โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

ทัณฑ์รักอสูรร้าย

บทที่ 41 ใจฉันเป็นของเธอ 1.3

“นี่คุณพาฉันออกมาทำไมฉันยังพูดไม่จบเลยนะ” ภัทราตะโกนถามดังลั่น ไม่อายสายตาของใครต่อใครที่มองมายังเธอกับรังสรรค์ ฝ่ายชายไม่พูดไม่ตอบคำถามใดๆ แม่จอมยุ่ง มือหนายังคงจับข้อมือเล็กแน่น ลากจูงต่อไปจนถึงลานจอดรถ

“ผมจะพาคุณไปส่งบ้าน ขึ้นรถเดี๋ยวนี้” เขาสั่งเสียงเข้ม ปล่อยข้อมือของเธอให้เป็นอิสระ

“ไม่กลับ ไม่ขึ้น แล้วก็ไม่ไปไหนทั้งนั้นจนกว่าฉันจะทำในสิ่งที่ฉันตั้งใจไว้ให้สำเร็จลุล่วงเสียก่อน” ภัทราค้านเสียงดังไม่แพ้กัน วันนี้เธอจะต้องทำทุกอย่างเพื่อให้วิตโตริโอปล่อยปรางค์เดินไปตามเส้นทางของตัวเอง โดยที่เขาไม่ต้องมาเกี่ยวข้องอีก ไม่ว่าจะเป็นทางไหน

“ผมบอกให้ขึ้นรถ” เขาสั่งอีกครั้ง ระดับของน้ำเสียงเริ่มดังขึ้น

“ไม่ขึ้นยังไงก็ไม่ขึ้น คุณนี่พูดไม่รู้เรื่องหรือไงหูหนวกเหรอบอกว่าไม่ขึ้นก็ไม่ขึ้นสิ นิสัยของเจ้านายกับลูกน้องเหมือนกันจริงๆ พูดไม่รู้เรื่อง เอาแต่ใจตัวเอง” ภัทรายังคงต่อว่าต่อขานเขาต่อ โดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด รังสรรค์เกิดความรำคาญจึงคิดวิธีที่จะทำให้ภัทราหยุดพูด

ริมฝีปากหนาทาบทับเรียวปากช่างจ้อของภัทราทันควัน เธอชะงักค้างตะลึงงัน เมื่อความร้อนส่งผ่านมาทางปลายลิ้นหนา แทรกซอนเกี่ยวรัดลิ้นนุ่มของตน กลืนเสียงด่าทอของภัทราหายไปจนหมดสิ่ง ร่างกายเล็กนิ่งทำอะไรไม่ถูก สมองไม่สั่งการ คำพูดที่จะต่อว่ามลายหายไปสิ้น เธอไม่คิดว่าตนเองจะถูกจูบ แล้วถูกจูบในสถานที่เปิดเผยเสียด้วย

วิธีนี้เป็นวิธีเดียวที่รังสรรค์คิดออก เป็นวิธีที่เขาจะไม่ได้ยินเสียงอันแสบแก้วหูนี้ และดูเหมือนว่าวิธีนี้จะดีเอามากๆ มากขนาดเขาไม่อยากหยุด แต่ก็ต้องหยุดเพราะสถานที่ไม่อำนวย

“ถ้าคุณพูดหรือด่า ผมจะจูบ แล้วถ้าคุณไม่ขึ้นไปบนรถ ผมจะปล้ำโชว์มันตรงนี้แหละ” เขาถอนจูบอย่างแสนเสียดาย พูดเสียงเข้ม สติของภัทรากลับคืนมาทันที ยกฝ่ามือขึ้นสูงหมายจะตบใบหน้าคมหล่อของเขา โทษฐานที่ขโมยจูบแรกไปซึ่งๆ หน้า

“ถ้าคุณตบผมผมปล้ำคุณจริงๆ ไม่เชื่อก็ลองดู บอกให้ขึ้นรถไงจะขึ้นหรือไม่ขึ้น ผมจะนับหนึ่งถึงสาม ถ้าไม่ขึ้นได้โชว์หนังสดแน่ หนึ่ง... สอง” เขาไม่นับเพียงอย่างเดียว แต่เขาทำอย่างอื่นด้วย อย่างอื่นที่ว่านั้นคือปลดเข็มขัดและตะขอกางเกง ใบหน้าหวานแดงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งอาย กลัว และโกรธ

“ขึ้นก็ได้” เธอกระแทกเสียงพูด เมื่อคำว่าสามกำลังจะปล่อยออกมา รังสรรค์ยิ้มเมื่อปราบพยศม้าสาวได้สำเร็จ ถ้ามันง่ายอย่างนี้ทำตั้งนานแล้ว

ระหว่างทางที่รังสรรค์ขับรถไปส่งภัทราที่บ้าน หญิงสาวเอาแต่นั่งนิ่งไม่พูดไม่จา ต่างกับเมื่อสักครู่ใหญ่เป็นอย่างมาก ภัทราเสมองไปด้านนอกรถตลอดเวลา เพราะไม่กล้าสู้หน้าเขาเท่าไหร่นัก เนื่องจากการกระทำแสนวาบหวามที่ลานจอดรถ มันทำให้เธอเขินอายไม่กล้ามองสบตารังสรรค์ ต่างกับรังสรรค์ที่คอยมองดวงหน้างามเป็นระยะ โดยเฉพาะริมฝีปากสีชมพูใสหอมหวานนุ่มละมุน

“จะไม่จูบลาหน่อยเหรอจ๊ะ” รังสรรค์พูดเสียงหวานหยด เมื่อภัทรากำลังจะเปิดประตูรถทันทีที่รถจอดหน้าบ้านของเธอ ไม่แปลกที่เขาจะรู้จักบ้านของภัทรา เป็นเพราะเมื่อก่อนตอนที่ปรางค์รวีคบหากับวิตโตริโอ บ่อยครั้งที่เขาจะทำหน้าที่ไปรับไปส่งสองสาว

“บ้า” ภัทรากระแทกเสียงด่า เดินลงไปจากรถยนต์ทันที โดยไม่หันมามองชายหนุ่มที่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ภายในรถ รังสรรค์มองภาพสาวน้อยจอมยุ่งด้วยสายตาเปี่ยมรัก เธอจะรู้หรือไม่ว่าเขาหลงรักเธอมานานมากแค่ไหน รักที่ไม่กล้าเปิดเผย เพราะรู้ดีว่า ภัทราเกลียดชังวิตโตริโอมากแค่ไหน ความเกลียดชังนั้นจึงเผื่อแผ่มายังเขา ด้วยเหตุผลที่รังสรรค์อยากจะเอาหัวโขกนุ่นตาย

“นิสัยเจ้านายกับลูกน้องก็ต้องเหมือนกัน ไม่น่าคบ”

ภัทราเดินตรงไปยังห้องของตัวเองทันทีที่เข้ามาภายในบ้าน นิ้วเรียวสวยจับริมฝีปากของตน รสชาติของจูบที่รังสรรค์มอบให้ ตราตรึงอยู่ในความรู้สึก ซาบซ่านในหัวใจ เธอไม่รู้สึกรังเกียจหรือขยะแขยงสัมผัสของเขาเลย ตรงกันข้ามกลับรู้สึกดีอย่างไม่น่าเชื่อ

ภัทรายิ้มรับความรู้สึกที่ก่อตัวในหัวใจ เป็นความรู้สึกที่เธอไม่เคยบอกให้ใครรับรู้ ความรู้สึกที่ว่าคือ เธอรักเขาตั้งแต่แรกเห็น เป็นผู้ชายที่ทำให้ภัทราตัวสั่นยามสบตา เป็นผู้ชายที่ทำให้เธอประหม่าเมื่อเข้าใกล้

“คนบ้า บ้าๆๆๆ” ภัทราหน้าแดงซ่าน ล้มตัวลงนอนบนที่นอน แต่มือก็ยังลูบริมฝีปากของตนเองไม่หยุด นอนยิ้มกับความสุขที่เบ่งบานในจิตใจ

สายฝนที่ตกลงมา ไม่ได้เป็นอุปสรรคของวิตโตริโอ เขาเดินลงจากรถยนต์ เดินฝ่าสายฝนมาหยุดยืนหน้าบ้านของปรางค์รวี ในมือถือดอกกุหลาบช่อใหญ่ ซึ่งมันอาจจะเป็นช่อดอกไม้ช่อสุดท้ายที่เขาจะมอบให้เธอ

เสียงกดกริ่งดังขึ้นสองสามครั้ง ร่างระหงที่กำลังง่วนอยู่กับการรีดผ้า รีบละมือ ก่อนจะเดินไปยังหน้าบ้าน เพื่อดูว่าใครที่มาหาตนยามวิกาลเช่นนี้

เท้าของปรางค์รวีชะงัก เมื่อเห็นร่างของชายหนุ่มที่เธอรักสุดหัวใจยืนอยู่หน้าบ้าน ร่างกายของเขาเปียกปอนด้วยเม็ดฝนที่ตกลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา โดยมีดอกกุหลาบสีโปรดช่อใหญ่ถือแนบอก

“ปรางค์ฉันขอโทษ” เขาพูดเมื่อเธอเดินมาหยุดหน้าประตูรั้วบ้าน ในมือของเธอถือร่มคันใหญ่ กางออกปกป้องสายฝนที่กำลังตกลงมา

“คุณมาทำไม คุณไม่ควรมาที่นี่อีก”

“ฉันมาเป็นครั้งสุดท้าย สุดท้ายจริงๆ ฉันมาเพื่อขอโทษปรางค์ในเรื่องที่ผ่านมา ปรางค์ยกโทษให้ฉันได้ไหม” เขาพูดเสียงนุ่มมาก แม้ว่าสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนักพร้อมกับเสียงคำรามของท้องฟ้า ดังแทรกเข้ามาทำให้เสียงของเขาแทบจะไม่ได้ยิน แต่สำหรับปรางค์รวีคำพูดเหล่านั้นแทรกซึมเข้าไปในโสตประสาทหูทุกถ้อยคำอย่างชัดเจน

หัวใจที่พยายามโบกปูนทับไว้ให้แข็งแกร่ง เริ่มอ่อนลง ปรางค์รวีมองช่อดอกไม้ที่เขายื่นมาให้ เธอมองนิ่งชั่งใจอยู่ว่าจะรับมันดีหรือไม่ แต่ทว่ามือของเธอก็ยื่นมือไปรับช่อดอกไม้อย่างคนไม่รู้สึกตัว อาจเป็นเพราะว่าคำว่ารักที่พยายามกดทับไว้ด้วยความเข็มแข็ง บงการให้เธอรับช่อดอกไม้

“ปรางค์ยกโทษให้คุณค่ะ” เขายิ้มเมื่อได้ยินคำพูดของปรางค์รวี หวังต่อไปว่าเธออาจจะตอบรับในสิ่งที่เขาจะพูดออกไป

“ปรางค์เรากลับมาเป็นเหมือนก่อนได้ไหม ฉัน...ฉันรักเธอนะ คำบอกรักครั้งนี้เป็นคำบอกรักที่ออกมาจากหัวใจของฉันเอง หัวใจของคนที่ทำเลวกับเธอไว้มาก ฉันเพิ่งรู้ตัวว่ารักปรางค์มากแค่ไหน”

ช่อดอกไม้ที่อยู่ในมือของเธอเกือบจะตกลงสู่พื้น หลังจากได้ยินประโยคบอกรักที่รอคอยมานานแสนนาน เขาบอกรักเธออยู่หรือนี่ เธอไม่ได้ฝันไปใช่ไหม หากแต่คำบอกรักของเขาบอกกับเธอช้าเกินไป

“คนที่คุณเสือควรจะรักไม่ใช่ปรางค์ แต่เป็นตาต่างหาก เรื่องของเรามันจบลงแล้วปรางค์ไม่อยากรื้อฟื้นขึ้นมาอีก คุณกลับไปเถอะค่ะ แล้วไม่ต้องมาที่นี่อีก คนที่คุณควรจะดูแลคือตาไม่ใช่ปรางค์” ปรางค์รวีข่มใจพูด หยาดน้ำตาที่รินไหลพร้อมกับสายฝน หลั่งรินออกมาด้วยความดีใจระคนขมขื่น

หัวใจของวิตโตริโอแห้งเหี่ยว ต่อไปนี้เขาต้องทนอยู่กับความทุกข์และความเจ็บปวด แต่ก็สมแล้วที่เขาต้องรู้สึกเช่นนี้ ทุกอย่างที่เกิดขึ้น เขาเป็นคนเริ่ม และเป็นคนเดียวที่รับผลกระทบมากที่สุดนึกแล้วก็สมน้ำหน้าตัวเอง ใจรักมั่นอยู่กับคนที่ตนรัก แต่ต้องไกลห่างไม่สามารถอยู่เคียงข้างได้ มันช่างเจ็บปวดและทุกข์ทรมานเหลือเกิน

ปรางค์รวีตัดใจหันหลังเดินกลับเข้าไปในบ้าน หากแต่เสียงหนึ่งที่ได้ยินนั้น ทำให้มือที่ถือร่มอ่อนแรงลง หัวใจเต้นด้วยจังหวะเร็วรัว ดวงตาหวานมีหยาดน้ำตาไหลอาบออกมาไม่ขาดสาย

ใจของฉันมันเป็นของเธอ ไม่ว่านานเท่าไร

และมันจะเป็นของเธอตลอดไป

ใจของฉันมันเป็นของเธอ คนเดียวทั้งใจ

จะรอเธอ รักเธอจนตายใจเอย

เพลงใจฉันเป็นของเธอ

โดย...บอย Peacemaker

วิตโตริโอร้องเพลงที่มีความรู้สึกเหมือนกับเขาตอนนี้ ให้คนที่เขารักได้รับฟังความในใจ ตะโกนร้องแข่งกับสายฝนที่ตกลงมาไม่หยุด หัวใจของเขาร้องไห้ มันหลั่งไหลออกมาจากสองขอบตา น้ำตาที่เขาไม่เคยมอบให้ใคร ตอนนี้วินาทีนี้ เขามอบให้เธอคนเดียวเท่านั้น

ปรางค์รวีไม่สามารถอัดอั้นความรู้สึกที่ฝังลึกของตัวเองอีกต่อไปได้ ร่างบางหมุนตัวหันมาเผชิญหน้ากับขายที่เธอรักสุดหัวใจ มองหน้าเขานิ่งจดจำดวงหน้า น้ำเสียงของเนื้อเพลงที่พรั่งพรูออกมานั้น แทรกซอนเข้าไปในห้วงคำนึงของหัวใจ เธอจะเก็บคืนนี้ไว้ในหัวใจตลอดกาล“ลาก่อนนะคะ” เธอพูดเสียงสั่น ทั้งสองมองกันและกันนิ่ง โลกทั้งโลกเหมือนมีเขาและเธอ ปรางค์รวีปลุกจิตสำนึกที่เข้มแข็งออกมาให้มากที่สุด เพื่อตัวของเธอเอง ถ้าไม่อยากให้ตัวเองต้องเจ็บปวดไปมากกว่านี้ เธอต้องตัดใจ ถ้าอ่อนแอคนที่เจ็บจะเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคนคือกมลเนตร ปรางค์รวีพูดสั้นๆ ก่อนหมุนตัวกำลังจะก้าวเท้าเดินกลับเข้าไปในบ้าน หากแต่...“ปรางค์ฉันรักเธอนะ ได้โปรดเรากลับไปเป็นเหมือนเดิมได้ไหม เรารักกันไม่ใช่เหรอ ฉันรักเธอมากนะ” เขาพูดทั้งน้ำตา กอดร่างบางทางด้านหลัง ยื้อยุดเธออีกครั้งด้วยความรักทั้งหมดมี ปรางค์รวีหลับตานิ่ง ยกมือขึ้นวางทาบบนมือหนาของเขา จับไว้แน่นก่อนจะตัดใจปลดมันออกด้วยแรงทั้งหมดที่มี ตัดบัวอย่าเหลือใยนี่คืออุดมคติของเธอในขณะนี้“ลาก่อนนะคะคุณเสือ” ปรางค์รวีพูดทั้งน้ำตา เป็นประโยคสุดท้ายก่อนจะก้าวเดินเข้าไปในบ้านด้วยลำขาที่อ่อนล้า หัวใจอ่อนแอ ก้าวแต่ละก้าวของเธอนั้นคือความเจ็บปวดของเขา เขาและเธอคงเป็นได้เพียงเส้นขนานที่ไม่มีวันบรรจบเข้าหากันได้ วิตโตริโอมองปรางค์รวีที่ค่อยๆ เดินจากไป หัวใจของเขาร้าวรานถึงขีดสุด ดูเหมือนว่าโลกทั้งโลกไร้ซึ่งความสุข การก้าวเดินของเขานับตั้งแต่วันนี้ จะไม่มีแสงสว่างนำทางอีกแล้ว เขาต้องเดินอยู่บนเส้นทางที่เต็มไปด้วยเศษแก้วเศษกระเบื้อง เจ็บทุกครั้งที่ก้าวเดิน ต้องทนแบกรับกับความเจ็บปวดที่จะอยู่คู่กับเขาไปตลอดชีวิต จนกว่าจะสิ้นลมหายใจ เจ็บเพราะไม่มีปรางค์รวีอยู่เคียงข้าง เจ็บเพราะความรักที่มอบให้เธอ เจ็บเพราะเขาต้องอยู่กับผู้หญิงที่เขาไม่ได้รัก เจ็บเพราะการกระทำที่ย้อนกระทบด้วยผลกรรม พุ่งตรงย้อนกลับเข้าหาตัวเอง หากแต่ในความเจ็บปวดยังมีความรักและความเสน่หาที่อาบซ่านในหัวใจ เขาจะจดจำค่ำคืนวันที่ผันผ่าน เก็บเธอไว้ในหัวใจตลอดไปทิพย์ธาราซุกกับอกกว้างของสามี นางร้องไห้กับภาพที่ได้เห็น ใช่ว่านางจะไม่เสียใจที่เห็นลูกชายเจ็บปวด ทิพย์ธาราอยากให้ลูกชายได้รู้จักคำว่าเจ็บปวดกับการจากลาของคนที่เรารัก จากกันทั้งที่มีลมหายใจ และต้องทนเจ็บกับผลกรรมที่ตัวเองได้ทำไว้กับปรางค์รวี ต่อไปนี้วิตโตริโอจะได้รู้ซึ้งถึงคำว่าอยู่แบบเจ็บๆ เป็นเช่นไร

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์