คำปฏิเสธของนางทำให้โล่สุ่ยรู้สึกดีมากขึ้นอีกขั้น ในโลกนี้มีคนสายตาเบลอจำนวนมาก
เห็นคนอื่นมีของดีก็อยากได้ มันน่าขยะแขยงจริงๆ
“ลองชุดนี้ก่อนว่าใส่ได้หรือไม่ โล่สุ่ยดึงคังเสว่มี่เดินไปอีกด้าน เริ่มช่วยนางถอดเสื้อผ้าบนตัวนาง
อย่างธรรมชาติ ตอนนี้คังเสว่มี่เริ่มรู้วิธีใส่ชุดโบราณบ้างแล้ว ถ้าชุดที่ไม่ยุ่งยากมากก็สวมเองได้
นางตอบแบบยุ่งๆว่า “โล่สุ่ยข้าสวมเองก็ได้ เจ้าไม่ต้องมารับใช้"
โล่สุ่ยไม่ขัด หยิบชุดยื่นให้นาง แล้วยืนรอรับใช้อยู่ข้างๆ คังเสว่มี่ใช้เวลาอย่างรวดเร็วก็ใส่ชุดเรียบร้อย
ผ้าแพรสีขาวอมชมพูที่อ่อนนุ่มเข้ารูป เก็บแขนเสื้อแบบปลายแขนกว้าง ลักษณะเหมือนน้ำตก
ช่วงเอวถูกปักด้วยด้ายสีควันอ่อนและผีเสื้อคู่ ทำให้ช่วงเอวยิ่งเข้ารูป เหมือนหลุดเข้าไปเจอบรรยากาศช่วงกลางของภูเขา และแม่น้ำที่มีหิมะตกลงมาเป็นสีเดียวกันอีกครั้ง
บริเวณกระโปรงก็ใช้ลายปักลายเดียวกันอย่างสวยงาม ทั้งชุดปักด้วยลายที่สง่า ทั้งผืนได้รับการออกแบบที่พิถีพิถันไม่ฉูดฉาด
มันเป็นความสวยงามที่ยากจะอธิบาย
โล่สุ่ยช่วยคังเสว่มี่สวมชุดด้วยตัวเองจนเรียบร้อย ยากที่จะละสายตาไปจากตัวนาง
นางเดินวนคังเสว่มีตามเข็มนาฬิกาสามรอบ แล้วเดินทวนเข็มนาฬิกาอีกสามรอบ เดินถอยหลังสองก้าว แล้วนิ่งเงียบ คังเสว่มี่ถูกนางจ้องจนรู้สึกอาย นางยังไม่เห็นสภาพตัวเองเลย
หรือว่าใส่ออกมาแล้วมันจะน่าเกลียดมากเลยหรือ ?
นางแตะแขนเสื้อกว้างแล้วพูดว่า “ข้ารู้สึกว่าพอดีตัวเลย เจ้าคิดว่าอย่างไร?"
โล่สุ่ยได้สติ สายตาที่รู้สึกทึ่ง ชื่นชมไม่หยุด
“ดี ดีเยี่ยม ดีมากๆ!บุคลิกของเจ้าเป็นเหมือนที่จี้อี้พูดไม่ผิด ตัดเย็บแบบนี้เจ้าสวมแล้วสวยงามที่สุด”
“เป็นเหมือนที่จี้อี้พูด?เขาพูดข้าว่าอะไรอีกอย่างนั้นหรือ?”
คังเสว่มีขมวดคิ้วโล่สุ่ยเห็นสายตาของนาง
ยกยิ้มแล้วดึงนางเดินไปตรงหน้ากระจกบานใหญ่แล้วพูด ว่า “มานี่เจ้าส่องกระจกดูใส่ชุดนี้แล้วสวยงามแค่ไหน”
คังเสว่มี่มองตัวเองในกระจก หันซ้ายหันขวา หมุนตัวไปมา ก็ยังรู้สึกว่าคนจะงามก็ยังต้องพึ่งเสื้อผ้า เทียบกับชุดขาวที่ไป๋หลี่เหลียนมอบให้เห็นชัดว่าดีกว่า อย่างน้อยสิบเท่า
แสงเป็นสิ่งเดียวที่ผ้าแพรเมื่ออยู่ใต้แสงจะปรากฏลายกล้วยไม้จางๆเพิ่มบุคลิกหรูหรา
เมื่อรวมกับใบหน้าที่สวยงามของร่างกายนี้แล้วสามารถ ใช้คำว่า"สวยงาม” เป็นคําอธิบาย
ได้แล้ว โล่สุ่ยดึงชุด แล้วพูดว่า “หลังจากที่ข้าได้ขนาดสัดส่วนของตัวเจ้า ข้าก็คิดว่าเป็นผู้หญิงตัวเล็ก สีสันสดใสสวยงามมากกว่า แต่ผู้สืบทอดบอกว่าดีแล้วที่ใช้สีขาว
ข้าคิดว่าสีพื้น เจ้าใส่แล้วจะดูสลัว วิสัยทัศน์ของผู้สืบทอดดีจริงๆ แค่แวบเดียวก็ดูออก
ว่าเจ้าเหมาะสมกับสีขาวที่สุด”
“เขาบอกว่าสีขาวดี เป็นเพราะว่าผ้าสีขาวไม่ต้องย้อมสี นั่น....”
คังเสว่มีหลุดพูดออกไป แล้วนึกขึ้นได้ว่าโล่สุ่ยเป็นคนของจี้อี้ จึงกลืนคำพูดที่เหลือลงคอแล้ว
แก้ต่างว่า “แต่ชุดนี้สวยงามมาก ข้าชอบ ขอบใจเจ้านะโล่สุ่ย”
โล่สุ่ยเห็นอาการขมวดคิ้วของนางเมื่อกล่าวถึงจี้อี้ แตกต่างจากอาการของจี้อี้เมื่อพูดถึงนาง
จะมีดวงตาและรอยยิ้มที่อบอุ่นรวมกัน
สองคนนี้เหมาะสมกันมาก โล่สุ่ยส่ายหน้าแล้วหัวเราะ
“งั้นก็ดีดูจากอาการที่เจ้าสวมชุดนี้ข้าพอใจแล้วข้าอายุมากแล้ว
ชอบดูสาวๆอย่างพวกเจ้าแต่งกายด้วยชุดที่สวยงาม"
“แก่? ดูเจ้าแล้วอายุน่าจะราวๆยี่สิบสามยี่สิบสี่ แก่ตรงไหน?" คังเสว่มี่พึมพำ
"ยุคปัจจุบัน อายุนี้กำลังเรียนจบระดับปริญญาเป็นช่วงอายุที่มีค่าที่สุด
โล่สุ่ยยิ้มอย่างมีเลศนัย “คุณหนูใหญ่ปากหวานมาก ข้าอายุมากกว่าสามสิบกว่าแล้ว”
“ดูไม่ออก”คังเสว่มี่ส่ายหน้า ดูอย่างละเอียด พบว่านอกจากริ้วรอยจางๆหางตาเมื่อยิ้ม
ผิว และ รูปร่างดูไม่ออกเลยว่าอายุมากกว่าสามสิบแล้วโดยเฉพาะบุคลิกที่อบอุ่นนี้ ทำให้รู้สึก
เป็นกันเอง ท่าทีเรียบร้อย ทำให้ผู้คนรู้สึกเหมือนเป็นคุณหนู
โล่สุ่ยยิ้มจนตาหยี “สำหรับข้าอายุเป็นเพียงตัวเลข แต่ถูกมองว่าอายุน้อยก็เป็นเรื่องที่ดี
มานี่ เจ้าสำรวจดูว่าชุดเรียบร้อยหรือยัง
มีจุดไหนต้องแก้หรือไม่ หากว่าไม่มี ข้าจะพับไว้ให้เจ้าจะได้หยิบกลับสะดวก”
“ไม่ต้องแก้แล้ว แบบนี้กำลังพอดี"
คังเสว่มี่หันกลับไปถอดชุดคืนให้โล่สุ่ย สายตาเบนมองกองกระดาษบนโต๊ะหน้านิ่วเล็กน้อย
เงยหน้าขึ้นมองเสื้อผ้าที่แขวนอยู่รอบตัว ยื่นมือเปิดกระดาษอ่าน
“โล่สุ่ยเจ้าของร้านหวินเสี่ยงเก๋อคือเจ้าหรือ?”
โล่สุ่ยอยู่อีกข้างพับชุดที่นางถอด ได้ยินที่นางพูด ระดับสายตาอยู่ที่โต๊ะดวงตาที่สวยงามมองขึ้น
ยิ้มแล้วพูด “ทำไมเจ้าถึงคิดว่าข้าคือเบื้องหลังเจ้าของ ร้านหวินเสี่ยงเก๋อ?”
คัสเสว่มี่หยิบกระดาษภาพวาดการออกแบบและชี้ไปที่ เส้นวาดขึ้นใหม่ด้านบน
“แบบฤดูร้อนนี้ข้าเห็นที่ร้านหวินเสี่ยงเก่อเป็นชุดฤดูใบไม้ร่วงที่วาดไว้ในภาพนี้"
เป็นเนื้อผ้าสีควันบุหรี่เหมือนกัน มีลายดอกกล้วยไม้เป็นหลัก เน้นอารมณ์ที่หรูหราและประณีต
ต้องเพิ่มด้ายอีกชั้นที่เนื้อผ้า เพียงแต่ว่าฤดูใบไม้ร่วงยิ่งเพิ่มความซับซ้อน นางหยุดชะงักชี้ไปที่ชุดสีขาวผ้าคาดเอวปักลายผีเสื้อ ที่วางไว้บนโต๊ะ
“เมื่อสักครู่ข้าก็รู้สึกคุ้นเคยกับลายปักที่นี่
ถึงแม้ว่าจะแตกต่างจากแบบเฉพาะที่ขายที่ร้านหวินเสี่ยงเก๋อ แต่มันล้วนปักตะเข็บผีเสื้อบิน”
โล่สุ่ยฟังนางพูดจบ รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ที่นางสามารถหาเบาะแสจากภาพวาด และวิธีการเย็บปักถักร้อยที่ไม่เหมือนกัน คุณหนูใหญ่ไม่เหมือนที่เขาลือกันว่าทั้งโง่ทั้งชื่อ ตะเข็บผีเสื้อบินเป็นลายพิเศษ สามารถเย็บปักถักร้อยได้สิบแปดวิธี คนทั่วไปใครจะสามารถบอกข้อแตกต่างได้อย่างรวดเร็ว
"คุณหนูใหญ่เป็นคนมีความรู้ แต่สิ่งที่เจ้าพูดเมื่อสักครู่ไม่ได้ถูกต้องทั้งหมด"
นางปิดปากหัวเราะ ทำให้คังเสว่มี่ชะงัก ดูภาพวาดแล้วขมวดคิ้วพูดว่า “ผิดตรงไหน?"
"คุณหนูใหญ่ไม่ต้องดูภาพวาด ที่คุณหนูบอกว่าแบบเดียวกัน ปักเหมือนกันนั้นถูกต้องทั้งหมด
สิ่งเดียวที่ไม่ถูกก็คือ โล่สุ่ยไม่ได้เป็นเบื้องหลังเจ้าของร้านหวินเสี่ยงเก๋อ แค่รับผิดชอบออกแบบเสื้อผ้าของร้านเท่านั้น”
“งั้นเฒ่าแก่ของพวกเจ้าคือ....."คังเสรู้แล้วว่าใคร ดวงตาเบิกกว้าง "คือจี้อี้ใช่หรือไม่!”
โล่สุ่ยอมยิ้มพยักหน้า
ทันใดนั้นใบหน้าของคังเสว่มี่กลายเป็นสีดำครึ่งหน้า มองชุดบนโต๊ะแล้วทนไม่ไหวสั่นขึ้นมา
จี้อี เจ้าไม่แสดงความใจดำเจ้าจะตายงั้นหรือ?ทั้งๆที่จะใช้ชุดคืนข้า
เจ้ากลับพาข้าไปซื้อร้านของตัวเองและยังทำให้ไป๋หลี่เหลียนพวกเขารู้สึกว่าเจ้าใจกว้างมาก
พฤติกรรมแบบนี้ช่างน่าละอายเหลือเกิน!
สายตาของนางหยุดที่ภาพวาดและชุดเป็นเวลานาน จึงหันไปทางโล่สุ่ยแล้วอุทานว่า
“ห้องหนังสือของจี้อี้อยู่ ที่ไหน ข้าจะเข้าไปหาเขา!"
โล่สุ่ยเห็นสีหน้าคังเสว่มี่เปลี่ยนไป แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดจึงได้แค่พานางเดินไปทางห้อง หนังสือ
“เชิญคุณหนูใหญ่เดินตามข้ามา”
“รบกวนเจ้าหน่อยนะ"
ถึงแม้ว่าคังเสว่ที่จะตามหาจี้อี้เพื่อคิดบัญชี แต่ก็ไม่พาลคนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง พยักหน้าแล้วพูดว่า
“ไม่เป็นไร นี่เป็นหน้าที่ของข้า ไม่รบกวนเลย”
โล่สุ่ยคิดในใจคังเสว่มี่ช่างแตกต่างจากคุณหนูคนอื่นๆ นางใจกว้าง ทำให้รู้สึกเป็นกันเองเวลาอยู่ด้วย
ตำหนักวี่หลั่นไม่กว้าง
แต่การออกแบบที่ฉลาดทุกที่มีทางเดินเชื่อมถึงกันเดินสะดวก
โล่สุ่ยยกมือเคาะประตูเบาๆสามที พูดเสียงเบา “ผู้สืบทอด คุณหนูใหญ่มาหาท่านแล้ว”หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เสียงของจื้อี้มาจากอีกฟากหนึ่งของประตูยังชัดเจนว่า "เอาล่ะปล่อยให้นางเข้ามา"“คุณหนูใหญ่ เชิญ "โล่สุ่ยดึงประตูเบาๆ โค้งตัวแล้วเอื้อมมือออกไป“อืม” คังเสว่มี่พยักหน้าแล้วเดินเข้าไปทันทีที่เขาเข้าประตู ก็พบกับโต๊ะหนังสือตัวใหญ่ จี้อี้ใช้มือข้างนึงเท้าคางตัวเอง มืออีกข้างหนึ่งกำลังพลิกสมุดรายรับ ขนตาเรียงยาว ดวงตาดูเข้มเมื่อได้ยินเสียงก้าวเดินของนาง ลืมตาขึ้นแล้วจ้องมองที่นาง จ้องมองตัวนางแล้วค่อยหันกลับอย่างช้าๆ“เมื่อกี้ลองชุดกระโปรง เจ้าถูกใจไหม”คังเสว่มี่ ไม่ต้องได้รับคำเชิญ นั่งลงเก้าอี้ตรงข้ามอย่างคุ้นเคย มือข้างหนึ่งวางบนโต๊ะ“โล่สุ่ยทำข้าต้องพอใจอยู่แล้ว แต่จี้อี้เจ้าไม่รู้สึกว่าต้องบอกอย่างอื่นกับข้าหรือ?”“ในเมื่อเจ้าพอใจแล้ว ข้ายังต้องพูดอะไรอีกล่ะ?” จี้อี้เปลี่ยนอีกอิริยาบถหนึ่ง ท่าทางสบายเอนไปที่พนักพิงเก้าอี้ เป็นท่าทางคนขี้เกียจแท้ๆแต่เขากลับทำออกมาแล้ว สง่างามเหมือนดั่งต้นไม้หยก คังเสวมี่มองดูท่าทีที่ผ่อนคลายของเขา อดไม่ได้ที่จะฟาดพัดลงบนพื้นขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า"เจ้าทำอย่างนี้ได้อย่างไร ข้าให้เจ้าคืนชุดเจ้ากลับพาข้าไปร้านของเจ้าเองและยังทำให้คนรอบข้างรู้สึกเจ้าใจกว้าง ทั้งที่เจ้าเพิ่มยอดขายให้กับร้านเจ้าเอง!สําหรับคนคิดคํานวณละเอียดอย่างเจ้า ฉลาดล้ำหาแต่ผลกำไร ข้ามีห้าคำจะบอกเจ้า" มองอาการโกรธของนางแล้วจี้อี้ขมวดคิ้วแล้วให้ความ ร่วมมือถามว่าห้าคำพูดไหน?คังเสว่มี่วางมือทั้งสองข้างบนโต๊ะ ท่าทีงดงามนัยน์ตามีเปลวไฟลุกโชน พูดทีละคำช้าๆ“เราร่วมมือกันเถอะ"ทั้งห้องเงียบสงัด จี้อี้ลูบริมฝีปากตัวเอง ปกปิดที่ตัวเองแอบยิ้ม
copy right hot novel pub