โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

ทัณฑ์รักอสูรร้าย

บทที่ 40 ใจฉันเป็นของเธอ 1.2

ภัทราเดินตรงดิ่งมายังห้องทำงานของวิตโตริโอ หลังจากที่ปรางค์รวีโทรศัพท์มาปรับทุกข์กับเธอเรื่องของวิตโตริโอ ที่ยังวนเวียนมาข้องแวะกับปรางค์รวีอยู่ ทำให้เพื่อนแสนดีอดรนทนไม่ไหว ต้องเดินทางมาจัดการกับเสือร้ายให้รู้ดำรู้แดงกันไปเลย

“พี่ภา เกี๊ยะมาขอพบคุณวิโตริโอค่ะ” ภัทราบอกกับเลขานุการหน้าห้องที่สนิทคุ้นเคยกันในระดับหนึ่ง

“เกี๊ยะมีธุระอะไรกับคุณเสือ” โสภาเอ่ยถามตามหน้าที่

“มีเรื่องด่วนมากๆ ต้องพบกับคุณเสือให้ได้ค่ะ” ภัทราทำสีหน้าร้อนใจ ยังไม่ทันที่โสภาจะพูดอะไรต่อ รังสรรค์เดินตรงเข้ามาหาสองสาวที่กำลังสนทนาอยู่

“คุณมาทำอะไรที่นี่” รังสรรค์ถามภัทรา สีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัยที่เห็นสาวจอมยุ่งปรากฏตัวอยู่ที่นี่ ทั้งที่เธอไม่ได้ทำงานในอาคารหลังนี้ แล้วเธอจะมาที่นี่ทำไม

“ไม่ใช่เรื่องของคุณ ฉันมาหาคุณเสือร้าย ไม่ได้มาหาคุณ”

ภัทราตอกกลับ สะบัดหน้าหนีไม่อยากมองหน้าเขาเลยแม้แต่นิดเดียว ลูกน้องก็คงเหมือนเจ้านาย ถึงอยู่ด้วยกันได้

“ทำไมจะไม่ใช่เรื่องของผม ก็คุณมาหาเจ้านายของผม ผมเป็นลูกน้องก็ต้องคอยดูแลความปลอดภัยให้เจ้านาย เพราะถ้าเกิดคุณกระโดดกัดหู หรือแม้แต่ใช้เสียงแหลมๆ พูดตะโกนใส่หน้าคุณเสือ แล้วเกิดหูแตกขึ้นมา ผมจะได้จัดการกับคุณได้ทันท่วงทีไง” เขาพูดยิ้มๆ ยิ่งเห็นดวงหน้าของภัทราที่เริ่มแดงขึ้นเขายิ่งชอบใจเข้าไปใหญ่ ผู้หญิงอะไรก็ไม่รู้เวลาโกรธน่ารักชะมัดเลย

“นี่คุณ ฉันไม่ใช่หมานะที่จะกระโดดกัดหูเจ้านายคุณน่ะ ส่วนเสียงของฉันไม่ได้แหลมสูงขนาดนั้นเสียหน่อย แต่ถ้าเอาอะไรฟาดหูเจ้านายคุณแตกก็ไม่แน่”

“คุณนี่แหละพันธ์ไทยแท้ ดุ โหด กล้าบ้าบิ่น” ภัทราแทบจะกรีดร้องออกมาเมื่อถูกชายหนุ่มเปรียบเปรยเธอเป็นสุนัข งานนี้นายรังสรรค์ได้ไปสวรรค์แน่

“ฉันน่ะผู้หญิงสายเลือดไทยแท้ พูดจริงทำจริง และนี่คือผลตอบแทนของผู้ชายปากเสีย” รังสรรค์ไม่ได้คิดว่าภัทราเป็นสุนัขเลยสักนิด ความหมายที่เขาพูดออกไปนั้นชื่นชมในความกล้าของเธอต่างหาก หากแต่ภัทรานั้นกลับคิดไปอีกทาง ทำให้เขาต้องเจ็บตัวแบบนี้

“โอ๊ย!” รังสรรค์นั่งกุมกล่องดวงใจของเขาทันที ที่เข่ามหาภัยกระแทกเข้าตรงของรักของหวง เจ็บจนพูดไม่ออก

“เป็นไงล่ะผู้ชายพันธ์ชิวาวา โดนพันธ์ไทยแท้แตะเข้าไปกลางเป้าเจ็บหรือเปล่าเอ่ย ทีหลังอย่ามาดูถูกผู้หญิงอีกนะ โดยเฉพาะผู้หญิงไทยร้อยเปอร์เซ็นต์อย่างฉัน พูดจริงทำจริง” ภัทรายืนมองรังสรรค์ที่นั่งกุมของสงวนเพราะความเจ็บด้วยรอยยิ้ม ไม่ต่างกับโสภาที่ลอบยิ้มตามไปด้วย เมื่อเห็นวีรกรรมของสาวน้อยร่างเล็ก เธอจำได้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นเพื่อนของปรางค์รวี เพราะไปรับประทานอาหารด้วยกันบ่อยครั้ง

“พี่รายงานคุณเสือก่อนนะ” โสภาทำตามหน้าที่ โทรศัพท์เข้าไปขออนุญาติเจ้านาน “คุณเสือให้เกี๊ยะเข้าไปพบได้จ้ะ”

“ขอบคุณค่ะพี่ภา” ภัทรายิ้ม ก่อนจะเดินไปยังประตูห้องทำงานของประธานบริษัท

“มีธุระอะไรถึงได้มาหาฉันที่นี่” วิตโตริโอถามภัทรา เมื่อเธอก้าวเข้ามาอยู่ในห้อง นึกสงสัยอยู่ว่า ภัทรามาหาเขาทำไม

“ที่ฉันมาวันนี้ ฉันจะมาพูดเรื่องของปรางค์ ทำไมคุณถึงไปยุ่งกับปรางค์อีก ทำไมไม่ให้เรื่องมันจบๆ ไป” ภัทราสวมวิญญาณเพื่อนแสนดี เปิดศึกคำพูดกับวิตโตริโอ

“ไม่ใช่เรื่องของเธอ ไม่ต้องยุ่งได้ไหม” วิตโตริโอสวนกลับอย่างไม่ชอบใจ เจอภัทราที่ไรมีแต่เรื่องทุกที

“ทำไมจะไม่ใช่ ปรางค์เป็นเพื่อนของฉัน ตาก็เป็นเพื่อนของฉัน คุณยังยุ่งกับปรางค์อีก ถ้าตารู้ตาก็จะต้องเจ็บปวด ปรางค์เองก็จะเจ็บที่เป็นต้นเหตุให้ตาเสียใจ คุณยังทำร้ายปรางค์ไม่พออีกเหรอ คุณเลือกตาแล้วก็สมควรมีตาเพียงคนเดียว ปล่อยปรางค์ไปเถอะ ถ้าคุณยังรู้จักคำว่าสงสาร เรื่องของคุณกับปรางค์ ตาจะไม่มีวันรู้ หากคุณยังสานต่อ วันหนึ่งความจริงก็จะต้องเปิดเผย ถ้าคุณรักตาจริง อยากจะแต่งงานใช้ชีวิตคู่อยู่กับตา คุณต้องเลิกยุ่งกับปรางค์ให้เด็ดขาด ที่คุณทำแบบนี้ปรางค์จะยิ่งเจ็บ เจ็บแรกคือตัดใจจากคุณไม่ได้ เจ็บที่สองคือแย่งคนรักของเพื่อน” เหตุผลของภัทราทำให้วิตโตริโอนิ่งอึ้ง เขาถามตัวเองตั้งแต่เกิดเรื่องในวันนั้น ถามตัวเองว่ารักและอยากใช้ชีวิตคู่กับกมลเนตรหรือไม่ อยากเห็นเธอตอนที่เขาลืมตาตื่นในวันใหม่ อยากเห็นเธอเป็นคนสุดท้ายในยามเข้าราตรี อยากให้เธอเป็นแม่ของลูกหรือไม่

คราแรกเขาคิดว่ากมลเนตรจะเป็นทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาคิด หากแต่วันเวลาผ่านไป ความใกล้ชิดทางกาย ความปรารถนาที่ได้รับจากปรางค์รวี ความเกลียดชังเริ่มมีความรู้สึกบางอย่างแทรกซึมเข้ามาในจิตใจ ความรู้สึกนี้อาจจะก่อเกิดตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาพบปรางค์รวี เพียงแต่เขายังไม่ค้นพบหัวใจของตัวเองเท่านั้น จนกระทั่งวันที่เขารับรู้ความจริง ปรางค์รวีไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิด เขาต่างหากที่ผิด ผิดที่ทอดทิ้งเธอ ความรู้สึกผิดบวกกับความรู้สึกที่หลบซ่อนไว้ภายใน ทำให้ความรักก่อเกิดขึ้นมาในหัวใจของเขาทันที คนที่เขารักคือปรางค์รวีไม่ใช่กมลเนตร

เรื่องไม่ได้จบลงแค่ความคิดของเขา กมลเนตรไม่มีความผิด เขาจะทอดทิ้งเธอเพื่อกลับไปหาปรางค์รวี มันก็ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง คนที่เจ็บปวดหนีไม่พ้นสองสาวผู้แสนดี ความรู้สึกกับความเป็นจริงนั้นมันช่างสวนทางกัน ตอนนี้คนที่เจ็บไม่ใช่ใคร เขาต่างหากที่เจ็บปวดที่สุด

“...” วิตโตริโอไม่สามารถสรรหาคำพูดใดๆ จะเอ่ยออกมาได้ คล้ายกับว่าเขากำลังอมน้ำอยู่ในปาก อยากจะพูดแต่ไม่สามารถเรียงร้อยถ้อยคำออกมาเป็นประโยคได้

“คุณเสือ เรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้ว คุณต้องปล่อยให้ปรางค์ได้มีชีวิตใหม่ที่ไม่มีคุณ ปรางค์เจ็บปวดรวดร้าวกับการกระทำของคุณมามากเกินพอ น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าที่พรั่งพรูออกจากสองตาของปรางค์ มันเหมือนคมมีดกรีดหัวใจของเพื่อนฉัน ฉันทนเห็นเพื่อนทุกข์ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ถ้าคุณยังพอหลงเหลือความเป็นคนอยู่บ้าง ได้โปรดปล่อยเพื่อนของฉันไปเถอะ ฉันขอร้อง” ภัทราขอร้องวิตโตริโอเสียงอ่อน

“แม่เห็นด้วยกับคำพูดของเกี๊ยะ ได้เวลาที่ลูกจะต้องปล่อยปรางค์ให้เป็นอิสระทั้งกายและใจเสียที” ทิพย์ธาราเดินเข้ามาภายในห้องทำงานของลูกชาย หลังจากที่ยืนฟังการสนทนาของทั้งสองมาได้สักครู่หนึ่ง นางเองได้รับโทรศัพท์จากปรางค์รวีเมื่อหนึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา น้ำเสียงของปรางค์รวีนั้นหมองเศร้า ปลายสายเล่าเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นให้นางฟัง ดูเหมือนว่าลูกชายของนางจะไม่ยอมหยุดเรื่องนี้ง่ายๆ ทิพย์ธาราจำต้องหยุดการกระทำของลูกชายด้วยตัวเอง ลูกแมวน้อยจึงเดินทางมาที่นี่เพื่อจัดการกับเสือร้าย

“ผม...” เขาพูดไม่ออกอีกครั้ง

“ป๋าเห็นด้วยกับแม่นะวิโต ลูกควรจะปล่อยให้หนูปรางค์เป็นอิสระเสียที ลูกทำร้ายปรางค์มามากแล้ว ถ้าลูกยังฝืนต่อ คนที่เจ็บคนต่อไปก็คือโซเฟีย ส่วนตัวลูกก็จะจมอยู่กับคำว่าผิดไปตลอดชีวิต ที่เป็นต้นเหตุให้คนดีๆ อย่างปรางค์และโซเฟียต้องเจ็บปวด การเป็นเพื่อนสนิทมาตลอดหลายสิบปีของปรางค์และโซเฟียอาจจะสะบั้นลงก็ได้ ป๋าว่าลูกน่าจะหยุดเพียงเท่านี้นะ” อเล็สซานโดรพูดเสริม เตือนสติลูกชาย เขารู้ดีว่าตอนนี้หัวใจของเสือร้ายมอบให้กับปรางค์รวีจนหมดใจ หากแต่ความรับผิดชอบต่อความรักที่กมลเนตรมอบให้ลูกชายของเขา ก็สำคัญไม่แพ้กัน

“พ่อกับแม่ของคุณพูดถูก ถ้าคุณยังหลงเหลือความเป็นคนอยู่บ้าง ได้โปรดปล่อยให้ปรางค์มีชีวิตที่เป็นของตัวเอง อย่างดึงรั้งเพื่อนของฉันอีกต่อไปเลย” ภัทราพูดขึ้นหลังจากได้แนวร่วมเพิ่มอีกสองคน รังสรรค์มองเห็นความวุ่นวายของแม่จอมยุ่ง เห็นทีเขาต้องจัดการกับเธอเสียแล้ว

“มานี่เลยคุณ” รังสรรค์เดินตรงเข้าไปลากร่างของภัทรา ลากจูงเดินออกไปจากห้องทำงานของเจ้านาย ภัทราฝืนเต็มกำลังที่มีเพราะงานของเธอยังไม่เสร็จบรรลุถึงเป้าหมายอย่างที่ตั้งใจไว้ ตอนนี้ภายในห้องเหลือเพียงครอบครัวดิมาร์ชีเท่านั้น การพูดจาจึงเริ่มขึ้นอีกครั้ง

“แม่ไม่รู้ว่าเสือคิดอะไรอยู่ ไม่รู้ว่าความรู้สึกของลูกที่มีต่อปรางค์คืออะไร แต่แม่อยากให้ลูกคิดถึงการกระทำของตัวเองที่ผ่านมา ปรางค์เจ็บเพราะลูกมามาก มันถึงเวลาแล้วนะที่ลูกควรจะเจ็บบ้าง”

ทำไมนางจะไม่รู้ว่าวิตโตริโอมีความรู้สึกแบบไหนกับปรางค์รวี หากแต่ลูกชายของนางเลือกที่จะหน้ามืดตามัวแก้แค้น ไม่ฟังเหตุผลที่แท้จริง คนที่เจ็บปวดที่สุดน่าจะเป็นลูกชาย วิตโตริโอสมควรจะได้รับโทษครั้งนี้เพียงคนเดียว“กลับอิตาลีเถอะวิโต โซเฟียรอลูกอยู่นะ ลืมเรื่องที่เมืองไทยซะ ลืมปรางค์ คนที่ลูกควรจะรักต่อจากนี้คือโซเฟียคนเดียวเท่านั้น” วิตโตริโอไม่เคยอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ เขากำลังยืนอยู่ตรงกลางของทางแยก ทางหนึ่งมีหญิงสาวที่เขารักนามว่าปรางค์รวียืนอยู่ อีกเส้นทางหนึ่งมีหญิงสาวนามว่ากมลเนตรยืนอยู่เช่นกัน ไม่ว่าเขาจะเลือกเดินทางไหน ความเจ็บปวดมันก็เกิดขึ้น “ผมจะกลับอิตาลี ผมจะปล่อยปรางค์ไป” ถ้อยคำยากยิ่งหลุดออกจากปากหนาอย่างยากลำบาก เขาคิดว่าการปลดปล่อยปรางค์รวีให้เป็นอิสระครั้งนี้เป็นสิ่งที่ถูกต้อง เขาและปรางค์รวีเหมือนยืนอยู่ที่เดียวกัน จุดเดียวกัน หากแต่มีกำแพงหนาทึบขวางกั้น ไม่สามารถจับต้อง ไม่สามารถมองเห็นมีเพียงความรู้สึกเท่านั้นที่ส่งผ่าน กำแพงหนานี้เขาไม่อาจทลายลงได้ เหตุผลง่ายๆ คือเป็นกำแพงที่มีลมหายใจ กำแพงที่มีชื่อว่ากมลเนตรความรักที่อยู่ก้นบึ้งของหัวใจ ผลิดอกออกใบเป็นกิ่งก้าน ในวันที่ไม่มีน้ำให้ราดรด ต้นไม้ที่กำลังงอกงามนั้นจำต้องเหี่ยวเฉา ตายซาก เหมือนกับเขาตอนนี้ที่ต้องห่างจากหญิงสาวที่เพิ่งรู้ตัวว่ารักเธอสุดหัวใจ ในวันที่สายเกินไป“แต่ก่อนไป ผมขอไปพบปรางค์เป็นครั้งสุดท้าย ครั้งสุดท้ายจริงๆ” เขาบอกบิดาและมารดา บอกความตั้งใจที่เขาอยากทำที่สุดตอนนี้ ก่อนที่เขาจะไม่ได้เจอเธออีกเลยตลอดทั้งชีวิต และจะขอพิสูจน์อะไรบางอย่างด้วย

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์