โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

ทัณฑ์รักอสูรร้าย

บทที่ 26 หนี (ไม่) พ้น 1.1

ฟรานซิสโกก้าวเดินเข้ามาภายในคฤหาสน์ดิมาร์ชีอย่างคุ้นเคย จะไม่ให้เขาคุ้นเคยได้อย่างไร ในเมื่อเป็นเพื่อนสนิทกับลูกชายเจ้าของบ้านมาเกือบยี่สิบปี รู้ทุกซอกทุกมุมในบ้านก็ว่าได้ ไม่เพียงแค่รุ่นลูกที่สนิทกัน รุ่นพ่อก็สนิทสนมกันเช่นกัน อีกทั้งเขายังมาอยู่ที่นี่ระหว่างที่เรียนปริญญาตรี ฟรานซิสโกจึงเข้านอกออกในคฤหาสน์หลังงามได้ทุกเมื่อ

“คุณพ่อคุณแม่ไปไหนล่ะ ลุงแซม”

ฟรานซิสโกเรียกอเล็สซานโดรและทิพย์ธาราว่าพ่อและแม่มาตั้งแต่เด็ก เขาฟังและพูดภาษาไทยได้บ้างแต่ไม่เก่งเท่าวิตโตริโอ ที่พูดชัดถ้อยชัดคำ เขาถามแซมลูกน้องอีกคนหนึ่งของอเล็สซานโดร

“เจ้านายไปส่งมาดามที่สนามบินครับ มาดามไปเมืองไทยครับ”

“อืม! ได้ข่าวว่าแฟนของวิโตมาพักที่นี่เหรอ” ฟรานซิสโกถามต่อ รอฟังคำตอบชนิดที่เรียกว่ากลั้นหายใจ

“ใช่ครับ มาเมื่อวานนี้ครับ ตอนนี้พักอยู่ชั้นบน ห้องที่คุณหนูโซเฟียพัก ติดกับห้องของคุณฟรานโก้ครับ” แซมรายงานเสร็จสรรพ โดยที่ฟรานซิสโกไม่ต้องถามต่อ

“ผมจะขึ้นไปพักหน่อยนะครับ ขับรถมาไกลเหนื่อยเหลือเกิน ไม่ต้องไปเรียกนะครับ ผมจะลงมาทานอาหารเอง” แซมพยักหน้ารับหลังจากที่ได้ยินคำสั่งของฟรานซิสโก ที่เปรียบเสมือนเจ้านายคนหนึ่ง

ฟรานซิสโกเดินขึ้นไปยังชั้นบนของบ้านด้วยรอยยิ้มร้าย อยากจะเห็นหน้ากมลเนตรตอนที่เห็นเขายืนอยู่หน้าห้องเหลือเกินว่า เธอจะทำหน้ายังไง งานนี้เธอคงจะตกใจหน้าซีด ที่ไม่อาจหนีเงื้อมมือของเขาพ้น แล้วเขาก็จะลงโทษเธอให้หนำใจที่ริอ่านทำให้ตนหัวปั่น ใจหงุดหงิด

กมลเนตรละสายตาจากตำราเรียนที่กำลังอ่าน เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูห้อง เธอพับหนังสือโดยมีที่คั่นเสียบหน้าที่อ่านค้างไว้ ก่อนจะเดินไปเปิดประตูโดยไม่ถามว่า บุคคลใดเคาะประตู เพราะคิดว่าอาจจะเป็นคนรับใช้มาเรียก

แต่พอกมลเนตรเปิดประตู และมองเห็นเจ้าของมือที่เคาะประตู เธอคิดว่ามันคือภาพความฝันหรือไม่ก็ภาพหลอน จากความวิตกกังวลเรื่องฟรานซิสโก ที่เปรียบเสมือนผีร้ายรังควานเธอไม่เลือก ไม่ว่าจะในความเป็นจริงหรือในความฝัน

ความที่คิดว่าเป็นความฝันหรือภาพหลอน ทำให้เธอยกมือขึ้นขยี้ดวงตา แต่ทว่าภาพของฟรานซิสโกที่ยืนฉีกยิ้มอยู่ตรงหน้าก็ไม่หายไปไหน หนำซ้ำเสียงของเขายังดังเข้ามาในหู

“ไม่ต้องขยี้ตาหรอกเมียจ๋า ผัวตัวจริงเสียงจริงเองจ๊ะ”

เสียงสุดกวนดังขึ้น ในขณะที่มือใหญ่เอื้อมมือมาแนบแก้มของเธอ แล้วส่าหน้าเธอเบาๆ

มืออุ่นร้อนที่แนบอยู่บนแก้ม ทำให้กมลเนตรรู้ว่า มันคือความจริง คนที่เธอพยายามหนียืนอยู่ตรงหน้า คำถามต่อมาคือ เขามาที่นี่ได้อย่างไร แล้วรู้จากใครว่าตนอยู่บ้านของวิตโตริโอ

เธอสะบัดมือหนาที่กำลังลูบไล้ดวงหน้าออกอย่างแรง ตั้งใจจะปิดประตูไม่ให้เขาเข้ามา แต่ช้ากว่าร่างหนาที่แทรกตัวเข้ามาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะปิดประตูและล็อกด้วยมือของเขาเอง

กมลเนตรวิ่งไปตั้งหลักตรงโซฟา มองร่างหนาที่เดินเข้ามาหาตนราวกับราชสีห์จ้องตระครุบเหยื่อ ในใจหวาดหวั่นเหลือประมาณ “คุณมาที่นี่ได้ยังไง” เธอถามเสียงสั่น มองหาอาวุธป้องกันตัว แต่ก็หาไม่ได้นอกจากหนังสือที่วางอยู่บนโต๊ะกระจก เธอจึงคว้ามันมาอยู่ในมือ หากเขาเข้ามาใกล้ กมลเนตรก็จะเอาหนังสือปาใส่หน้า

“ฉันลืมบอกเมียจ๋าไปว่า ผัวเป็นเพื่อนสนิทของวิโตริโอ ดิมาร์ชี และที่สำคัญเคยอยู่ที่นี่มาร่วมยี่สิบปี ห้องของผัวอยู่ข้างๆ ห้องของเมียเอง คิดถึงก็ไปหาได้นะ”

เสียงที่ตอบกวนโทสะยิ่งนัก แต่ก็ไม่ได้ทำให้กมลเนตรโกรธหรือขุ่นมัว แต่กลับทำให้เธอตกใจมากกว่าเมื่อรู้ว่า ฟรานซิสโกเป็นเพื่อนสนิทกับวิตโตริโอ ช่างเป็นเรื่องเหลือเชื่อมาก ไม่คิดว่าโลกจะกลมขนาดนี้ หรือว่าเขาจะโกหกเธอ

“ไม่จริง คุณโกหก ฉันไม่เชื่อคุณหรอก” เธอถามด้วยอารมณ์สับสน ไม่แน่ใจและไม่เข้าใจ

“โกหกที่ไหนกันล่ะ พูดจริงทุกคำต่างหาก ถ้าโกหก ผัวจะเข้ามาในบ้านหลังนี้ได้ยังไง เมียก็รู้ว่าระบบความปลอดภัยที่นี่ดีแค่ไหน คนแปลกหน้าไม่มีทางเข้ามาในบ้านหลังนี้ได้ ถ้าเจ้าของบ้านไม่ได้อนุญาต”

ฟรานซิสโกพูดถูก บอดี้การ์ดที่นี่แน่นหนา คนนอกไม่อาจเข้ามาได้ง่าย บุคคลภายนอกที่ไม่คุ้นเคยจะต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของบ้านเสียก่อน ยิ่งขึ้นมาถึงชั้นบนของบ้านได้อย่างสะดวก นั่นหมายความว่าจะต้องสนิทสนมกับเจ้าของบ้านมากทีเดียว

“คุณรู้ได้ยังไงว่า แฟนของฉันคือพี่วิตโต แล้วถ้าคุณรู้ ทำไมคุณถึงทำอย่างนี้กับฉัน การที่คุณทำอย่างนี้ก็เท่ากับว่าคุณทรยศเพื่อนตัวเอง คุณไม่รู้สึกรู้สาอะไรบ้างหรือไง” คำถามนี้แล่นเข้ามาในสมอง เธอไม่เคยบอกชื่อคนรักของตนเลยว่าชื่อเสียงเรียงนามใด ฟรานซิสโกรู้จากใคร และใครบอกเขาว่าตนอยู่ที่นี่ เพราะไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลยสักคน นอกจากคนในคฤหาสน์ดิมาร์ชี

“ถ้าฉันอยากรู้อะไร มันก็ไม่เกินความสามารถของฉันหรอก ยิ่งเรื่องกล้วยๆ แบบนี้ด้วยแล้ว ยิ่งง่ายใหญ่ ส่วนเรื่องทรยศเพื่อน มันก็อีกเรื่องนึง และเป็นเรื่องที่ฉันคิดว่า จัดการได้” ฟรานซิสโกตอบแบบไม่สะทกสะท้าน เขายิ้มให้เธออีกต่างหาก

“ฉันจะบอกพี่วิตโตว่า คุณข่มขืนฉัน พี่วิตโตจะต้องจัดการคุณ เอาเลือดชั่วออกจากหัวคุณ”

“ฉันไม่กลัวเลือดหัวออกหรอก ไม่ต้องมาขู่” เขาสวนใส่ด้วยน้ำเสียงและท่าทางสบายๆ “ที่เธอบอกว่าฉันข่มขืน ครั้งแรกอาจจะใช่แต่ครั้งสอง สาม สี่ ห้าและอีกไม่ถ้วน ฉันจำได้ว่าไม่ขืนใจเธอเลยสักนิด หรือว่าเธอจะเถียง” กมลเนตรถึงกับพูดไม่ออก แค้นเคืองที่ไม่สามารถเถียงเขาได้ จริงอย่างที่ฟรานซิสโกพูด เธอยอมเขา ยอมอย่างหมดศักดิ์ศรีก็ว่าได้

“คุณจะเอายังไงกับฉัน” กมลเนตรถามอย่างสุดทน ไม่รู้ว่าตนจะแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างไรดี หนีก็แล้ว แต่เขาก็ยังตามมาราวีจนได้

“ก็ไม่มีอะไรมาก เมียก็แค่เลิกกับวิตโต แล้วมาเป็นเมียของผัวอย่างสมบูรณ์ก็เท่านั้นเอง ง่ายนิดเดียว” เขาบอกทางออกให้เธอ “แต่ถ้าเมียไม่บอกวิตโตเองล่ะก็ ผัวจะเป็นคนบอกเอง”

กมลเนตรนึกเจ็บใจตัวเองที่ไม่อาจต่อกรกับฟรานซิสโกได้เลย เขาถือไพ่เหนือเธอทุกอย่าง ซึ่งทางออกของเขาก็เป็นเรื่องที่ไม่ยากเกินไป แค่บอกเลิกกับวิตโตริโอเท่านั้น ทว่าการคิดกับความเป็นจริงมันต่างกัน คิดจะทำแต่ใจไม่กล้าพอ

ค่ำคืนที่ผ่านมากมลเนตรคิดเรื่องนี้ทั้งคืน คิดว่าจะบอกความจริงกับวิตโตริโอดีหรือไม่ว่า ตนเองถูกชายอื่นข่มเหงและบอกเลิกเขา เพราะไม่อาจทำใจยอมรับตัวเองได้ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ถือสาเรื่องนี้ แต่เธอถือ พอมารู้วันนี้ว่า ชายที่ข่มเหงตนกลับเป็นเพื่อนรักของวิตโตริโอ ทำให้กมลเนตรคิดว่า เธอต้องบอกเรื่องนี้กับวิตโตริโอ เก็บงำต่อไปไม่ได้

แต่ก็แอบเป็นกังวลและห่วงความรู้สึกของเขาว่า จะเป็นเช่นไรหากรู้ว่า ชายที่ล่วงเกินเธอคือ เพื่อนสนิทของตน มันจะเกิดเรื่องระหองระแหงถึงขั้นตัดขาดความสัมพันธ์หรือไม่ ข้อนี้กมลเนตรก็ไม่อาจคาดเดาได้ คงต้องปล่อยให้เป็นเวรเป็นกรรม

“คุณต้องให้เวลาฉันบ้าง ไม่ใช่มาจี้ฉันแบบนี้”“ไม่มีปัญหาเมียจ๋า นานแค่ไหนผัวรอได้” เขาให้เวลาเธอเสมอ “แต่ตอนนี้เมียต้องถูกทำโทษที่ทำให้ผัวว้าวุ่นใจและหงุดหงิด ที่ต้องเหนื่อยตามหาเมีย” ฟรานซิสโกพูดจบก็กระโจนเข้าหาร่างบางที่ปาหนังสือใส่ แต่เขาก็หลบได้อย่างว่องไว เธอจึงวิ่งหนีไปยังเตียง ตั้งใจว่าจะก้าวขึ้นไปบนเตียงเพื่อวิ่งผ่านไปยังประตูห้อง ทว่ากมลเนตรกลับสะดุดล้มระหว่างที่วิ่งขึ้นไปบนเตียงหนานุ่ม ส่งผลให้เขาได้จังหวะทาบทับร่างอวบอิ่ม “หนีผัวดีนัก จะจัดหนักให้ลุกจากเตียงไม่ได้เลยคอยดู” ในที่สุดกมลเนตรก็พ่ายแพ้ต่อเกมรักของฟรานซิสโกอีกเช่นเคย แรงต้านทานเหือดหายเป็นร่วมมือร่วมใจ เสียงคัดค้านถูกกักไว้ในลำคอ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเสียงครางกระเส่าที่ดังต่อเนื่อง เธอครวญรัญจวนรับความสุขที่ถาโถมเข้ามาอย่างถึงใจ ถึงอารมณ์ฟรานซิสโกคิดเรื่องวิตโตริโอมาหลายวัน เขารู้ว่ากมลเนตรลำบากใจที่จะตัดความสัมพันธ์กับเพื่อนของตน เขาจึงคิดว่า ตนเองน่าจะเป็นคนบอกเรื่องนี้กับวิตโตริโอเอง เพราะเรื่องทั้งหมดเกิดจากความใคร่และความไม่รู้ เขาจะยอมรับผิดกับเพื่อนรัก และรับความผิดนี้ไว้เพียงผู้เดียว หากวิตโตริโอจะโกรธจนตัดความเป็นเพื่อน เขาก็ยินดี รอให้ถึงเวลาและโอกาสที่ดีกว่านี้สักหน่อย แล้วเขาจะเปิดเผยเรื่องทั้งหมดด้วยปากของเขาเอง ลูกผู้ชายกล้าทำก็ต้องกล้ารับและรับทุกความผิดของตน รวมทั้งผลที่จะตามมา

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์