“เอาวะ เป็นไงเป็นกัน” ฟรานซิสโกตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่าวันนี้เขาต้องคุยกับนภาลัยให้รู้เรื่อง เขาแทบบ้าเพราะไม่ได้เจอหญิงคนรักมาแรมเดือน หลังจากที่กมลเนตรถูกเรียกตัวกลับเมืองไทย ในวันนั้นเขาเดินทางมาพร้อมกับเธอ เปิดเผยตัวเองในฐานะคนรักของกมลเนตร ครั้งแรกที่ได้เจอหน้านภาลัย นางเปิดเผยออกมาทันทีว่า ไม่ชอบหน้าเขาอย่างแรง แทบจะไม่มองหน้าเลยด้วยซ้ำ คำประกาศิตของนภาลัยผู้เป็นยายของกมลเนตร ประกาศออกมาว่าห้ามเขามายุ่งกับกมลเนตรไม่ว่าในฐานะใดก็ตาม เป็นความผิดของเขาเองที่วันนั้นห้ามใจตัวเองไม่อยู่จูบเธอ โดยไม่รู้ว่านภาลัยยืนอยู่ข้างหลัง รวมทั้งความรู้สึกส่วนตัวที่ไม่ชอบชาวต่างชาติด้วย
“มาทำไมมีธุระอะไรถึงมาที่นี่” นภาลัยถามออกมาเป็นชุด ปรายตามองผู้มาเยือนด้วยหางตาอย่างไม่ใส่ใจ
“ผมมาหาตาครับ” ฟรานซิสโกบอกความจำนง เขาต้องพยายามพูดภาษไทยให้ชัดถ้อยชัดคำ เป็นเพราะนภาลัยจะไม่เสวนากับเขาหากพูดภาษาต่างประเทศ ดีที่ว่าเขารู้จักและคุ้นเคยกับภาษาไทยมาตั้งแต่เด็ก ได้ยินทิพย์ธาราพูดกับวิตโตริโอบ่อยครั้ง เขาจึงซึมซับภาษาไทยไว้ในสมอง แม้ไม่คล่องแคล่วเท่ากับเพื่อนรัก แต่สามารถสื่อสารได้ เพราะมีครูดีที่ชื่อทิพย์ธารา คอยเคี่ยวเข็ญสอนเขาอย่างหนักตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา
“ไม่อยู่ ออกไปข้างนอก”
“ไปไหนครับ”
“ไปดูแหวนหมั้นกับคุณสุรสีห์” แหวนหมั้น คุณสุรสีห์ หมายความว่ายังไง หัวใจของคนที่ฟังเต้นแรง ความอยากรู้วิ่งแล่นมาจุกที่ปาก จำต้องเผยอถามเพื่อให้คลายความสงสัย
“แหวนหมั้นอะไรครับ แล้วคนที่ชื่อสุรสีห์นี่คือใคร”
“ก็แหวนหมั้นนะสิ ไม่เข้าใจเหรอ แหวนหมั้นก็ต้องเอาไว้หมั้น พอหมั้นเสร็จ อีกไม่นานงานแต่งงานก็เกิดขึ้น ส่วนคุณสุรสีห์ก็คือว่าที่คู่หมั้น ว่าที่เจ้าบ่าวในอนาคตของไง แค่นี้ก็ไม่เข้าใจ” นภาลัยตอบสวนชายหนุ่มสเปนด้วยความหมั่นไส้ ปล่อยให้อกแตกตายอยู่ตรงนี้แหละ ดี โทษฐานที่มาจูบหลานสาวสุดที่รักของนางต่อหน้าต่อตา
“ตาจะหมั้นหรือจะแต่งงานกับใคร หน้าไหนไม่ได้นะครับ ผมไม่ยอม” เขร้องค้านออกมาทันที หากมีงานหมั้นเกิดขึ้นจริงเขาจะพังให้ราบ ฉุดกมลเนตรออกจากงานกักขังเธอให้ไม่ได้รับอิสระ เธอต้องเป็นของเขาคนเดียวคนเดียวเท่านั้น ชายอื่นอย่าได้หวัง
“คุณเป็นใครถึงไม่ยอม แล้วเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณด้วย ถ้าไม่มีธุระอะไรสำคัญ ฉันขอตัว”
“ผมเป็นเป็นสามีของกมลเนตร ฐานะนี้พอจะเกี่ยวข้องกับงานหมั้นที่กำลังจะเกิดขึ้นได้ไหมครับ” ฟรานซิสโกพูดฐานะตัวเองที่พยายามปิดบังมานานให้กับนภาลัยได้รับทราบ ผู้สูงวัยมองหน้าผู้พูดเขม็ง ในที่สุดฐานะของฟรานซิสโกเปิดเผยสักที
“ถึงยังไง คุณก็ยังไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อยู่ดี ไม่ว่าคุณจะอยู่ในฐานะอะไรกับหลานสาวของฉันงานหมั้นก็ต้องดำเนินต่อไปอยู่ดี”
นางพูดไม่ทุกข์ร้อน ลอบยิ้ม เมื่อเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายที่แดงกล่ำ กัดกรามทั้งสองข้างแน่น มือทั้งสองข้างกำเข้าหากัน ข่มความโกรธไว้ภายใน ไม่มีทางงานหมั้นต้องไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน
“แล้วผมจะคอยดูว่างานหมั้นจะเกิดขึ้นหรือไม่” เสียงที่พูดนั้นเข้มจัด หนักแน่น ฟรานซิสโกจะทำทุกอย่างไม่ให้งานหมั้นนั้นเกิดขึ้น
นภาลัยยิ้มอย่างสมใจ เมื่อเห็นชายหนุ่มเจ้าสำราญหน้าดำหน้าแดงด้วยความโกรธ นี่คือการแก้เผ็ดเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น นางสังเกตเห็นหลานสาวสุดที่รัก นั่งเหม่อลอย มีหยาดน้ำตาไหลอาบลงมา เหมือนกับกำลังคิดถึงใคร นางรู้ว่าคนที่กมลเนตรรักและคิดถึงคือหนุ่มหน้าเข้ม แสนกวนที่เดินจากไป เห็นทีนางคงต้องเลือกความสุขของหลานสาวมากกว่าความพึงพอใจของนาง
ครั้งแรกที่นางรู้ว่าฟรานซิสโกคือคนรักคนใหม่ของหลานสาว แทนที่วิตโตริโอที่เลิกรากันไป นางยอมรับว่าไม่ชอบหน้าของหนุ่มสเปนคนนี้ กีดกัน ขัดขวางทุกครั้งที่นางมีโอกาส ไม่ให้พบหลานสาวบ้าง โดยอ้างว่าไม่อยู่ ไม่สบาย กำลังนอนและเหตุผลอีกมากมายที่นึกออก จนกระทั่งวันที่นางเห็นทั้งสองจูบกัน นางโกรธและยื่นคำขาด ไม่ให้ทั้งสองคบหากันอีกต่อไป ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้หนึ่งเดือนเต็มๆ ที่ทั้งสองไม่ได้เจอหน้ากัน
รถยนต์คันโก้ของสุรสีห์แล่นมาจอดที่หน้าประตูรั้ว เพื่อรอคนรับใช้มาเปิดประตู ฟรานซิสโกที่จอดรถซุ่มรออยู่ประมาณสามชั่วโมง ก้าวเดินลงมาจากรถ ใบหน้าของเขาเรียบตึงบึ้ง ดวงตาวาวโรจน์ด้วยความโกรธ
“ลงมาไอ้หน้าหัก ลงมา” มือหนาของฟรานซิสโกทุบไปที่กระโปรงรถยนต์เสียงดังลั่น กมลเนตรเบิกตากว้างเมื่อเห็นใบหน้าและท่าทางของคนรัก
“ทำอะไรคุณฟรานโก้” กมลเนตรลงมาจากรถ ตรงมาหาร่างหนา
“ก็จะมาฉีกอกไอ้หน้าหัก ว่าที่คู่หมั้นของเธอนะสิ แย่งเมียใครไม่แย่ง มาแย่งเมียฉัน คิดผิดแล้วโว้ย ลงมาเดี๋ยวนี้เลยนะ” ฟรานซิสโกใช้มือทุบกระโปรงรถต่อไป ในขณะที่เท้าเตะไปที่ด้านข้างของตัวรถ
“มีปัญหาอะไรครับ” สุรสีห์นายทหารอากาศหนุ่มมาดเนี๊ยบ ถามอย่างเอาเรื่อง
“มีสิ แกจะหมั้นกับเมียฉันไม่ได้นะล้มเลิกงานหมั้นเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นงานหมั้นจะกลายเป็นงานศพทันที” เขาพูดข่มขู่มีหรือที่สุรสีห์จะกลัวท่าทางผู้ชายตรงหน้าจะขี้หึงไม่เบา ดีเหมือนกันจะปั่นให้หัวหมุนเป็นลูกข่างเลย
“คงไม่ได้เพราะผมกับน้องตารักกัน ผมเองก็รักน้องตามากด้วย คำขอของคุณคงจะเป็นหมัน” สุรสีห์เดินมาหยุดข้างกายกมลเนตร โอบบ่าเนียนสวยต่อหน้าต่อตาชายหนุ่มขี้หึง กมลเนตรทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่คิดว่าตัวเองจะตกอยู่ในฐานะคนกลาง ฐานะที่ลำบากใจที่สุด
“มึงจะรักเมียกูไม่ได้นะโว้ย!! คำขอของกูไม่มีทางเป็นหมัน มึงต่างหากที่ต้องเป็นหมัน ไม่มีลูก” ฟรานซิสโกทนเห็นสีหน้ากวนๆ ทนเห็นชายหนุ่มร่างหนาโอบกอดคนที่เขารักไม่ไหว กระโจนเข้าใส่สุรสีห์ ทั้งสองต่อสู้กันอย่างไม่มีใครยอมใคร ชายขี้หึงกับหนุ่มขี้แกล้งยังคงต่อสู้กันอย่างดุเดือด
“หยุดนะคุณฟรานโก้ พี่หนึ่ง ตาบอกให้หยุดไง” กมลเนตรร้องตะโกน หวังจะให้สองหนุ่มหยุดการวางมวย หากแต่เสียงนั้นไม่อาจทำให้ทั้งสองหยุดได้และไม่มีทีท่าว่าจะหยุดด้วย กมลเนตรเห็นสุรสีห์เป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ ล้มไปนอนอยู่บนพื้น โดยมีร่างของฟรานซิสโกนั่งคร่อม ปล่อยหมัดใส่หน้าของอีกฝ่ายไม่ยั้ง
“หยุดนะคุณฟรานโก้บอกให้หยุด คุณเป็นบ้าอะไรของคุณไปทำไปทำพี่หนึ่งแบบนี้ทำไม” กมลเนตรตัดสินใจผลักร่างของคนรักให้ออกห่างร่างของพี่ชายลูกพี่ลูกน้อง ฟรานซิสโกเห็นคนที่เขารักปกป้องอีกฝ่าย ความโกรธที่มาพร้อมกับความหึงหวง ระเบิดคำถามออกไปดังลั่น
“เธอเป็นเมียฉันนะ แต่ทำไมถึงไปปกป้องคนอื่น คำว่ารักที่เธอมีให้ฉันไม่มีค่าเลยใช่มั้ยหรือว่าเธอหันไปรักมัน”
“ใช่ ฉันรักเขา พอใจหรือยัง ฉันรักเขา รักพี่หนึ่งได้ยินไหมฉันรักพี่หนึ่ง” กมลเนตรพูดออกมาอย่างน้อยใจ หัวใจทั้งดวงของเธอนั้นมอบให้เขาเพียงคนเดียว เหตุใดไม่ถามเธอก่อนว่า ชายคนนี้เป็นใคร เขาไม่ถามคิดเองเออเองตลอด มันน่าน้อยใจนัก คำตอบของเธอทำให้เขาแทบบ้า ความเจ็บปวดแน่นจุกอก อยากจะฆ่าเธอให้ตายคามือ โทษฐานที่ปันใจให้ชายอื่น หากแต่หัวใจของเขาไม่แข็งพอ
“ทำไมทำไมเธอถึงทำกับฉันแบบนี้” เขาตะโกนถามเสียงดัง จ้องหน้าเธอนิ่ง
“ที่ถามว่าทำไมฉันถึงรักเขานะเหรอ ก็เพราะพี่หนึ่งเป็นพี่ชายของฉันน่ะสิ” คำตอบที่ได้ยินนั้น ทำให้ฟรานซิสโกอึ้ง ก่อนจะยิ้มเต็มใบหน้า กอดร่างเล็กที่ทำน้าบึ้งตึงใส่ทันควัน
“แล้วเมียจ๋า ทำไมไม่บอกผัวจ๋าล่ะจ๊ะ ปล่อยให้ผัวหึงอยู่ได้ตั้งนาน” ฟรานซิสโกเปลี่ยนโหมดอารมณ์เป็นเบิกบานทันที
“ไม่ต้องมาเมียจ๊ะเมียจ๋าเลย ผัวบ้าๆไม่มีเหตุผลแบบนี้ ไม่อยากเอามาทำพันธุ์หรอกเคยถามกันก่อนบ้างไหม” กมลเนตรพูดออกไปอย่างเหลืออด พยุงร่างของสุรสีห์ให้ลุกขึ้นยืน โดยมีฟรานซิสโกที่หน้าเหลือสองนิ้ว คอยพยุงช่วยอีกแรง
“ไม่ต้องมาจับจะไปไหนก็ไปเลย เกลียดขี้หน้านัก” กมลเนตรปัดมือหนาของฟรานซิสโกให้ออกห่างร่างของสุรสีห์ เขาได้แต่มองร่างของทั้งสองเดินหายเข้าไปในรั้วหลังใหญ่
“งานเข้าแล้วกู” ชายหนุ่มบ่นพึมพำกับตัวเอง หากเขาถามเธอสักนิด เชื่อใจเธอสักหน่อย เรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น แล้วเขาจะทำอย่างไรต่อไปนี่สิ คือสิ่งที่เขาต้องขบคิด
..................
เช้าวันต่อมา
“คุณหนูค่ะ คุณหนู” อุ้ยสาวใช้เดินแกมวิ่งมาหากมลเนตรที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น
“มีอะไรจ๊ะ”
“คุณหนูออกไปดูเอาดีกว่าค่ะ” อุ้ยไม่ตอบอยากให้เจ้านายสาวเห็นเองมากว่า กมลเนตรเดินตรงไปที่ประตูบ้าน นัยน์ตาคู่งามเบิกกว้าง เมื่อเห็นใครบางคนนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้น ในมือถือดอกคาร์เนชั่นไว้หนึ่งดอก ฟรานซิสโกลุกขึ้นยืน เมื่อเห็นหญิงคนรักเดินออกมา
“ขอโทษนะครับ ผมผิดเองที่ไม่ถามไม่ไถ่ก่อน ที่ผมทำทั้งหมดก็เพราะรักผมรักคุณโซเฟีย คุณยกโทษให้ผมได้หรือเปล่าครับ”
ดอกคาร์เนชั่นถูกยื่นตรงหน้ากมลเนตร เธอมองดอกไม้สลับกับมองใบหน้าของคนรัก
“ง่ายไปหน่อยไหม เมื่อวานคุณซ้อมพี่ชายฉันซะน่วมเลย จะมาขอโทษง่ายๆ แบบนี้ไม่ได้” กมลเนตรใจอ่อนตั้งแต่เห็นเขานั่งคุกเข่า คำขอโทษและคำบอกรัก ทำให้ความบาดหมางทุกอย่างมลายไปสิ้น เธอต้องแกล้งทำใจแข็งเพื่อให้เขารู้สำนึกว่า คราวหน้าต้องใจเย็น ถามไถ่เรื่องราวให้ดีเสียก่อน
“แล้วเมียจ๋าจะให้ผัวจ๋าทำยังไงครับ” เขาเปลี่ยนสรรพนามที่คุ้นเคยทันที
“ข้อแรกเลิกเรียกชื่อฉันว่าเมียจ๋า ข้อสองคุณต้องไปขอโทษพี่หนึ่ง ข้อสาม คุณห้ามเข้าใกล้ฉันเกินหนึ่งเมตร จนกว่าฉันจะยกโทษให้คุณ” สองข้อแรกเขาพอจะทำได้ แต่ข้อสามนี่สิ ทำใจลำบาก
“ขอต่อรองข้อสาม เป็นเข้าใกล้ไม่เกินหนึ่งนิ้วได้ไหม” เขาต่อรอง
“ไม่ได้ ถ้าทำไม่ได้ก็ออกไปเลย โน่นประตู” เธอพูดเสียงขึงขัง ชี้ไปที่ประตูประกอบคำพูด
“ก็ได้ครับ ผัวจ๋าหิวข้าวจังเลย ขอกินข้าวด้วยคนสิ”
“ลืมข้อตกลงแรกแล้วหรือไง” เธอถามเมื่อเขาเรียกแทนตัวเองว่าผัวจ๋า เพราะสรรพนามนี้ใช้เรียกเมื่อเขาและเธออยู่กันตามลำพัง
“อ้าว!! ก็คุณบอกเองว่าไม่ให้ผัวจ๋าเรียกว่าเมียจ๋า แต่ไม่ได้ห้ามว่าให้พูดว่าผัวจ๋าสักหน่อย” เขาย้อน
“เจ้าเล่ห์นักนะ อย่างนี้จะให้กินข้าวด้วยดีไหม”
กมลเนตรค้อนชายหนุ่มเจ้าเล่ห์ ยังไม่ทันที่ฟรานซิสโกจะเดินตามหญิงสาวเข้าไปในบ้าน นภาลัยเดินเข้ามาหาหลานสาวพร้อมกับส่งสายตาไม่พอใจมาให้ฟรานซิสโก
“คุณยาย” กมลเนตรตกใจไม่น้อยที่เห็นนภาลัยเดินเข้ามาทางตน ก่อนจะเดินเลยผ่านไปที่ร่างของฟรานซิสโก
“เพี้ยะ” ฝ่ามือเหี่ยวย่นสะบัดเข้าที่ใบหน้าสากของชายหนุ่มสายเลือดกระทิงดุอย่างแรง กมลเนตรตกใจกับภาพที่เห็นวิ่งมาเกาะแขนผู้เป็นยายทันที
“นี่สำหรับความมือไวของคุณที่ทำร้ายหลานชายของฉัน แล้วมาที่นี่มีธุระอะไร” นางพูดเสียงเย็น คนที่ฟังได้รับฟังถึงกับสะท้านเยือก
“เอ่อ คุณฟรานโก้มาขอทานข้าวค่ะ” กมลเนตรเป็นฝ่ายตอบ
“ที่บ้านไม่มีข้าวกินหรือไง ถึงต้องมากินบ้านนี้” ฟรานซิสโกทำในสิ่งที่ใครไม่คาดคิด ชายหนุ่มนั่งตรงหน้านภาลัยพนมมือไหว้ ก้มกราบแทบเท้าของผู้สูงวัย
“ผมขอโทษในความผิดทั้งหมดที่ผมเคยทำมา ที่ผมทำร้ายหลานชายของคุณยายเป็นเพราะผมรักโซเฟียและหึงเป็นอย่างมาก ไม่ยับยั้งชั่งใจหรือถามไถ่ให้แน่ชัด ผมอาจเป็นผู้ชายที่ไม่ดีพร้อมตามที่คุณยายต้องการ แต่ขอให้รู้ไว้หัวใจผมทั้งดวงของผมมอบให้หลานสาวของคุณยายเพียงคนเดียว ผมสัญญาต่อไปนี้ผมจะไม่ทำให้โซเฟียร้องไห้ เสียใจ ทุกนาทีต่อจากนี้ไปความรักของผมที่มีให้ จะไม่ลดน้อยลง ตรงกันข้ามมันจะเพิ่มขึ้นมากขึ้น คุณยายให้โอกาสผมได้หรือเปล่าครับ” น้ำตาของกมลเนตรไหลอาบซาบซึ้งกับการกระทำของชายที่ตนรัก นภาลัยเหลือบตามองหลานสาว น้ำตาของกมลเนตรทำให้ความเกลียดชัง ความไม่พอใจ ที่มีต่อฟรานซิสโกลดหายลง การขอขมาในความผิดของตัวเองเมื่อครู่ ทำให้นภาลัยยอมเปิดทางให้ฟรานซิสโกคบหากับหลานสาวอีกครั้ง“จะมากินข้าวไม่ใช่เหรอ ประตูบ้านฉันไม่ได้ปิด จะรีบเข้ามากินข้าวก็รีบเข้ามา ฉันก็หิวข้าวเหมือนกัน” สองหนุ่มสาวยิ้มเต็มใบหน้า คำพูดของนภาลัย นั้นบ่งบอกได้ว่า ยอมเปิดใจรับฟรานซิสโก ความรักของเขาและเธอเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาแล้วตลอดหนึ่งสัปดาห์ฟรานซิสโกเข้านอกออกในบ้านของนภาลัยได้อย่างสะดวก พากมลเนตรไปทานข้าว ดูหนังบ้าง ฉวยโอกาสกอดจูบกมลเนตรทุกครั้งที่โอกาสอำนวย แล้ววันนี้ฟรานซิสโกก็มารับกมลเนตรไปเที่ยวทะเล หลังจากที่ขออนุญาตนภาลัยเรียบร้อยแล้ว ก่อนเดินทางเขาถูกนภาลัยเรียกไปพบที่ห้องนั่งเล่นเป็นการส่วนตัว“ที่ฉันเรียกคุณมาคุยในห้องนี้ เพราะฉันจะพูดเรื่องของหลานฉันให้เด็ดขาด” นางเริ่มพูด“ครับ”“เดือนหน้าตาจะต้องเดินทางกลับไปอิตาลี เพื่อเรียนต่อฉันว่าคุณน่าจะทำอะไรให้เรียบร้อย ฉันไม่อยากให้หลานฉันโดนนินทาว่าร้ายเอาได้ ฉันรู้นะว่าคุณล่วงเกินหลานสาวของฉันหลายครั้ง แต่ฉันทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ขนาดอยู่ในสายตาของฉัน คุณยังทำขนาดนี้ ถ้าอยู่ที่โน่นไกลหูไกลตา ฉันไม่อยากจะคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าจัดการทุกอย่างให้ถูกต้อง ฉันจะได้สบายใจ คุณเข้าใจที่ฉันพูดหรือเปล่า” ฟรานซิสโกยิ้มกว้าง ในที่สุดวันที่เขารอคอยก็มาถึง วันที่นภาลัยยอมรับเขาเป็นหลานเขย“เข้าใจครับ ผมจะไปบอกคุณพ่อ คุณแม่ให้มาสู่ขอโซเฟียให้เร็วที่สุดเลยครับ ผมสัญญาด้วยชีวิตและลมหายใจจะรักตาดูแลตาไปตลอดชีวิตครับ คุณยายไม่ต้องเป็นห่วง โซเฟียคือลมหายใจของผมครับ” ชายหนุ่มพูดรัวเร็วด้วยความดีใจ ประกาศคำมั่นสัญญาต่อหน้าผู้สูงวัย“จะไปเที่ยวกันไม่ใช่หรือ รีบไปสิกว่าจะถึงระยองเดี๋ยวจะมืด” นางพูดหลังจากได้ยินคำมั่นที่เขาบอกกับนาง ไม่ว่านางจะชอบหรือไม่ชอบฟรานซิสโกนั่นไม่ใช่ปัญหา ความดีและความรักที่ชายหนุ่มที่มีต่อหลานสาวต่างหาก เป็นแรงผลักดันอย่างดีที่ทำให้นางยอมรับในตัวของเขา ให้เขามาอยู่ในฐานะของหลานเขยนภาลัยมองหญิงสาวที่เดินจูงมือกันอย่างมีความสุขด้วยรอยยิ้ม นางมั่นใจว่าฟรานซิสโก จะดูแลและปกป้องหลานของนางได้ คำมั่นสัญญาที่เขาบอกไว้กับนางนั้น เป็นเครื่องการันตีได้ว่าเขาทำได้อย่างที่พูดจริงๆ แค่นี้นางจะนอนตายตาหลับแล้ว
copy right hot novel pub