คนหนึ่งเดินมาสมทบ ดวงตาสีดำของรังสรรค์ขุ่นมัว ความสงสัยก่อเกิดในหัวใจและสมองของเขาทันที ที่มาพร้อมกับความหึงหวง
“ปรางค์คืนนี้เกี๊ยะคงไปค้างบ้านปรางค์ไม่ได้นะ พอดีต้องไปธุระกับอ้น ปรางค์อยู่กับคุณศาสตราสองคนได้นะ” ภัทราบอกปรางค์รวี
“ไม่ต้องห่วงนะเกี๊ยะ ผมจะดูแลปรางค์เอง” ศาสตรารับคำเสียงหนักแน่น ตอนนี้วิตโตริโอหน้ามืดตาลาย หัวใจของเขาเต้นแรง สมองหนักอึ้ง ความหึงแล่นขึ้นแล่นลงไปตามกระแสเลือด มันแทบจะระเบิดออกมาแล้ว จากคำพูดของภัทราบ่งบอกได้ว่าศาสตรานอนพักที่บ้านของปรางค์รวี ยิ่งเห็นท่าทางที่สนิทสนมระหว่างปรางค์รวีกับศาสตราด้วยแล้ว ต่อมหึงพุ่งสูงราวกับจรวด
“ผมว่ามันไม่เหมาะนะครับ ที่คุณไปพักบ้านของปรางค์กันสองต่อสองแบบนี้ ปรางค์จะเสียหายได้” วิตโตริโอพูดออกมาในที่สุด หลังจากสงบปากสงบคำต่อไปไม่ไหว
“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอกครับ ผมบริสุทธิ์ใจ ผมไม่คิดล่วงเกินปรางค์หรอกครับ” ศาสตราตอบกลับ ไม่หวั่นกับสายตาดุร้ายของอีกฝ่าย
“คุณอาจจะบริสุทธิ์ใจ แต่คุณจะรู้ได้ยังไงว่าคนอื่นจะไม่เอาไปนินทา”
“ข้อนั้นก็ไม่ต้องห่วง เพราะคนแถวบ้านของปรางค์เข้าใจ ไม่มีใครคิดทุเรศๆ เหมือนคุณหรอกครับ” ศาสตราเหน็บแนมอีกผ่ายอย่างเหลืออด
“ใครกันที่คิดทุเรศ ผมยังไม่ได้บอกเลยสักคำว่าคนแถวบ้านปรางค์คิดยังไงและเรื่องอะไร คุณพูดออกมาเองทั้งนั้น” วิตโตริโอตอกกลับอย่างไม่ยอมแพ้ ศาสตรานิ่งอึ้งไปชั่วครู่ ชายหนุ่มตรงหน้านี้มีฝีปากร้ายไม่เป็นรองใครเลย
“ขอบคุณคุณวิโตมากนะคะที่เป็นห่วงปรางค์ แต่ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะว่าใครจะติฉินนินทาปรางค์ เพราะว่าคุณศาสตราคือผู้ชายที่ดีที่สุด เป็นสุภาพบุรุษที่แท้จริง หากปรางค์จะแต่งงานกับใครสักคน คงเลือกผู้ชายอย่างคุณศาสตราเป็นคู่ชีวิต ขอตัวนะคะ ปรางค์กับคุณศาสตราต้องการพักผ่อน” ปรางค์รวีพูดเสียงเรียบ แต่คำพูดของเธอบาดหัวใจวิตโตริโอเหลือเกิน “ขอบคุณคุณพ่อคุณแม่ คุณลุงลิปโป้ และพี่ฟรานโก้มากนะคะ ที่มาร่วมงานศพของแม่ปรางค์ ปรางค์ขอตัวกลับก่อนนะคะ”
หญิงสาวพนมมือไหม้บุคคลที่กล่าวขอบคุณ ศาสตราจึงพยุงร่างของปรางค์รวีเดินลงจากศาลาวัด ตรงไปยังรถยนต์ของตน
วิตโตริโอนิ่งราวกับหุ่นขี้ผึ้งที่มีชีวิต คำพูดของปรางค์รวีหมายความว่ายังไง คล้ายกับจะบอกเขาว่าศาสตราคือคู่ชีวิตที่เธอจะเลือก เสือร้ายกำลังจะหมุนตัวเดินไปพูดกับปรางค์รวีให้รู้เรื่อง หากแต่มือหนาของบิดาคว้าข้อมือของลูกชายไว้แน่น ดึงรั้งไว้ไม่ให้ลูกชายก้าวเดิน พร้อมกับส่ายหน้าห้ามปรามว่าอย่าทำในสิ่งที่คิด
กมลเนตรสังเกตท่าทางของวิตโตริโอและปรางค์รวี ดูท่าทางสองคนนี้มีอะไรซ่อนอยู่ คล้ายกับว่ามีม่านบางๆ กั้นกลางไว้ ทำทั้งสองไม่สามารถก้าวผ่านเข้าหากันได้ รวมทั้งท่าทางและการกระทำของบุพการีของวิตโตริโอ ชวนให้สงสัยทั้งสิ้น
“ปรางค์ครับ ปรางค์มีอะไรจะเล่าให้ผมฟังหรือเปล่าครับ”
ศาสตราเอ่ยถามเมื่ออยู่กันตามลำพังภายในรถยนต์ของเขา
“ไม่มีค่ะ” เธอตอบเสียงเหนื่อยอ่อน วันนี้เธออ่อนล้าทั้งกายและใจ หัวใจของเธอในวันนี้ตอกย้ำด้วยความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส เพื่อนรักของเธอเดินทางกลับมา กลับมาพร้อมกับเขาคนนั้น...ผู้ชายที่เธอรัก
“ผมไม่รู้หรอกนะ ว่าคุณมีอะไรกับผู้ชายที่ชื่อวิโตหรือเปล่า แต่จากสีหน้าและท่าทางของเขา มันบ่งบอกได้ว่าเขาหึงคุณ มีหลายคำถามที่ผมอยากรู้ แต่ถ้าปรางค์ไม่สะดวกที่จะตอบ ผมก็จะไม่ถาม” ปรางค์รวีไม่คิดว่าศาสตราจะพูดเรื่องนี้ตรงๆ คำพูดของเขาสะกิดแผลของเธอให้เปิดกว้างทันที น้ำตาเม็ดเล็กเกลือกกลิ้งลงมาเคลียร์แก้มทันที
“ปรางค์คนเรามีความทุกข์กันทุกคน ขึ้นอยู่กับว่าเราจะสามารถผ่านความทุกข์นั้นด้วยวิธีไหน ถ้าหากความทุกข์ที่อยู่ในใจของปรางค์ มันทำให้ปรางค์เจ็บ ปรางค์ระบายมันออกมามั่งก็ได้ ความทุกข์มันจะได้ไม่สะสมมากเกินไป ปรางค์ไม่สามารถให้ผมยืนอยู่ในฐานะคนรัก ขอให้ผมได้ยืนอยู่ในฐานะของพี่ชายหรือว่าเพื่อนก็ได้นะ ปรางค์มีอะไรเล่าให้ผมฟัง ผมสัญญาว่า ทุกอย่างที่ปรางค์เล่า มันจะตายไปพร้อมกับผม”
ศาสตรารู้ตัวว่าตนไม่มีทางเข้าไปยืนอยู่ในหัวใจของเธอได้ อาจเป็นเพราะว่าพื้นที่ของหัวใจดวงเล็กของปรางค์รวีไม่มีพื้นที่ว่างให้ใครยืนได้อีก ซึ่งเขาก็ยอมรับความพ่ายแพ้นั้นแต่โดยดี
ปรางค์รวีหันมามองใบหน้าของศาสตรานิ่ง เหมือนกำลังชั่งใจบางอย่าง ตลอดระยะเวลาหนึ่งปีเศษที่รู้จักกันมา ศาสตราเป็นผู้ชายที่อบอุ่น อยู่ใกล้เขา เธอจะรู้สึกสบายใจ คล้ายมีที่พึ่งพิง เธอจึงวางใจจะเล่าความทุกข์ที่อัดแน่นในหัวใจให้เขาได้ล่วงรู้ จริงตามที่ศาสตราพูด หากเธอได้ระบายออกมาบ้างก็คงดี เมื่อตัดสินใจได้ ปรางค์รวีจึงเปิดปากเล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟัง
ศาสตราตัดสินใจหักรถจอดริมข้างทาง ฟังเธอเล่าเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นอย่างตั้งใจ มืออบอุ่นขยับมากุมมือเล็กแล้วบีบเบาๆ คล้ายให้กำลังใจ โอบกอดร่างที่ร้องไห้ตัวโยนไว้ในอ้อมแขน ชีวิตเธอช่างน่าสงสารยิ่งนัก มีความรักทั้งทีก็พบเจอแต่ความเจ็บปวดมากถึงเพียงนี้ เขานึกแค้นเคืองคนที่ไม่มีเหตุผล และคนใจไม้ไส้ระกำอย่างวิตโตริโอ ทำร้ายคนที่ไม่มีความผิดให้เจ็บช้ำทั้งกายและใจ ซ้ำร้ายยังทอดทิ้งปรางค์รวีไปหากมลเนตร แม้ว่าจะไม่รู้ก็ตามว่าทั้งสองสาวเป็นเพื่อนรักกัน
“ปรางค์ฟังผมนะ มนุษย์ทุกคนที่เกิดมาบนโลกใบนี้ ล้วนแล้วแต่มีความทุกข์ด้วยกันทั้งนั้น หนักเบาแตกต่างกันไป ปรางค์ต่อสู้กับความเจ็บปวดและเสียใจมามากพอแล้ว ถึงเวลาที่จะทิ้งทุกอย่างและเริ่มต้นชีวิตใหม่ ชีวิตยังต้องเดินไปอีกไกล ปรางค์ต้องเข้มแข็ง ไม่ใช่เพื่อใคร เพื่อตัวปรางค์เอง” ศาสตราปลอบโยนปรางค์รวี หลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวอันแสนน่าสงสารของเธอ
“ปรางค์ไม่รู้จะเข้มแข็งไปเพื่ออะไร ปรางค์ไม่มีใครอีกแล้ว แม่ของปรางค์ตายแล้ว...ฮือ”
“อย่างที่ผมบอกปรางค์ไงครับว่า ต่อไปนี้ปรางค์ต้องเข้มแข็งเพื่อตัวปรางค์เอง ถ้าแม่ของปรางค์ยังอยู่ แม่ของปรางค์ก็คงอยากเห็นปรางค์เข้มแข็ง ไม่อ่อนแอเพื่อที่จะได้อยู่บนโลกแสนโหดร้ายนี้ได้ด้วยขาของตัวเอง ถึงตอนนี้แม่ของปรางค์จะไม่อยู่แล้ว ปรางค์ก็ยิ่งต้องเข้มแข็ง ไม่อย่างนั้นวิญญาณของป้าศรีจะอยู่ไม่เป็นสุข ทำให้คนตายเป็นทุกข์ไปด้วย ปรางค์อยากให้แม่เป็นทุกข์จนไม่ได้ไปผุดไปเกิดหรือเปล่าล่ะ ถ้าไม่อยากปรางค์ก็ต้องลุกขึ้นยืนให้เร็วที่สุด ปรางค์ทำได้ไหม”
เมื่อพูดถึงสดศรี ปรางค์รวีก็มีทีท่าอ่อนลง เธอลืมคิดถึงเรื่องนี้เสียสนิท หากตนยังเป็นทุกข์ จมอยู่กับความโศกเศร้า วิญญาณของสดศรีก็จะพลอยทุกข์ไปด้วย และไม่ได้ไปผุดไปเกิด นั่นเท่ากับว่า เธอทำร้ายมารดาทางอ้อม
“ปรางค์จะพยายามทำตัวให้เข้มแข็งค่ะ เพื่อแม่”“ดีมากครับ ผมจะพาปรางค์กลับบ้านนะ ปรางค์จะได้พักผ่อน พรุ่งนี้เป็นวันเผาศพป้าศรี เป็นอีกวันที่ปรางค์ต้องเข้มแข็ง”เขาเอ่ยบอกปรางค์รวีที่ยิ้มบางๆ เป็นการตอบรับ ก่อนที่ศาสตราจะเคลื่อนรถออกจากจุดที่จอด มุ่งตรงไปยังบ้านของปรางค์รวีอีกครึ่งชั่วโมงต่อมา ศาสตราขับรถยนต์มาจอดหน้าบ้านของปรางค์รวี ศาสตราพูดกับสตรีที่นั่งมาด้วยสองสามประโยค จากนั้นก็รั้งร่างเล็กเข้ามากอด แล้วจึงก้าวลงจากรถพร้อมกัน ศาสตรากับปรางค์รวีไม่รู้ตัวเลยว่า ทั้งคู่ถูกสะกดรอยตามมาตั้งแต่ออกจากวัด และคนที่ติดตามมานั้นคือ วิตโตริโอ ที่ขบกรามแน่น เมื่อเห็นทั้งสองกอดกันอยู่ภายในรถ ดวงตาสีสวยประกายเจิดจ้าน่ากลัว พร้อมกับคำปฏิญาณกับตัวเองว่า เขาไม่มีวันยอมให้ปรางค์รวีเป็นของชายอื่น นอกจากเขาเพียงคนเดียว
copy right hot novel pub