำอะไรให้รอจนกว่าพวกเราจะไป” กาซิมหันมาบอกกับนายหนุ่ม

“ดี สั่งทุกคนเตรียมอาวุธให้พร้อม รอให้แน่ใจว่าพวกมันเป็นใครเป็นคนร้ายหรือเปล่าแล้วค่อยโทรแจ้งตำรวจ” ชายหนุ่มสั่ง

“ครับนาย”กาซิมรับคำและยกปืนของตนเองขึ้นมาตรวจเช็คความเรียบร้อยรวมทั้งจามาลที่เขาหยิบปืนพกติดมือออกมาด้วย

“นายอยู่รอบนอกดีกว่านะครับมันอันตราย” นาธาลบอกด้วยความเป็นห่วง

“ไม่ ใจฉันไม่เย็นพอ” ชายหนุ่มตอบกลับเสียงเรียบ“เป็นห่วงใครมากกว่ากันครับ” นาธาลเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง“นอกเรื่องแล้วนาธาล หรือว่าอยากลองกระสุนของฉันก่อนพวกมัน” ชายหนุ่มเสียงแข้งและมองลูกน้องตาขวาง“ไม่ครับนายเก็บมันเอาไว้ดีกว่านะครับ” นาธาลตอบและลอบอมยิ้มเพราะเขารู้นิสัยนายหนุ่มคนนี้ดีว่าเป็นคนแบบใด พวกจามาลมาถึงเป็นเวลาเดียวกับที่คนอีกกลุ่มหนึ่งกำลังจะพาหญิงสาวทั้งสองออกมา ชายหนุ่มและลูกน้องอีกสองคนลอบเดินเข้าไปใกล้ๆเพื่อให้แน่ใจว่าทั้งสองคนปลอดภัย“นายครับนั่นคุณอินนี่ครับ” นาธาลกระซิบบอก และเมื่อยามีนะปรากฏตัวกาซิมก้แทบจะกระโดดออกมาจากที่ซ่อน จามาลจึงต้องรีบคว้าข้อมือเอาไว้“ใจเย็นๆซิกาซิมเดี๋ยวพวกมันรู้ตัว ไม่ต้องกลัวหรอกนายได้ตัวยามีนะคืนแน่”“ขอโทษครับนายผมใจร้อนไปหน่อย” “นาธาลโทรแจ้งตำรวจแล้วหรือยัง” ชายหนุ่มถาม“เรียบร้อยแล้วครับคงอีกประมาณครึ่งชั่วโมง” นาธาลบอก“คงไม่ทันเราต้องหาทางสกัดมันเอาไว้ก่อน” จามาลหันมามองหน้าลูกน้องอย่างปรึกษา“เราบุกเข้าหามันทั้งสองทางดีกว่านะครับจะได้ล้อมมันเอาไว้คนของเราก็เพียงพอครับ” กาซิมเสนอ ชายหนุ่มพยักหน้า นาธาลจึงส่งสัญญาณให้ลูกน้องที่อยู่ด้านหลังเดินอ้อมไปอีกทาง

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์