ภัทราเดินเล่นอยู่ในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง เพื่อคลายความตึงเครียดกับความสงสัยที่จุกแน่นในใจ ที่คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออกว่า เพื่อนรักของตนเหตุใดถึงได้ไปทำงานต่างจังหวัดแบบกะทันหัน และไปทำงานแบบไม่มีกำหนดกลับ ซึ่งเรื่องนี้เธอก็แปลกใจไม่น้อย เพราะไม่ใช่นิสัยของเพื่อนรักที่ปล่อยให้มารดาอยู่ตามลำพังเป็นระยะเวลานาน
ปรางค์รวีเป็นห่วงมารดามากกว่าชีวิตของตัวเองเสียอีก มีหรือจะทำเช่นนี้ แล้วยังจะเรื่องเงินที่ทิ้งไว้ให้สดศรีใช้หนึ่งแสนบาท เป็นอีกเรื่องที่ภัทราสงสัยเช่นกัน ปรางค์รวีไปทำงานอะไรถึงได้เบิกเงินล่วงหน้าได้เยอะถึงเพียงนี้ ทว่าเธอก็คิดคำตอบไม่ได้ ติดต่อเพื่อนรักก็ไม่ได้อีก ความเป็นห่วงปรางค์รวีจึงมีเพิ่มมากขึ้น
ระยะเวลาหนึ่งเดือนที่ปรางค์รวีไม่ได้ติดต่อกลับมา ทำให้เธอคิดไปหลายทาง คิดไปว่าเพื่อนของตนอาจจะไปทำงานในชนบทห่างไกล ไม่มีสัญญาณมือถือ แต่ก็ไม่น่าใช่ การเขียนจดหมายก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งสำหรับการติดต่อกลับ แต่นี่ไม่มีเลยแม้แต่ฉบับเดียว หรือว่างานยุ่ง แต่ก็ไม่น่าจะใช่อีก จะยุ่งอะไรถึงขนาดไม่มีเวลาติดต่อทางบ้านเชียวหรือ
หรือว่าถูกคนกักขังหน่วงเหนี่ยว สิ้นไร้อิสรภาพจึงติดต่อมาหามารดาไม่ได้ แต่ใครล่ะกล้าทำกับปรางค์รวีขนาดนี้ เพื่อนของเธอไม่มีศัตรูที่ไหน ข้อนี้ยิ่งไม่น่าใช่ แล้วอะไรเล่าที่เป็นสาเหตุทำให้ปรางค์รวีขาดการติดต่อยาวนานเช่นนี้ ยิ่งคิดภัทรายิ่งไม่เข้าใจ คิดหาคำตอบไม่ได้
“ขอโทษค่ะ ขอโทษ” ภัทรากล่าวขอโทษทันควัน เมื่อเธอเดินชนชายคนหนึ่งอย่างแรงตรงหัวมุม เป็นเพราะมัวแต่คิดเรื่องของเพื่อนรัก เธอจึงไม่ทันระวัง
“ไม่เป็นไรครับ” ชายคนที่เธอชนพูดเสียงนุ่ม และเสียงนั้นก็คุ้นหูภัทรายิ่งนัก แต่เธอก็ไม่ได้คิดอะไร ก้มลงช่วยเก็บถุงใส่เสื้อผ้าที่ล่วงหล่นบนพื้น เสื้อผ้าแต่ละชุดเป็นของผู้หญิงทั้งสิ้น สงสัยจะซื้อไปให้แฟน น่ารักจริงๆ เลยผู้ชายคนนี้ ภัทราเอ่ยชื่นชมในใจ
“เรียบร้อยแล้วค่ะ ขอโทษอีกครั้งนะคะ” ภัทราลุกขึ้นยืน ยื่นถุงเสื้อผ้าส่งให้ชายคนดังกล่าว ทำให้เธอมองเห็นหน้าเขาแบบเต็มตา
“คุณ / คุณ” สองเสียงประสานพร้อมกัน เมื่อรู้ว่าใครคือใคร
“คุณนี่เอง นึกว่าใคร มาซื้อเสื้อผ้าให้แฟนเหรอ” ภัทราทักก่อน
“ยุ่ง ไม่ใช่เรื่องของคุณ” รังสรรค์ตัดปัญหา เมื่อรู้ว่าหญิงตรงหน้าคือภัทรา แม่จอมยุ่งและตัววุ่นวายที่ไม่น่าเข้าใกล้ ทางที่ดีเขาควรรีบตีตัวออกห่างดีกว่า
“เดี๋ยวสิ คุยกันก่อน” ภัทราเดินมาดักหน้าชายหนุ่ม
“มีอะไรอีกคุณ ผมรีบ”
“จะรีบไปไหน อยู่คุยกันก่อนสิ ไม่เจอกันตั้งนาน”
“แต่ผมไม่มีอะไรจะพูดกับคุณ กรุณาหลีกทางให้ผมด้วย”
รังสรรค์จ้องหน้าภัทรานิ่ง ทำเป็นขึงขังให้เธอกลัว แต่กลับตรงกันข้ามสาวจอมแก่นหาได้เกรงกลัวไม่ กลับส่งยิ้มหวานให้เขา
“คุณกันก่อนได้หรือเปล่า มีเรื่องอยากให้ช่วย” ภัทราคิดว่า คนเดียวหัวหาย สองคนเพื่อนตาย คิดอยู่คนเดียวปวดหัวคนเดียว แบ่งปันอาการปวดหัวให้คนอื่นบ้างก็น่าจะดี แต่ไม่รู้ว่าทำไม เธอถึงได้เลือกเขาเป็นคนช่วยคิด เพราะเจอหน้ากันทีไร น้อยครั้งจะพูดดีด้วย
“คนอย่างคุณเนี่ยนะ มีเรื่องให้ผมช่วย เห็นเจอหน้ากันทีไร แทบจะกินผมทุกที” เขายังจำได้ทุกครั้งที่เจอสาวตรงหน้าได้ดี ภัทราจะตีหน้ายักษ์ใส่ เขาเคยถามว่าทำไมไม่พูดกับเขาดีๆ เหมือนพูดกับคนอื่น เหตุผลของเธอทำให้เขาแทบตกเก้าอี้ ‘ก็คุณเป็นลูกน้องของคุณเสือร้าย ที่จ้องจะงับเพื่อนของฉัน เพราะฉะนั้นคุณก็เหมือนลูกน้องของเสือ ไม่น่าคบ ไม่น่าไว้ใจ ไม่อยากเสวนาด้วย’
“ก็ตอนนั้นเพื่อนฉันคบกับเจ้านายของคุณอยู่นี่ ฉันไม่ชอบเจ้านายของคุณ ฉันก็เลยพาลไม่ชอบหน้าคุณไปด้วย แต่ตอนนี้ปรางค์ไม่ได้คบกับเจ้านายคุณแล้ว เราก็เป็นเพื่อนกันได้ไง” เธอตอบหน้าตาย
“แหมคุณนี่ เหลือเกินจริงๆนะ นี่ถ้าเจ้านายผมเป็นแฟนกับคุณปรางค์อยู่ คุณก็คงไม่คุยกับผม ไม่เรียกให้ผมช่วยคุณว่างั้น”
“อืม...ใช่ ถูกต้องนะครับ” เธอตอบเสียงทะเล้น “ว่าไงล่ะขอเวลาไม่นานหรอก ฉันมีเรื่องอยากให้คุณช่วยจริงๆนะ นะคะคุณเสก” เธอทำเสียงอ่อน รังสรรค์มองดูนาฬิกายังพอมีเวลาที่จะฟังเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจของหญิงสาวจอมวุ่นคนนี้
“ครึ่งชั่วโมง” ภัทรายิ้มแป้นกับเวลาที่เขาให้ จูงมือรังสรรค์เข้า
ไปในร้านกาแฟที่อยู่ใกล้ที่สุด ลืมไปว่าครั้งหนึ่งเคยเห็นเขาเป็นคู่อริ
“ว่าไง เรื่องที่คุณอยากให้ผมช่วย”
“คือว่าเพื่อนของฉันหายตัวไปน่ะ หายไปเกือบเดือนแล้วล่ะ ไม่ติดต่อกลับมาเลย แม่ของปรางค์เองก็เป็นห่วง ฉันไม่เชื่อหรอกว่าปรางค์จะไปทำงานต่างจังหวัด ปรางค์ห่วงแม่จะตายไป จะไปต่างจังหวัดนานๆ แล้วไม่ติดต่อกลับมาได้ยังไง มันไม่ใช่นิสัยของปรางค์” รังสรรค์สำลักน้ำกาแฟที่กำลังดื่มทันที เมื่อได้ยินปัญหาของเธอ
‘แม่จอมยุ่งก็ฉลาดไม่ใช่เล่นเหมือนกันนะเนี่ย’ เขาบ่นในใจ
“แต่คุณปรางค์ให้เงินแม่ไว้ตั้งเยอะไม่ใช่เหรอ ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกน่า อย่างน้อยคุณปรางค์ก็ไม่ให้แม่อด” เขาหลุดปากพูดในสิ่งที่ไม่น่าพูดออกไป แต่มันก็สายไปเสียแล้ว
“คุณรู้ได้ยังไงว่าปรางค์ให้เงินแม่ไว้” ภัทราคาดคั้นพร้อมกับจับพิรุธไปในตัว
“ผมแค่เดาเอา ก็คุณบอกผมเองไม่ใช่เหรอ ว่าคุณปรางค์เป็นห่วงแม่ คนเป็นห่วงก็ต้องให้เงินเอาไว้ใช้จ่าย ผมพูดถูกหรือเปล่า” เขาหาข้อแก้ตัวได้ในที่สุด ภัทราพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของชายหนุ่ม ถ้าเป็นเธอ เธอคงทำแบบนี้เหมือนกันเช่นกัน
“ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ ทำไมต้องทำเสียงสั่นพูดลิ้นรัวแบบนี้ด้วยล่ะ แต่ช่างเถอะ มาพูดเรื่องกลุ้มใจของฉันดีกว่า คุณว่าฉันควรจะแจ้งตำรวจดีไหม” ภัทราเสนอความคิดเห็น
“ไม่ดีหรอก ไม่ดี อย่าแจ้งตำรวจเด็ดขาดเลยนะ” รังสรรค์ร้องห้ามเสียงดัง จนคนข้างโต๊ะหันมามอง ภัทราเองก็ตกใจไม่แพ้กัน
“นี่คุณ ไม่ต้องตะโกนก็ได้ พูดเบาๆ ก็ได้ยิน แล้วทำไมต้องตกอกตกใจขนาดนี้ด้วย” ภัทราเริ่มสงสัยในตัวของรังสรรค์ขึ้นมาอีกครั้ง
“ก็คุณจะทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่นะสิ คุณปรางค์อาจจะไปทำงานจริงๆ คงงานยุ่งเลยไม่มีเวลาโทรศัพท์หาแม่ ไม่ได้ถูกจับตัวไปขังหรอก” เขาหาทางออกให้กับตัวเองได้อย่างหวุดหวิด แต่ไม่รู้หรอกว่าคำพูดของเขาทำให้ภัทราฉุกคิดอะไรได้
“ฉันยังไม่ได้พูดสักคำเลยนะว่าปรางค์ถูกจับตัวไปขังไว้”
รังสรรค์ถึงกับหน้าเหวอ ค้นพบความผิดพลาดครั้งใหญ่หลวงของเขาเอง“ผมก็แค่พูดไปอีกทางหนึ่งเท่านั้น แบบว่าเป็นความคิดเห็นอะไรแบบนั้นน่ะ”“อืม...ถ้าปรางค์ติดต่อแม่มาบ้างสักครั้งหนึ่งก็คงดีนะ แม่จะได้ไม่เป็นห่วง คุณว่าอย่างนั้นไหม”“ใช่ ใช่ ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน ผมไปก่อนนะผมรีบ” เขาลุกขึ้นทันทีหลังพูดจบ ในใจคิดว่าต้องห่างภัทราไว้ให้เร็วที่สุด ก่อนที่ความลับจะถูกเปิดเผย“เดี๋ยวคุณเสก เสื้อผ้าแฟนคุณสวยดีนะ” เธอพูดไล่หลัง ก่อนจะเดินตามรังสรรค์ไปอย่างระแวดระวัง ไม่ให้เขารู้ตัว และความที่รังสรรค์รีบ ทำให้เขาไม่รู้ตัวเลยว่า กำลังถูกติดตามภัทราเองก็ไม่รู้ว่า เหตุใดตนจึงได้มีความคิดอยากจะติดตามรังสรรค์ ทั้งที่ตามไปก็อาจจะไม่ได้อะไร เขาจะมีส่วนร่วมกับการหายตัวไปของปรางค์รวีก็ไม่น่าใช่ แล้วจะตามให้เสียเวลา ทว่าในใจกลับร้องค้านความคิด กระตุ้นให้เธอติดตามร่างสูงที่เดินลิ่วๆ ไปยังลานจอดรถ และเป็นโชคดีของภัทรา ที่มีรถแท็กซี่ขึ้นมาลานจอดรถชั้นเดียวกับที่รังสรรค์จอดรถ เธอจึงให้คนขับรถแท็กซี่คันนั้น ติดตามรถยนต์สุดหรูสีดำ พลขับก็เก่งเหลือเกิน ขับรถทิ้งระยะห่างพอสมควร เพื่อไม่ให้รังสรรค์สงสัย
copy right hot novel pub