โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

ทัณฑ์รักอสูรร้าย

บทที่ 34 นางฟ้า 1

สองวันที่ผ่านมา กมลเนตรเห็นความผิดปกติของฟรานซิสโก โดยปกติชายหนุ่มจะเข้ามาใกล้ชิดกับเธอทุกครั้งที่มีโอกาส แต่นี่นับตั้งแต่วันนั้น วันที่วิตโตริโอโทรศัพท์มาหา ฟรานซิสโกเดินออกไปจากห้องของเธอโดยไม่ได้พูดอะไรสักคำ และเป็นวันสุดท้ายที่เธอเห็นหน้าเขา กมลเนตรไม่เข้าใจตัวเองเลย เธอควรจะดีใจไม่ใช่หรือที่เขาไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับตน หากแต่ในใจกลับตรงกันข้าม มันโหวงเหวง เศร้าหมอง อยากเจอหน้า อยากให้เขาพะเน้าพะนอเหมือนวันวาน ในความรู้สึกของกมลเนตรนั้นมีแต่คำว่าคิดถึง ความรู้สึกนี้เธอควรจะมีให้กับวิตโตริโอคนรักมากกว่า ไม่ใช่มีให้ชายอีกคน

กมลเนตรเดินเข้าไปในมหาวิทยาลัยอย่างคนไม่มีชีวิตชีวา สายตาหวานระคนเศร้ามองคู่รักบางคู่ที่อิงแอบตามม้านั่ง หรือใต้ต้นไม้ จนกระทั่งเธอสะดุดมองไปยังชายหญิงคู่หนึ่งที่กำลังจูบกันอย่างดูดดื่ม

ดวงตาคู่งามเพ่งมองให้แน่ใจว่าผู้ชายคนนั้นใช่ฟรานซิสโกหรือไม่ เพราะรูปร่างเหมือนกันเหลือเกิน ความจริงกระจ่างชัดต่อสายตา ผู้ชายคนนั้นใช่ชายหนุ่มที่วนเวียนอยู่ในห้วงคำนึงคิดถึงมาตลอดสองวันไม่ผิดเพี้ยน ร่างของเธอยืนมองภาพคู่รักคู่นั้นนิ่ง ตำราเรียนที่ถืออยู่ในมือแทบจะตกลงสู่พื้น

กมลเนตรรีบหันหน้าหนีภาพหวานทันที สาวเท้าเดินเข้าไปในมหาวิทยาลัยให้เร็วที่สุด เพื่อหนีภาพบาดตาบาดใจ หญิงสาวไม่เคยคิดเลยว่าน้ำใสๆ จะเกลือกกลิ้งลงมาเคลียแก้ม ความเสียใจประดังเข้ามาจนแน่นอยู่ในอก จุดหมายของหญิงสาวตรงไปเป็นที่แรกเมื่อเข้ามาในมหาวิทยาลัยคือห้องน้ำ สถานที่ที่จะระบายความอัดอั้นเสียใจออกมาโดยไม่มีใครเห็น

ฟรานซิสโกผลักร่างของคู่ควงคนใหม่ให้ออกห่าง เขามองเห็นร่างบางแสนสวยของกมลเนตรเดินมาแต่ไกล จึงคว้าตัวเทเรซ่านักศึกษาที่เขาจีบได้เพียงสองวัน มาอยู่ในอ้อมกอด และมอบจูบให้กับเธอ รสชาติของจูบที่เขาได้รับนั้นแสนจะจืดชืด ไม่มีความหอมหวานเหมือนกับรสจูบของกมลเนตรเลยสักนิด อาจเป็นเพราะว่าเขาไม่ได้แทรกเรียวลิ้นเข้าสำรวจลิ้นนุ่มของเทเรว่าก็เป็นได้ เขาจูบเทเรซ่าเพราะว่าต้องการให้กมลเนตรรู้ว่าไม่มีเธอ ชีวิตของเขาก็จะดำเนินต่อไปได้อย่างเป็นปกติ ในความเป็นจริงนั้นตรงกันข้าม เขาอยู่ไม่ได้เมื่อไม่มีเธอ การห่างเธอสองวันนั้นทำให้รู้หัวใจของตัวเองว่ารักกมลเนตรคนรักของเพื่อนมากเพียงใด

เลิกเรียนกมลเนตรเดินออกมากจากมหาวิทยาลัย สภาพจิตใจของเธอไม่ค่อยเป็นสุข มันอาบไปด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้ง นี่เขาคงไม่สนใจเธออีกแล้ว เขามีคนใหม่ปล่อยให้เธอจมอยู่กับความเสียใจตามลำพัง กมลเนตรย่างก้าวเดินด้วยจิตใจเหม่อลอย ไม่รู้ตัวเลยว่ามีชายอีกคนเดินตามหลังมาติดๆ มือแกร่งของชายคนนั้นคว้าข้อมือของเธอไว้มั่น กมลเนตรที่ไม่รู้ว่าเจ้าของมือคือใครพยายามสะบัดข้อมือให้หลุด หันหน้ามาเผชิญกับผู้ลุกรานทันควัน

“คุณฟรานโก้” หญิงสาวอุทานราวกับเจอสิ่งไม่คาดฝันว่าเจ้าของมือนั้นคือคนที่เธอเฝ้าคิดถึง ภาพหวานภาพนั้นย้อนขึ้นมาในความคิด ความโกรธที่มาพร้อมกับความหึง กมลเนตรสะบัดข้อมืออย่างแรง หมายจะหลุดพ้นจากเงื้อมมือของเขา

“จะไปส่ง ขึ้นรถ” เขาพูดเสียงเข้ม เริ่มไม่สบอารมณ์กับท่าทีของเธอ กมลเนตรทำเหมือนกับเขาเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ ไม่อยากให้เข้าแตะต้องและเข้าใกล้

“ไม่ ฉันมาเองได้ ก็กลับเองได้ คุณไปหาแฟนคุณเถอะ โน่นเธอยืนคอยอยู่ที่รถไม่ใช่เหรอ” สายตาของเธอมองเห็นร่างสูงโปร่งยืนพิงรถยนต์คันโก้ของฟรานซิสโก ท่าทางหญิงสาวคนนั้นจะไม่พอใจที่ชายหนุ่มสเปนมาข้องแวะกับเธอ กมลเนตรอดไม่ได้ที่จะค่อนขอดชายร่างโต

“เทเรซ่ามีมือมีเท้าหาทางกลับบ้านเองได้ ฉันจะไปส่งเธอเองไปขึ้นรถเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่ไปฉันจะจูบโชว์ให้คนทั้งมหาลัยได้ดูกันแน่” เขาพูดข่มขู่และดูเหมือนว่าเขาจะทำอย่างที่เขาพูดจริงๆ เมื่อลำแขนหนาทำท่าจะโอบร่างนิ่ม กมลเนตรจำต้องทำตามที่เขาพูด

“ก็ได้” ฟรานซิสโกยิ้ม ฉวยโอกาสที่หญิงสาวไม่ทันตั้งตัว หอมแก้มเธอฟอดใหญ่ ก่อนจะจูงมือนุ่มไปยังรถของตน เทเรซ่าหงุดหงิดอย่างมากที่ฟรานซิสโกให้เธอกลับบ้านเอง ร้ายไปกว่านั้นยังให้แม่สาวไทยนั่งด้านเบาะหน้ารถ เพราะคนที่นั่งน่าจะเป็นเธอมากกว่า แต่เมื่อเห็นเงินปึกใหญ่ที่เขายื่นให้ตรงหน้า ความหงุดหงิดเปลี่ยนเป็นเบิกบานทันตาเห็น

รถยนต์คันงามเคลื่อนตัวออกจากมหาวิทยาลัย โดยมีสายตาของมาลีตามไปสุดสายตา เธอก้มมองภาพถ่ายที่เธอบันทึกไว้ด้วยรอยยิ้ม อีกไม่นานวิตโตริโอต้องเป็นของเธอคนเดียว

ความเงียบปกคลุมไปทั่วทั้งรถ กมลเนตรนั่งไม่พูดไม่จา นั่งมองวิวทิวทัศน์ด้านนอก ฟรานซิสโกก็เฉย ตั้งหน้าตั้งตาขับรถต่อไป เธอมองสองข้างทางที่เริ่มแปลกตา ไม่คุ้นเคย ทางสายนี้ไม่ใช่ทางกลับคฤหาสน์ดิมาร์ชี เขาจะพาเธอไปไหน เธอไม่รั้งรอถามเขาเร็วพลัน

“คุณจะพาฉันไปไหน” เธอตวาดถาม เขายังคงเฉยขับรถต่อไป เหมือว่าไม่ได้ยินเสียงพูดของเธอ กมลเนตรอยากจะกรีดร้องกับความอัดอั้นตันใจ ท่าทางของเขาทำให้เธออยากจะเป็นบ้า แต่เสียงที่ดังขึ้นกับเป็นเสียงโทรศัพท์ของหญิงสาว กมลเนตรมองหมายเลขโทรศัพท์เข้ามา เธอยิ้มเมื่อคิดแผนการแก้เผ็ดฟรานซิสโกได้

“สวัสดีค่ะ พี่วิโต” กมลเนตรพูดเสียงหวานที่สุดในชีวิต ครั้งนี้เธอพูดเป็นภาษาอิตาเลี่ยน เพื่อให้อีกคนได้ฟังอย่างชัดเจน ฟรานซิสโกหูผึ่งทันที เมื่อรู้ว่าบุคคลที่โทรศัพท์เข้ามาคือใคร แต่เขายังคงนิ่งเฉยไม่พูดต่อไป

“คิดถึงค่ะ ตาคิดถึงพี่วิโตที่สุดเลย” มือที่กำพวงมาลัยรถยนต์กระชับแน่นยิ่งขึ้น หลังจากได้ยินคำพลอดรักของต้นสายและปลายสายดังไปตลอดทาง ไม่สนใจว่ายังมีเขาอีกคนที่ใช้อากาศหายใจร่วมกับเธออยู่ในรถ ความอดทนของเขาสิ้นสุดลง หลังจากที่ถ้อยคำสุดท้ายของกมลเนตรพูดกับต้นสาย ฟรานซิสโกขับรถทะยานไปยังเบื้องหน้าอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งรถจอดสนิทหน้าบ้านหลังหนึ่ง

“รักและคิดถึงพี่วิโตเช่นกันค่ะ” โทรศัพท์ที่อยู่ในมือตกลงไปอยู่ที่พื้น เมื่อถูกมือหนากระชากร่างนุ่มอย่างแรงและเร็ว ร่างงามลอยตามแรงตวัดอุ้มของเขา ฟรานซิสโกจับร่างของกมลเนตรคร่อมหน้าตัก มือหนาจับมั่นที่ท้ายทอยของหญิงสาว มอบจูบเร่าร้อนและดุดันเป็นการตอบแทนการกระทำของเธอ มือเล็กทุบไปตามกายแกร่ง เป็นเพราะพื้นที่แคบบวกกับเขาดันร่างงามไปติดกับพวงมาลัยรถ ทำให้เธอไม่สามารถทำร้ายเขาดังใจคิด รวมทั้งปลายลิ้นใหญ่รุกรานเข้ามากระหวัดซ่านในช่องปากของเธอนั้น มีอานุภาพมากพอที่จะทำให้เรี่ยวแรงต่อต้านลดทอนลง ตอบสนองรสจูบป่าเถื่อนด้วยหัวใจร่ำร้อง

สองวันที่แสนจะทรมาน สองวันที่เขาคิดถึงเรือนกายของหญิงสาวในอ้อมกอด สองวันที่เขาค้นหาหัวใจของตัวเอง สองวันที่เขาพยายามจะหักห้ามใจไม่ให้รัก ไม่ให้คิดถึง หากแต่สองวันที่พ้นผ่านมานั้น ทำให้เขารับรู้ว่าหัวใจดวงนี้ทั้งดวงของเขาไม่อาจมอบความรักให้ใครได้อีก นอกจากกมลเนตรเพียงคนเดียว

“คิดถึงจัง” เขาพูดพึมพำชิดปากนุ่ม เธอเม้มปากแน่นเมื่อได้ยินคำพูดของเขา คนที่บอกว่าคิดถึงทำไมไม่มาหา แถมยังมีหญิงอื่นจูบกันอย่างดูดดื่มต่อหน้าประชาชีอีก นี่น่ะหรือคือการกระทำของคนที่บอกว่าคิดถึง

“คิดถึงใคร คิดถึงฉันหรือว่าเทเรซ่า” หญิงสาวพูดอย่างแสนงอน ฟรานซิสโกอดยิ้มไม่ได้กับกิริยาแสนจะน่ารัก งอนนิดๆ สะบัดหน้าหนีหน่อยๆ กิริยาอย่างนี้เขาชอบยิ่งนัก

“คิดถึงแม่กระต่ายน้อยของฉันนะสิ ไม่คิดถึงเธอจะให้ไปคิดถึงใคร” เขาย้อนถามยิ้มๆ

“คิดถึงฉันแต่ไปจูบคนอื่นเนี่ยนะ บ้านของฉันไม่เรียกการกระทำของคุณว่าคิดถึงหรอกนะ” หญิงสาวสะบัดหน้าหนีชายหนุ่มคมเข้มตรงหน้าอย่างหมันไส้ ยิ่งอยู่ใกล้ชิดเขามากเท่าไหร่ หัวใจของเธอสั่นคลอน หวั่นไหวขึ้นมาเรื่อยๆ

“หึงเหรอ ดีใจจัง” เขาพูดนัยน์ตายิ้ม ไม่ว่าจะเป็นน้ำเสียงหรือว่ากิริยาของเธอนั่น ความหมายที่แสดงออกมาคล้ายกับการหึงหวงไม่มีผิด

“ใครจะไปหึงคุณ ฉันแค่ยกตัวอย่างเท่านั้นเอง ปล่อยฉันได้แล้ว ฉันจะกลับไปนั่งที่เดิม” กมลเนตรต้องรีบบอก เนื่องจากมือหนาเริ่มอยู่ไม่สุก ไล้วนไปทั่วร่างกายสาว ขนแขนของเธอลุกชัน ตอบรับสัมผัสของเขาทันที

“อยู่อย่างนี้แหละ วันนี้คุณครูจะสอนบทรักแบบใหม่ให้นักเรียนหัวไว คุณครูยังไม่เคยสอนใครเลยนะ แม่กระต่ายน้อยเป็นคนแรกและคนเดียว” กมลเนตรอยากจะร้องค้าน หากแต่ร่างกายกลับไม่เป็นเช่นนั้น เรียวแขนเสลาโอบกอดลำคอหนาที่โน้มลงมาใกล้ จนกระทั่งปากหนาประทับจูบนิ่งบนปากนุ่ม แทรกเรียวลิ้นเจนจัดเข้าพัวพันลิ้นนุ่มที่กระหวัดต่อสู้ลิ้นหนาอย่างไม่ลดละ ความคิดถึงอาบซ่านไปทั่วหัวใจของทั้งสอง จุดประกายชนวนของแรงปรารถนาขึ้นมาได้อย่างไม่ยาก ความร้อนจากฝ่ามือใหญ่ลูบไล้ไปตามผิวเนื้อนอกเสื้อผ้า ก่อนที่มันจะมาจับนิ่งที่ภูเขาลูกพอเหมาะ ออกแรงบีบหนักบ้าง เบาบ้างแล้วแต่เขาจะจินตนาการ

กระดุมเสื้อเชิ้ตสีหวานถูกปลดออกทีละเม็ด จนกระทั่งเสื้อตัวนั้นถูกแยกออกจากกัน มือแกร่งยังคงทำงานอย่างต่อเนื่อง ควานหาตะขอบราทางด้านหลัง หากแต่ไม่พบจึงอ้อมมาทางด้านหน้า และจัดการมันอย่างชำนิชำนาญ ปรากการด้านบนถูกปลดให้เป็นอิสระ ภูเขาที่เขาแสนจะคิดถึงอยู่ในกำมือ แรงบีบที่หนักมือ ยอดทรวงที่ถูกรุกเร้าด้วยปลายนิ้ว สร้างกระแสอารมณ์ของกมลเนตรให้เดือดพล่าน ยิ่งกว่าน้ำร้อนที่กำลังเดือดอยู่บนเตาไฟเสียอีก

และยิ่งร้อนมากขึ้น เมื่อใบหน้าคมเลื่อนต่ำลง ซบอยู่บนทรวงอกงาม ดันแผ่นหลังของกมลเนตรแนบสนิทกับพวงมาลัยรถ เพื่อที่เขาจะได้สามารถดื่มกินยอดถันได้อย่างถนัด ปากหนาหุ้มโอบยอดทรวงชูเด่นบนยอดภูเขาอย่างกระหาย คล้ายกับว่ายอดทรวงนี้เป็นก๊อกน้ำให้เขาดื่มกิน ดับความกระหายที่ต้องเผชิญกับเปลวแดดแผดเผาร่างกายให้ร้อนผ่าว

ใช่...ร่างกายของเขากำลังร้อน แต่มันเป็นความร้อนของเพลิงพิศวาสที่กระจายซัดไปทั่วร่างกาย ทุกอณูและรุขุมขนถูกเพลิงนี้แทรกซึมอย่างล้ำลึก ความแข็งแกร่งตึงแน่นอยู่ภายในกางเกงชั้นใน มันทำให้เขาร้อนและเริ่มเจ็บปวด จนเขาไม่อยากจะโอ้โลมเธออีกต่อไป อยากจะปลดปล่อยสิ่งที่อัดอั้นเต็มทนแล้ว

ร่างงามลอยขึ้นเหนือหน้าตกเขาเพียงสี่นิ้ว เพื่อที่เขาจะได้เกาะเกี่ยวแพนตี้ตัวเล็กที่หลบซ่อนอยู่ในกระโปรงสั้นพอดีเข่าของเธอ หากแต่ความใจร้อนมันทำให้เขาต้องกระชากแพนตี้ตัวจิ๋วจนขาดติดมือมา ก่อนจะปลดกระดุมกางเกง ดึงรั้งไปกองที่สะโพกพร้อมกับชั้นใน ความแข็งขึงผงาดตั้งชัน เสียดสีกับกุหลาบงามที่หลบซ่อนอยู่บริเวณซอกขาของหญิงสาว ความร้อนแผ่ซ่าน อารมณ์รักเพิ่มระดับ ความโหยหาอัดแน่นในจิตใจ ส่งผลให้ทั้งสองต้องการการเติมเต็มให้เร็วที่สุด

เขาจูบเธออีกครั้งอย่างเนิ่นนาน ยกร่างงามสูงขึ้นประสานร่างกายเชื่อมต่อด้วยการกดร่างบาง ครอบครองความตึงแข็งที่โบกสะบัดต้อนรับกุหลาบงามที่กำลังครอบคลุมตัวตนของเขา กุหลาบงามค่อยๆ กลืนกินความแข็งขึงทีละนิด จนกระทั่งกมลเนตรตัดสินใจกระแทกตัวลงมาจนสุด

“ขยับโซเฟีย” เขาพูดเสียงพร่า มือหนาจับมั่นเอวเล็กเริ่มขยับเพื่อช่วยนักเรียนให้เรียนรู้ในวิชาใหม่ นักเรียนสาวอย่างเธอแทบจะทำให้คุณครูหนุ่มขาดใจตาย เมื่อร่างงามควบขี่ด้วยความเร็ว มือบางทั้งสองข้างจับมั่นบนบ่าแกร่งเป็นหลักยึด

“อา...ฟรานโก้...อืม” เธอปล่อยเสียงครางระบายความเสียวซ่านที่ได้รับ ยิ่งเขาขบเม้มยอดทรวงที่กระเพื่อมด้วยแล้ว เพิ่มความซาบซ่านให้กับเธอมากยิ่งขึ้น ยิ่งเขาดูดเม้มตวัดเลียเป็นบางช่วงจังหวะ เธอยิ่งออกแรงควบด้วยความเร็วทั้งหมดที่มี

“แม่กระต่ายน้อย...อูว์” เสียงของเขาเหมือนคนกำลังใกล้ตาย ครางแทบไม่มีเสียง หายใจไม่ทั่วท้อง ใบหน้าแดงก่ำไฟรักไฟสวาทถาโถมเขามาอย่างสุดกำลัง “คุณฟรานโก้...อา...อืม” เสียงของเธอนั้นไม่ต่างกับเขา แห้งโรย ความกระสันเข้ามาเยือนร่างกายครั้งแล้วครั้งเล่า ปุยเมฆที่เธอกำลังกางปีกสยาย โบกบินเหมือนนกออกจากรัง ล้อเล่นกับแสงของดวงตะวันที่กำลังจะลาลับขอบฟ้า เธอขับเคลื่อนวามเร็วมากยิ่งขึ้น เพื่อส่งตัวเองให้ทะยานไปยังพระจันทร์เบื้องบน ลอยเด่นเข้ามาแทนที่ดวงตะวัน แสงของพระจันทร์สาดส่องกระทบกับเรือนกายสาว หมู่ดาวมากมายลายล้อมนกตัวเล็กที่หลงบินเข้ามา เสียงกรีดร้องที่ได้ยินนั้นคือเสียงของเธอเอง เมื่อนกที่กำลังบินอยู่บนท้องฟ้า ดิ่งพสุธาลงมายังพื้นดิน เสียวจนสุดทนจำต้องกรีดร้องออกมา พร้อมกับร่างกายกระตุกไหว ก่อนที่นกตัวน้อยจะดิ่งลงกระทบกับพื้นดิน อยู่ๆ ก็มีนกตัวใหญ่บินโฉบมารับร่างของเธอ ให้ทะยานสูงไปบนท้องฟ้าอีกครั้ง โอบกอดร่างบางไม่ยอมห่าง ทะนุถนอมราวกับไข่ในหิน“โซเฟีย” เสียงของเขาเปล่งออกมาเมื่อนกตัวใหญ่บินโฉบมารับร่างนกตัวน้อย โบยบินไปยังท้องฟ้าที่สว่างไสวด้วยหมู่ดาวและเดือน สายฝนเย็นฉ่ำไหลอาบอยู่ในช่อกุหลาบงาม ความอัดอั้นทั้งหลายจึงสิ้นสุดลง “หัวไวดีนี่นักเรียนคนนี้ เล่นเอาคุณครูอย่างฉันแทบหัวใจวาย” เขาพูดเสียงโรยบริเวณทรวงอกที่กระเพื่อมไหวตามแรงหายใจของกมเนตร เธอไม่มีแรงที่จะอ้าปากพูด เพราะตอนนี้เธอเหนื่อยเหลือเกิน เหนื่อยกับบทรักร้อนระอุ เหนื่อยกับหัวใจของตัวเองที่สับสน ไม่รู้ว่าคิดเช่นไรกับชายหนุ่มรูปงามคนนี้ รักหรือเกลียด เธอไม่รู้ แต่ที่รู้วินาทีนี้คือยามที่เขาห่างไกล หัวใจของเธอร่ำร้องหา ฝันถึงเขา เรียวแขนเฉลาโอบกอดร่างหนาที่ซุกซบไว้แน่น เป็นครั้งแรกที่กอดเขา กอดชายหนุ่มที่พรากสิ่งที่หวงแหนไป พรากความเป็นตัวของตัวเอง พรากความรักที่มั่นคง พรากความไว้วางใจที่วิตโตริโอมีให้ เธอไม่รู้ว่าความรู้สึกตอนนี้คือรักหรือไม่ ความรู้สึกนึกคิดเพียงอย่างเดียวที่มีตอนนี้คือ ไม่อยากห่างกายเขาแม้วินาทีเดียว

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์