หนึ่งปีผ่านมา
ร่างระหงของปรางค์รวีเดินเข้ามาในอาคารสูง 5 ชั้น สถานที่ทำงานของเธอในปัจจุบัน หลังจากเหตุการณ์คราวนั้น ปรางค์รวีทำใจอยู่นานกว่าจะรับได้ในสิ่งที่เกิดขึ้น การสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักสองคนในเวลาที่ไล่เลี่ยกัน คนหนึ่งจากเป็นและอีกคนหนึ่งจากตาย ทำให้สภาพจิตใจของเธอย่ำแย่ ความเจ็บปวดรุมเร้าเข้ามาในจิตใจอย่างแสนสาหัส น้ำตาไม่รู้กี่หยอดต่อกี่หยอดไหลริน ยามที่ว้าเหว่ เหงา โดดเดี่ยว เธอต้องกอดตัวเองร้องไห้ตามลำพัง
วิตโตริโอจะรู้บ้างหรือไม่ว่า ผู้หญิงคนหนึ่งต้องอยู่โดยไร้ซึ่งจิตวิญญาณ เพราะความรักที่อับปางลง ถูกซ้ำเติมด้วยการสูญเสียลูกในครรภ์ มันร้าวรานมากแค่ไหน คงจะไม่มีสิ่งใดเจ็บปวดมากกว่านี้อีกแล้ว
แต่ที่ปรางค์รวีมีพลังยืนหยัดสู้ก็เพราะสดศรี มารดาสุดรักสุดบูชา หากตนเป็นอะไรไป ใครเล่าจะดูแลบุพการี เธอไม่มีเหลือใครในโลก แต่อย่างน้อยก็มีหนึ่งคนที่ไม่เคยทอดทิ้ง ไม่เคยหมดรักในตัวเธอ คิดได้เช่นนี้ กำลังใจก็มีมา ปรางค์รวีจึงเพิ่มพลังความเข้มแข้งด้วยพลังแห่งรักที่มารดามีให้
“ปรางค์ช่วยพิมพ์รายงานฉบับนี้ให้ผมด้วย ผมขอด่วนนะ”
ศาสตราเจ้าของบริษัทรับเหมาก่อสร้างวางเอกสารสามแผ่นลงบนโต๊ะ พร้อมกับส่งยิ้มให้ลูกน้องสาวแสนสวย
“ได้ค่ะบอส” ปรางค์รวีทำหน้าที่เลขานุการอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง อาจจะเป็นเพราะว่าประสบการณ์ที่เคยทำตำแหน่งผู้ช่วยเลขตอนฝึกงาน ทำให้สามารถเรียนรู้งานและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพียงสามสิบห้านาทีรายงานฉบับใหม่สามฉบับ พร้อมที่จะเดินทางไปให้เจ้านายหนุ่มในห้อง
“ขอบใจปรางค์มากนะ ถ้าไม่ได้ปรางค์ผมคงยุ่งแน่เลย”
ศาสตราพูดจากใจ ปรางค์รวีเป็นคนทำงานเก่ง คล่องตัว ประสานงานกับลูกค้าและบริษัทต่างๆ ได้เป็นอย่างดี
“ถ้าอย่างนั้นบอสต้องเพิ่มเงินเดือนให้ปรางค์เยอะๆ นะคะ”
“ผมจ้างปรางค์มาเป็นแม่บ้านของผมเอาหรือเปล่าล่ะ ให้เงินทั้งหมดที่ผมมีเป็นเงินเดือนแบบเหมาจ่ายเลย สนหรือเปล่า” เขาพูดแกมหยอก ปรางค์รวีรู้ว่าเจ้านายหนุ่มคิดเกินเลยกับตนมากกว่าลูกน้อง หากแต่ความรักครั้งเก่ายังคงอัดแน่นในจิตใจ ไม่สามารถลบเลือนออกไปได้ แม้ว่าวิตโตริโอจะกระทำกับเธออย่างร้ายกาจก็ตาม
“บอสชอบพูดเล่นอยู่เรื่อยเลยปรางค์ไปทำงานต่อดีกว่า”
ปรางค์รวีหลบสายตาศาตราเวลาพูด เดินเลี่ยงออกไปจากห้องเมื่อพูดจบ
“ปรางค์ผมไม่ได้พูดเล่นนะ ผมพูดจริงๆ” เขาพูดก่อนที่เธอจะเดินออกไปจากห้อง เลขาสาวหมุนกายมาเผชิญหน้ากับเจ้านายหนุ่ม รู้ซึ้งถึงคำพูดของเขาเป็นอย่างดี ความรู้สึกเหมือนพี่เหมือนน้องเท่านั้นที่หญิงสาวมีให้ผู้ชายตรงหน้า
“ปรางค์ขอบคุณมากนะคะในความรู้สึกดีๆ ที่บอสมีให้ ปรางค์รับไม่ได้จริงๆ ค่ะ บอสดีเกินไปสำหรับปรางค์ ผู้หญิงอย่างปรางค์ไม่ดีพอสำหรับใครหรอกค่ะ ให้ปรางค์อยู่ในฐานะของลูกน้องและน้องสาวจะดีกว่าค่ะ ขอบคุณบอสอีกครั้งนะคะ” ปรางค์รวีเดินออกไปจากห้องเจ้านายหนุ่มทันทีที่พูดจบ ปล่อยให้ศาสตรานั่งนิ่งกับความผิดหวังและอกหักของตน แต่คนอย่างเขายึดคติที่ว่า น้ำหยดลงบนหิน ทุกวันหินมันยังกร่อน แล้วนับประสาอะไรกับหัวใจของสาวน้อยคนนี้ จะไม่โอนอ่อนและเห็นใจเขา ศาสตราจะทำทุกวิถีทางพิชิตใจเธอให้ได้
................
ประเทศอิตาลี
กมลเนตรนั่งฟังมาลีเล่าเรื่องราวของปรางค์รวี อย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เธอไม่แน่ใจว่าคำพูดของมาลีเชื่อได้มากน้อยแค่ไหน เพราะก็รู้นิสัยของมาลีว่าเป็นเช่นไรด้วย อย่างปรางค์รวีน่ะหรือจะทำแท้งด้วยเหตุผลที่ว่าหาพ่อให้ลูกไม่ได้
มาลีจึงโยงเหตุการณ์ในวันที่กมลเนตรเดินทางมาศึกษาต่อที่อิตาลี วันนั้นกมลเนตรรอเพื่อนรักทั้งสองให้มาส่ง แต่ไร้วี่แววมีเพียงโทรศัพท์จากภัทราเท่านั้น ที่โทรมาบอกว่าติดงานด่วนมาไม่ได้ ส่วนปรางค์รวีต้องอยู่ดูแลมารดา
แล้วก่อนวันเดินทางกมลเนตรไปหาภัทราที่บ้าน เธอได้เจอกับสดศรีมารดาของปรางค์รวีที่นั่น ได้รับรู้ว่าสดศรีมาอยู่ที่นี่ แต่เธอไม่รู้สาเหตุว่าทำไม กมลเนตรเพิ่งนึกได้ตอนนี้เองว่าเพื่อนทั้งสองโกหก
“ตาไม่อยากเชื่อเลยนะว่า ปรางค์จะเป็นคนแบบนั้น มาลีฟังมาผิดหรือเปล่า” กมลเนตรยังคงไม่เชื่อคำพูดของมาลี ด้วยอุปนิสัยของมาลีที่ไม่เคยเห็นใครดีกว่าตน ชอบยุแยงตะแคงรั่ว คนแบบนี้เธอเองไม่อยากจะเสวนามากนัก ไม่ติดตรงที่ว่ามาลีดันมาเรียนในมหาวิทยาลัยเดียวกับเธอในประเทศที่ไม่เคยรู้จักอย่างอิตาลี กมลเนตรไม่มีวันคบหาด้วยแน่นอน คบได้แบบผิวเผินแต่ไม่สนิทสนม
“จริงสิตา ฉันไม่ได้โกหก นี่ไงหลักฐาน ฉันถ่ายรูปปรางค์ตอนที่นอนอยู่โรง’ บาลเพราะตกเลือดจากการทำแท้งมาให้เธอดูด้วย นี่ดูซะ”
มาลีส่งมือถือของตนที่แอบถ่ายภาพตอนที่ปรางค์รวีนอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลให้กมลเนตรดู
กมลเนตรมองภาพที่อยู่ในมือถืออย่างตื่นตะลึง ในภาพนั้นคือปรางค์รวีจริงๆ ส่วนหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างเตียงคือภัทรา ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริงหรือนี่ ปรางค์รวีช่างน่าสงสารยิ่งนัก ทำไมเธอถึงไม่รู้ความทุกข์ของเพื่อนบ้าง กมลเนตรสงสารปรางค์รวีมากกว่าสมน้ำหน้า
“เป็นไงอึ้งล่ะสิ ฉันบอกแล้วว่าเป็นเรื่องจริง ไม่ได้โกหก”
“แล้วเธอมาบอกฉันทำไมเรื่องมันผ่านมาตั้งนานแล้ว ทำไมเพิ่งมาบอก” กมลเนตรเอ่ยถามด้วยความสงสัย เรื่องมันผ่านมาหนึ่งปีแล้ว ถ้ามาลีจะบอกน่าจะบอกตั้งแต่เดินทางมาถึงที่นี่ มาบอกตอนนี้ทำไม
“ฉันอยากให้เธอรู้ไง ว่าเพื่อนที่แสนดีอย่างปรางค์จะทำแท้ง เพื่อโผไปหาชายอื่น กลัวว่าลูกในท้องจะออกมาประจานตัวเอง กลัวแฟนใหม่จะรู้ว่าเคยผ่านผู้ชายมากแล้ว” มาลีแก้ตัวและยังคงใส่ไฟไม่หยุด สาเหตุที่เธอมาบอกเอาตอนนี้คือ ประวัติศาสตร์ดันซ้ำรอย ผู้ชายที่ทางบ้านของเธอหมายมั่นจะให้แต่งงานด้วย กำลังสนใจปรางค์รวีอยู่ เธอจึงคิดแผนกำจัดให้ปรางค์รวีพ้นทาง โดยปล่อยข่าวเสียหายของปรางค์รวีกับใครต่อใคร คนแรกคือกมลเนตร คนที่สองคือศาสตราคู่หมายของมาลีนั่นเอง “มาลี เธอพูดอะไรของเธอน่ะ ปรางค์ไม่ได้เป็นคนนิสัยอย่างนั้นซะหน่อย ปรางค์อาจจะเคยทำผิดพลาดมา แต่ตาคิดว่ามันต้องมีเหตุผลอย่างอื่นแน่นอน” กมลเนตรร้องค้านแทนเพื่อน เธอไม่เชื่อเด็ดขาดว่าปรางค์รวีจะทำตัวไร้ค่า ทำแท้งลูกของตัวเองเพื่อไปหาชายอื่น ไม่ใช่นิสัยของปรางค์รวี“เหตุผลอะไรล่ะ ถ้าทำผิดพลาดจริงจะปกปิดเรื่องนี้กับเธอทำไม ทั้งที่เธอเป็นเพื่อนสนิทด้วยแท้ๆ ฉันว่านะ ปรางค์ไม่อยากให้ฝใครรู้เรื่องนี้มากกว่า เพราะรู้มากก็มากความ กลัวอดีตจะย้อนกลับมาทำร้ายตัวเอง ก็เลยปิดเรื่องนี้เป็นความลับ” มาลีสวนกลับ จนกมลเนตรอึ้งไปชั่วครู่“เป็นเพื่อนรักกันก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีความลับต่อกันนะ แล้วฉันก็เชื่อว่า เพื่อนสนิทของเธอก็คงไม่รู้เรื่องความลับที่เธอปิดบังไว้เช่นกัน อย่าตัดสินใครว่าไม่ดีเพียงแค่ภาพที่เห็น เพราะบางทีอาจจะมีอะไรซุกซ่อนอยู่ในภาพนั้นก็ได้” กมลเนตรคิดตามที่พูด และไม่ถือโทษโกรธเคืองปรางค์รวีกับภัทราที่ไม่บอกตนเรื่องนี้ แล้วคิดว่าทั้งสองคงมีเหตุผลที่ไม่บอกเธอด้วย ซึ่งกมลเนตรก็จะหาคำตอบเองในภายหลังการสนทนาของสองสาวหยุดลง เมื่อร่างของวิตโตริโอเดินเข้ามาหาทั้งคู่ที่นั่งคุยกันอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ภายในมหาวิทยาลัย เขาทรุดกายลงนั่งข้างคนรัก ก่อนจะทักทาย“คุยอะไรกันอยู่ครับ พี่มาขัดจังหวะหรือเปล่า”
copy right hot novel pub