โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

ทัณฑ์รักอสูรร้าย

บทที่ 47 ความรักเปิดเผย 1

โรเจอร์ก้าวลงมาจากรถยนต์ หลังจากที่นำพามันมาจอดหน้าบ้านของปรางค์รวี เขามาพร้อมกับดอกไม้ช่อหนึ่งเช่นเดิม เท้าใหญ่ก้าวเดินไปยังประตูรั้วบ้าน เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ปรางค์รวีเดินออกมาจากตัวบ้านพร้อมกับศาสตราพอดี ทั้งคู่ชะงักในฉับพลัน เมื่อเห็นร่างสูงหนาของโรเจอร์ปรากฏตัวอยู่หน้ารั้วบ้าน ด้วยมารยาทปรางค์รวีเดินไปหาร่างของแขกพิเศษที่ไม่ปรารถนาจะพบเจอ

“สวัสดีค่ะคุณโรเจอร์” ปรางค์รสีทักทายตามมารยาท

“ผมเสียใจเรื่องแม่ของคุณพลิสซิลล่าด้วยนะครับ ผมเพิ่งทราบข่าวเมื่อวานตอนเย็น ตอนเช้าเลยรีบมาหาคุณพลิสซิลล่าครับ” เขาส่งดอกไม้ในมือให้กับหญิงสาวที่ตนหลงใหลในความงาม เธอรับช่อดอกไม้อย่างเสียมิได้ พร้อมกับรอยยิ้มบางๆ

“ขอบคุณมากค่ะ”

“คุณโรเจอร์มาที่บ้านพลิสซิลล่าได้ยังไงครับ” ศาสตราถามทันทีด้วยความสงสัย โรเจอร์ยิ้มก่อนจะตอบ

“การสืบเรื่องคนที่เราสนใจไม่ใช่เรื่องยากสำหรับผมเลยนะครับตรงกันข้ามง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ” โรเจอร์ตอบพรางจ้องหน้าศาสตรานิ่ง เสมือนประกาศศึกไปในที

“ปรางค์ขอตัวก่อนนะคะคุณโรเจอร์ ปรางค์ต้องรีบไปวัดค่ะ”

ปรางค์รวีตัดบท เพราะเธอเริ่มมองเห็นสองหนุ่มจ้องหน้ากันอย่างไม่มีใครยอมใคร

“ผมก็ต้องขอตัวเช่นกันครับ เพราะมีประชุมช่วงเช้า ผมแวะมาแสดงความเสียใจเรื่องคุณแม่กับคุณก่อนน่ะครับแล้วถึงไปประชุม ตอนเย็นผมจะไปงานศพคุณแม่ของคุณพลิสซิลล่านะครับ” โรเจอร์ไม่วายที่จะส่งยิ้มหวานให้ปรางค์รวี

“ขอบคุณมากค่ะคุณโรเจอร์” แม้ว่าจะไม่ชอบหน้าโรเจอร์สักเท่าไหร่ แต่เป็นเพราะเขาแสดงความมีน้ำใจกับตน เธอก็ต้องรับน้ำใจนั้นไว้ ถึงแม้ว่าจะไม่ต้องการก็ตาม

“เย็นนี้เจอกันนะครับ” โรเจอร์ยิ้มให้เธออีกครั้ง ก่อนจะเดินไปขึ้นรถยนต์ของตัวเอง

“พี่ไม่ชอบหน้าไอ้หมอนี่เลย มันดูขวางหูขวางตายังไงก็ไม่รู้ ยิ่งมายุ่งกับปรางค์พี่ยิ่งไม่ชอบใหญ่” ศาสตรายอมรับว่าโรเจอร์เป็นลูกค้าเงินหนาคนหนึ่ง ในทางธุรกิจถือว่าโรเจอร์น่าคบ แต่ถ้าถามแบบส่วนตัว ศาสตรายอมรับว่า ไม่ชอบหน้าโรเจอร์เพราสายตาของหนุ่มต่างชาติยามที่มองปรางค์รวี เปรียบเสมือนสัตว์ป่า จ้องจะขย้ำเหยื่ออันโอชะอีกทั้งข่าวด้านมืดของโรเจอร์ก็ทำให้เขาไม่ไว้วางใจโรเจอร์มากขึ้น

“พี่ศาสตราไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ ปรางค์ไม่มีวันไปยุ่งเกี่ยวกับคุณโรเจอร์มากไปกว่านี้แน่นอนค่ะ” สรรพนามที่หญิงสาวเรียกศาสตรานั้น เป็นไปตามข้อตกลงระหว่างทั้งสอง ศาสตรารู้ดีว่าไม่สามารถเข้ามาอยู่ในฐานะของคนรัก เขาจึงขออยู่ในฐานะของพี่ชายที่คอยดูแลปกป้องน้องสาว แค่นี้เขาก็พอใจแล้ว

“ดีแล้วล่ะ อยู่ห่างคนแบบนี้หน่อยก็ดี ท่าทางไม่ไว้วางใจเลย”เขาเตือนอีกรอบ “รีบไปกันเถอะเดี๋ยวรถติด”

ศาสตราเดินทางมาส่งปรางค์รวีที่วัด ก่อนจะเดินทางไปทำงานต่อและจะกลับมาอีกครั้งในตอนเย็น ระหว่างที่ปรางค์รวีจัดดอกไม้ใส่แจกัน เพื่อไปวางหน้าโลงศพของมารดา ทางด้านหลังมีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาใกล้ เขาทรุดตัวลงนั่งข้างร่างเล็ก เอื้อมมือมาจับมือน้อยที่กำลังจัดดอกไม้อยู่ ทำให้เธอตกใจและสะบัดมือออกจากมือใหญ่ทันที

“คุณเสือ” เธออุทานตกใจเพราะไม่คิดว่าจะเป็นวิตโตริโอ

“ตกใจขนาดนี้เชียวหรือที่เห็นฉัน ถ้าเป็นไอ้เจ้านายหนุ่มคงโผเข้ากอดเลยใช่ไหม” น้ำเสียงของเขาบ่งบอกถึงความไม่พอใจ

“รู้แล้วจะมาถามทำไม” เธอย้อน ก่อนจะปักดอกไม้ใส่แจกันต่อไป

“เธอเป็นเมียของฉันนะ คิดจะสวมเขาให้ฉันเหรอ”

“คุณเสือคะ ปรางค์คิดว่าคุณคงจะเข้าใจอะไรผิด ปรางค์ไม่ได้เป็นอะไรกับคุณไม่ว่าจะตอนนี้หรือว่าอนาคต ลืมไปแล้วเหรอคะว่าผู้หญิงที่คุณเสือรักและเป็นผู้หญิงที่คุณเสือจะแต่งงานด้วยคือตา ไม่ใช่ปรางค์” ปรางค์รวีพูดเองเจ็บเอง แต่เธอต้องพูดพูดเพื่อเตือนความจำให้กับเขาและตัวเธอเอง ให้รู้สถานะของตัวเอง

“เธอคิดเหรอว่าถ้าฉันแต่งงานกับตาแล้วจะมีความสุข คนที่ไม่ได้รักกันจะอยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่าได้ยังไง” วิตโตริโอไม่มีวันมีความสุขในชีวิตคู่ หากผู้หญิงที่เขาจะแต่งงานด้วยไม่ได้ชื่อปรางค์รวี

“คุณเป็นคนเลือกเองตั้งแต่ต้นนะคะ คุณก็ต้องยอมรับความเจ็บปวดนั้นไว้เพียงคนเดียวเหมือนกัน”

“แล้วเธอล่ะ เธอไม่เจ็บปวดเลยใช่ไหม” เขาถามเสียงเครียด มือเล็กที่กำลังจัดดอกไม้ชะงักและสั่น มีหรือที่เธอจะไม่เจ็บปวด ความเจ็บปวดที่ได้รับมันฝังแน่น หยั่งลึกลงไปในหัวใจไม่สามารถสลัดหลุดออกไปได้ ความเจ็บปวดที่พันธนาการด้วยเชือกของความรัก มันแน่นเสียจนเธอแทบจะสิ้นชีวาวาย

“ปรางค์เลยผ่านคำว่าเจ็บมาแล้วค่ะ คำว่าเจ็บจะกลับมาสู่หัวใจของปรางค์อีก หากคุณยังมารังควานปรางค์แบบนี้ คนที่เจ็บก็จะเพิ่มมาอีกคนหนึ่งคนๆ นั้นก็คือตา ปรางค์ไม่อยากให้เพื่อนของปรางค์เจ็บเหมือนปรางค์ เสียใจเหมือนปรางค์ ได้โปรดเถอะค่ะคุณเสือ หากคุณเสือรักปรางค์อย่างที่พูดจริงๆ ปล่อยปรางค์ไป ให้ปรางค์เดินไปตามทางของตัวเองเถอะนะคะ” น้ำเสียงของเธอนั้นเต็มไปด้วยความอ้อนวอนและร้องขอ หัวใจแกร่งเหมือนเพชรสั่นคลอนเมื่อเห็นหยดน้ำใสๆ คลอเบ้าตา เธอร้องไห้อีกแล้ว เขาทำให้เธอร้องไห้

“ถึงแม้ว่าฉันจะก้าวเดินออกไปจากชีวิตของเธอ โปรดจำไว้ว่าหัวใจของฉันมอบให้เธอเพียงคนเดียว ฉันยอมเจ็บปวดเพียงคนเดียวเพื่อเธอนะปรางค์ เพื่อเธอเพราะฉันรักเธอมากที่สุด เธอจำคำพูดของฉันไว้นะ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปี หัวใจของฉันมอบให้เธอเพียงคนเดียว”

เขาตัดสินใจเดินจากเธอไปตามที่หญิงสาวร้องขอ ไม่ใช่เพราะเขาหมดความพยายามที่จะงอนง้อ เป็นเพราะน้ำตาของปรางค์รวีต่างหาก เขาไม่อยากเห็นเธอร้องไห้ ไม่อยากให้เสียใจเพราะมีเขาเป็นต้นเหตุ ที่ผ่านมาปรางค์รวีเจ็บปวดกับคำว่ารักที่เธอมอบให้เขามามาก คงถึงเวลาแล้วที่วิตโตริโอจะต้องแบกรับความเจ็บปวดกับคำว่ารักบ้าง

ปรางค์รวีมองตามร่างใหญ่ที่เดินลงจากศาลาวัดทั้งน้ำตา ไม่ว่าเขาจะอยู่ตรงนี้หรือเดินจากไป ปรางค์รวีไม่อาจหนีคำว่าเจ็บได้ เนื่องจากหัวใจของเธอมีเขาเต็มหัวใจ ทุกลมหายใจของเธอไม่ว่าจะเข้าหรือออกมีแต่เขาเพียงคนเดียวเท่านั้น ปรางค์รวีคิดว่าการตัดสัมพันธ์เป็นหนทางที่ดีที่สุด เธอจะรู้หรือไม่ว่ามันทำให้ทุกอย่างเลวร้ายลงต่างหาก

อเล็สซานโดร ทิพย์ธารา และฟิลิปโปเดินทางไปเยี่ยมภรรยาของเดชดวงที่โรงพยาบาล ฟรานซิสโกจึงอยู่บ้านพักของอเล็สซานโดรที่ซื้อไว้ระหว่างมาพักเมืองไทยตามลำพัง หัวใจของเขานึกถึงหญิงอันเป็นที่รักตลอดเวลา

ฟรานซิสโกเหมือนคนกำลังเดินหลงทาง ไม่รู้จะหาทางออกของเรื่องนี้ยังไง อีกฝ่ายคือเพื่อนรักที่สนิทสนมเหมือนคนครอบครัวเดียวกัน อีกฝ่ายคือหญิงสาวที่เขารักหมดหัวใจ เขาเองไม่รู้ว่าจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไง สับสนและว้าวุ่นไปหมด

“คุณฟรานโก้” เสียงนุ่มของใครบางคนที่เขากำลังคิดถึง ลอยมากระทบกับโสตประสาทรับฟัง คราแรกเขาคิดว่าเป็นเพียงความฝัน เขาคงคิดถึงเธอมากจึงเก็บเอามาพร่ำเพ้อ หากแต่เสียงเรียกชื่อของเขาที่เอ่ยซ้ำนั้น ทำให้ใบหน้าคมหันไปมองทางด้านหลัง

“โซเฟีย” เขาครางชื่อเธอ อยากจะวิ่งเข้าไปกอดร่างของหญิงสาวคนนี้ให้หายคิดถึง แต่เขาทำไม่ได้

“ไม่มีคนอยู่เหรอคะ” เธอถามเพราะตั้งแต่เข้ามาในบ้าน เธอไม่เห็นใครสักคน นอกจากวงกตและดิบาสโซที่ทำหน้าบอดี้การ์ดประจำบ้าน

“ไม่มี” เขาตอบก่อนจะหันไปมองภาพความสวยงามของท้องฟ้าด้านนอก

“โซเฟียมีเรื่องอยากจะคุยด้วยค่ะ”

“มีอะไรก็พูดมาสิ” หัวใจของคนถามเต้นไม่เป็นจังหวะอยากรู้เหลือเกินว่าประโยคใดที่เธออยากจะพูดกับเขา หญิงสาวเดินเข้ามาสวมกอดร่างหนาทางด้านหลัง ซบใบหน้ากับแผ่นหลังกว้าง

“โซเฟียรักคุณฟรานโก้ โซเฟียไม่รู้ว่าความรักที่เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่พอโซเฟียได้เจอพี่วิโตที่สนามบิน โซเฟียจึงรู้ว่าหัวใจดวงนี้ไม่มีพี่วิโตแล้ว โซเฟียเจ็บเหลือเกิน โซเฟียไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับเรื่องนี้ดี พี่วิโตไม่มีความผิดคนที่ผิดคือโซเฟียเอง” คำพูดของเธอที่เปล่งออกมาพร้อมกับน้ำตาซึมซับเข้าไปในหัวใจของฟรานซิสโก

กมลเนตรรักเขาอย่างนั้นหรือ มันเป็นเรื่องเหลือเชื่อ เหนือความคาดหมายเป็นอย่างมาก เขาปลดลำแขนของเธอออก ก่อนจะหมุนกายให้มาเผชิญหน้ากับเธอ แล้วเป็นฝ่ายสวมกอดกมลเนตรไว้แน่น

“โซเฟีย ฉันเองก็เจ็บไม่ต่างกับเธอเลย ฉันไม่รู้จะทำยังไง ไม่รู้ว่าจะเริ่มตรงไหน วิโตเป็นเพื่อนสนิทของฉัน เราสนิทกันเหมือนกับว่าเป็นคนในครอบครัว ฉันทำในสิ่งที่น่ารังเกียจ รู้ตั้งแต่ครั้งแรกว่าเธอเป็นคนรักของเพื่อน แต่ไม่ยอมหยุดความสัมพันธ์ จนกระทั่งความรักที่ฉันไม่เคยมอบให้ใครงอกเงยและเบ่งบาน คับแน่นในหัวใจจนฉันเจ็บปวดไปหมด เหมือนกับว่าฉันตกนรกทั้งเป็น” เขาพูดเสียงเครือ หัวใจของเขาเจ็บไม่ต่างกับเธอเลย “ฉันดีใจที่ได้ยินคำว่ารักจากปากเธอ ฉันดีใจ ดีใจที่สุด”

“โซเฟียก็ดีใจค่ะที่รู้ว่า คุณรักโซเฟีย” กมลเนตรคิดว่า ไม่เสียแรงที่ตนรวบรวมความกล้า หน้าด้านบอกรักฟรานซิสโก และไม่คิดว่าจะได้ความรักนั้นตอบกลับ พอได้ยินคำว่ารักจากปากของเขา หัวใจดวงนี้พองขยาย รู้สึกดีใจเป็นที่สุด ที่สุดในชีวิตก็ว่าได้ “ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น โซเฟียจะรักคุณฟรานโก้คนเดียวและตลอดไป”

กมลเนตรเขย่งปลายเท้าให้สูงขึ้น เพื่อจูบเขาซึ่งมันอาจจะเป็นจูบครั้งสุดท้าย ฟรานซิสโกโหยหาความนุ่มของกลีบปากบางมาเนิ่นนานหลายวัน ทำให้เขาบดจูบเธออย่างเร่าร้อนแต่แฝงไว้ซึ่งความอ่อนโยน ไม่มีริมฝีปากของผู้หญิงคนไหน หวานหอมเท่ากับหญิงคนนี้เลย แต่ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังดื่มด่ำกับความรักที่ถ่ายทอดทางจุมพิต เสียงลูกบิดประตูก็ดังขึ้น ทำให้สองร่างผละห่างจากกัน กมลเนตรขยับตัวไปนั่งบนโซฟา ส่วนฟรานซิสโกก็ไปนั่งบนโซฟาอีกตัวหนึ่ง ทำให้เหมือนกับว่า ทั้งคู่กำลังพูดคุยกันอยู่

“ตามาตั้งแต่เมื่อไหร่ลูก” ทิพย์ธาราเอ่ยถามหลังจากเดินทางกลับจากโรงพยาบาล และตรงมายังห้องนั่งเล่นเพราะลืมมือถือเอาไว้ นางจึงตั้งใจจะมาเอา

“มาเมื่อสักครู่นี้เองค่ะคุณน้า” กมลเนตรตอบ หลังจากที่พนมมือไหว้ทิพย์ธารา

“เมื่อคืนตอนที่ไปส่งตาที่บ้าน น้ากับคุณลุงคุยเรื่องที่จะไปสู่ขอตากับคุณยายแล้วนะลูก แล้วตาล่ะจะว่ายังไง รอให้เรียนจบก่อนแล้วค่อยแต่ง หรือว่าจะหมั้นกันไว้ก่อน น้าจะได้จัดการเรื่องทุกอย่างให้เรียบร้อย” ทิพย์ธาราจะรู้หรือไม่ว่าทำให้คนสามคนที่ได้รับฟัง หัวใจร้าวรานมากแค่ไหน

วิตโตริโอที่เดินเข้ามาในห้องดังกล่าวเพื่อมาดูฟุตบอลทีมโปรด ได้ยินคำพูดของมารดาเต็มสองหูพอดี เขาถึงกับชะงักไปโดยพลัน เขานิ่งงัน สมองแทบจะไม่สั่งงาน เจ็บไปทั้งทรวง

กมลเนตรอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก จะบอกออกไปว่าเธอไม่อยากแต่งงานและใช้ชีวิตร่วมกับคนที่เธอไม่ได้รักก็ไม่ได้ ได้แต่ทนขมขื่นในใจฟรานซิสโกเจ็บจนน้ำตาไหล ทว่าน้ำตาไม่ได้ไหลออกมาจากดวงตา แต่มันไหลอาบไปทั่วจิตใจ รักคนที่มีเจ้าของมันเจ็บอย่างนี้เอง ยิ่งเจ้าของคือเพื่อนสนิท ความเจ็บนั้นหยั่งลึกลงเข้าไปอีก หัวใจทั้งสามดวงต่างเจ็บหนึบ อยากจะตะโกนก้องบอกความจริงให้ทุกคนได้รับรู้ เรื่องทุกอย่างอาจจะดีขึ้นหรือไม่ก็เลวร้ายลง“ตายังไม่คิดเลยค่ะ” “คิดได้แล้วนะลูกอีกไม่กี่เดือนหนูตาก็เรียนจบแล้ว น้าว่าคิดไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ คงจะดีนะ”“แต่ผมว่าให้ตาเรียนจบก่อนก็ดีนะครับ อย่าไปเร่งตาตอนนี้เลยครับคุณแม่ ยังมีเวลาอีกหลายเดือน อีกอย่างตาบอกว่าจะต่อดอกเตอร์ด้วย รอให้ตาเรียนสมความตั้งใจก่อนก็ได้ครับคุณแม่” วิตโตริโอพูดออกมาเพื่อแก้สถานการณ์แสนอึดอัด และยืดระยะเวลาออกไปอีก“ถึงตาจะต่อปริญญาเอก แม่ก็ไม่เห็นว่ามันจะมีปัญหาอะไรเลยนี่ ไม่มีกฎข้อไหนที่ไม่ให้คนที่แต่งงานแล้วเรียนหนังสือ” ทิพย์ธาราขัดลูกชาย เพราะรู้ดีว่าลูกชายไม่อยากแต่งงานกับกมลเนตร“ดูเหมือนว่าคุณแม่อยากให้ผมแต่งงานกับตาเร็วๆ วันนี้พรุ่งนี้ได้ยิ่งดีใหญ่ใช่ไหมครับ” วิตโตริโอประชดถามมารดา“ถ้าได้อย่างที่ลูกพูดก็ดีสิ” ทิพย์ธาราจ้องหน้าลูกชาย “ถ้าอย่างนั้นก็แต่งมันพรุ่งนี้เลยก็แล้วกัน จะได้สมใจคุณแม่ อยากทำอะไรก็ทำผมขัดไม่ได้อยู่แล้วนี่” วิตโตริโอหมุนตัวเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นทันทีที่พูดจบ ตามด้วยเสียงปิดประตูปังใหญ่เป็นของแถม ทุกคนในห้องต่างพากันเงียบกับอารมณ์ดุจดั่งพายุของวิตโตริโอ ฟรานซิสโกและกมลเนตรไม่รู้ว่าสาเหตุที่ทำให้เสือร้ายมีอาการเช่นนี้ เพราะทั้งสองคิดว่า เขาน่าจะดีใจมากกว่าที่จะได้แต่งงานกับกมลเนตรแต่นี่วิตโตริโอกลับมีท่าทางหงุดหงิด และแสดงออกเป็นคำพูดว่า ไม่ต้องการแต่งงานกับกมลเนตร เหตุใดวิตโตริโอจึงมีอาการเช่นนี้ เป็นคำถามในใจที่ทั้งคู่ต้องการคำตอบ จะมีเพียงอเล็สซานโดร ทิพย์ธารา ฟิลิปโปเท่านั้นที่รู้ว่า อาการของวิตโตริโอเกิดจากสาเหตุใด

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์