ไป๋หลี่เหลียนก็ไม่ได้แย่ ถ้าไม่ใช่เพราะความเจ้าชู้ของเขาที่มีมากเกินไปจริงๆแล้วอยู่กับผู้ชายประเภทนี้ก็คงมีความสุขไม่น้อยเลย
วาทศิลป์ดีรู้จักพูดจา สาวงามทั้งหลายก็โดนหยอกล้อ ไม่เหมือนจี้อี้ถ้าหากแต่งกับเขาละก็ต้องเตรียมตัวรับมือกับการโดนแกล้งทุกวัน
นางมองไป๋หลี่เหลียนพยักหน้าอย่างหนักแน่น
“ไป๋หลี่เหลียน ตอนนี้ข้ารู้สึกว่า เจ้าให้ข้าอยู่แถวที่สามนี่มันไม่ค่อยเป็นธรรมเท่าไรนัก
ไป๋หลี่รุ่ยไม่พูดก็ดีไปแต่ แต่จี้อี้นี่คงไม่มีใครอยากต่อปากต่อคำกับเขาหรอกนะ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าเองก็ว่าแบบนั้น น่าเสียดายคนพวกนั้นถูกรูปลักษณ์ภายนอกของจิ้งจอกจี้หลอกเอาได้ มองไม่เห็นความหมายแฝงลึกซึ้งของฮั่วอวิ๋นกงจื่อเลยจริงๆ”
ไป๋หลี่เหลียนเหมือนกับได้พบเจอคนรู้ใจใบหน้ายกยิ้ม ดีใจผลิบานน้ำเสียงคล้อยตามจี้อี้ชายตามองไป๋หลี่เหลียน
“ใช่แล้ว นั่นเป็นเพราะว่าพวกเขาไม่รู้ผลการรบของฮั่วอวิ๋นกงจื่อ ตั้งแต่อายุสามขวบก็ได้เห็นนางสนมมากมายในตำหนักแมลงพิษ
จนอายุหกขวบก็เป็นชายที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร..….….. "
“จี้อี้!”
เสียงหัวเราะของไป๋หลี่เหลียนขาดหายไปอย่างฉับพลัน
ดวงตาลูกท้อจ้องมองจี้อี้ปลายนิ้วกำพัดแน่นแต่ไม่ถึงกับสั่น
จี้อี้หัวเราะออกมาอย่างไม่แยแส “พูดตามตรง ข้าเองก็รู้สึกว่าองค์ชายอันดับหนึ่งนั้นไม่ค่อยเหมาะกับข้า เท่าไหร่
ตอนนี้ข้าขอแนะนำผลการรบของเจ้าแสดงออกถึงความหมายแฝงในคำพูดของเจ้า
ให้เจ้าได้กลายเป็นองค์ชายอันดับหนึ่งในสามองค์ชายของแคว้นฉีเทียนก็แล้วกัน”
ไป๋หลี่เหลียนไม่แม้แต่จะโบกพัด ดวงตากลมจ้องมองเขาเปลี่ยนมาเป็นมองด้วยสายตาราบเรียบชั่วครู่
สุดท้ายก็เปิดพัดออกมาสายตามองอย่างจนปัญญา พลางเลิกคิ้วถาม
“จี้ซื่อจื่อ เจ้าจําเป็นต้องเป็นองค์ชายอันดับหนึ่ง ในแคว้นฉีเทียนแห่งนี้จะมีผู้ใดมีความสามารถเหมาะสมกับองค์ชายอันดับหนึ่งไป มากกว่าเจ้ากัน!
ให้เจ้าเป็นผู้นำเราสามองค์ชายผู้ที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล สูงศักดิ์สง่างาม ข้ายอมคำนับเจ้าด้วยใจจริงแล้ว”
“ไม่ได้รู้สึกว่าคนอื่นจะโดนรูปลักษณ์ภายนอกของข้า หลอกแล้วหรือ?” จี้จี้ถาม
ไป๋หลี่เหลียนพัดเร็วขึ้น “ไม่แล้วๆ เจ้าเป็นที่เคารพคาดหวังของหมู่ชน ข้านั้นยอมรับเจ้าอย่างหมดใจ”
“ขอบพระทัยองค์ชายหกที่ให้เกียรติ จี้อี้นั้นได้รับคำชื่นชมจนแปลกใจ” จี้อี้พูดอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว
ไป๋หลี่เหลียนดูท่าทางของเขาไม่ออกจึงเงยหน้ามองฟ้า เขานั้นใจดำอำมหิต เย็นชา โหดร้าย ถ้าจี้อี้ไม่ใช่ที่หนึ่งแล้วใครจะเป็น
ไป๋หลี่เหลียรโบกพัดอย่างสุดแรงเกิดเพื่อดับความกลัดกลุ้มในใจ
มองดูสายตาฟาดฟันไปมาของทั้งคู่ก็อดที่จะแปลกใจไม่ได้ คังเสว่มี่ได้ฟังเพียงครึ่งหนึ่ง
“ไป๋หลี่เหลียนตอนอายุหกขวบทำไมหรือ กลายเป็นเทพบุตรในใจของสาวๆหรือ?”
ไม่ทันได้รอคําตอบของจื้อี้ ไป๋หลี่เหลียนก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน
“ใช่แล้วละเสว่มี่ “เทพบุตร” สองคำนี้เป็นคำสรุปที่รวบรัดมีระดับ!ข้าชอบยิ่งนัก!”
คังเสว่มี่ยกยิ้มมุมปากเพิ่งจะรู้ว่าไป๋หลี่เหลียนนั้นเป็นคนหลงตัวเอง
เพียงแต่นางนั้นไม่ได้โง่ได้ดูทั้งสองพูดคุยกันเมื่อกี้นี้ก็รู้ ได้ว่าไป๋หลี่เหลียนนั้นถูกจี้อี้พูดแทงใจดำเข้าเสียแล้ว
จี้อี้เงียบไปชั่วครู่ทันใดก็พูดขึ้นมาว่า
“ข้าจำได้ว่าทูตต้าฉีต้องมาอวยพรแทนไทเฮา ไม่รู้ว่าจะเป็นใคร?"
“ข้าไม่สนว่าจะเป็นใครขอแค่ไม่ใช่คนที่เกลียดก็พอ!”
ไป๋หลี่เหลียนหน้านิ่วคิ้วขมวด ใบหน้างดงามโดดเด่นใครมองก็รู้ว่ากำลังหงุดหงิด
จี้อี้ยิ้มอย่างมีเสน่ห์ “บางเรื่อง ยิ่งไม่อยากเจอก็มักจะเกิดขึ้นเสมอ องค์ชายหกระวังตัวไว้ก่อนจะดีกว่า"
“เจ้าจิ้งจอกจี้ เจ้าอย่ามาแช่งข้านะ!" ไป๋หลี่เหลียนสีหน้ารำคาญมองจี้อี้ทันใดนั้นดวงตากลม ก็ประกายแวววาวโบกพัดไปมา
“เกือบลืมไปเลย ท่านพ่อสั่งว่าตอนบ่ายให้เจ้าไปห้องตำราหลวงมีเรื่อง จะปรึกษาเจ้า"
คังเสว่มี่เงยหน้ามองฟ้าถ้าหากว่านางมองไม่ผิดละก็ ตอนนี้มันเลยเวลาบ่ายไปเสียแล้ว.....
ไป๋หลี่เหลียนนั้นไม่ค่อยสนใจเรื่องการบริหารบ้านเมือง เสียเท่าไหร่
ตั้งแต่เข้ามาจนถึงตอนนี้ก็ผ่านมาหนึ่งชั่วยามแล้ว
จี้อี้กลับยังมีท่าทีนิ่งสงบไม่กระวนกระวายแต่อย่างใด และพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
“แปลกใจที่องค์ชายที่แสนจะพูดมากจะจำคำสั่งจากฮ่องเต้ได้"
ไป๋หลี่เหลียนไม่คิดอย่างนั้นดวงตาประกายซ่อนเร้น ความเจ้าเล่ห์
“พวกเจ้าคุยกันแต่เรื่องบริหารการเมืองข้าจำไม่ได้ก็ไม่แปลกเท่าไหร่
ข้านึกขึ้นได้ตอนนี้ก็ไม่น่าสายเกินไปเจ้ารีบเข้าวังไป เสียเถิด”
จี้อี้มองพลางหัวเราะออกมา
“ก็ได้ เวลาในยามนี้ยังไม่สาย ข้าขอไปเตรียมตัวเข้าวังก่อน”
คังเสว่มี่ถามอย่างร้อนรน
“แล้วหนังสือสอบข้าล่ะเจ้าเลือกให้ข้าเสร็จหรือยังข้าจะได้เอากลับไปด้วย”
จี้อี้ยิ้ม
“เจ้ารอข้าก่อน ข้าจะไปหยิบมาให้"
พูดจบก็มองไปทางฉวี่ซางและโล่สุ่ย
“พวกเจ้าไปกับข้าไปช่วยข้าถือหนังสือออกมาให้คุณหนูใหญ่คัง”
ฉวี่ซางและโล่สุ่ยเดินตามหลังจื้อี้ไปและยืนคอยอยู่ข้างๆ เมื่อได้ยินคำสั่งของจี้อี้ก็เดินตามขึ้นไปชั้นสอง
ฉวี่ซางคิด
“เขาจำได้ว่าตอนที่เขามาเรียกชื่อจื่อให้ไปรับกระยาหาร ตอนกลางวันกับท่านอ๋อง
จี้ซื่อจื่อไปได้หยิบหนังสือออกมาเรียบร้อยแล้วหรือ?
ดูเหมือนจะมีเพียงห้าหกเล่มเท่านั้นไม่ต้องเรียกเขากับ โล่สุ่ยมาช่วยถือก็ได้มั้ง?”
โล่สุ่ยก็คิดว่า “ซื่อจื่อฉลาดเสียจริงรู้จักวิธียืมหนังสือยืมแล้วก็ต้องคืน ยืมแล้วคืน เพียงแค่หนังสือเล่มเดียวก็ห้าข้ออ้างได้นับร้อย”
คังเสว่มี่ ไม่ทราบได้ถึงความคิดของพวกเขา นางเดินเข้ามาเพื่อหลบแดดและมองไปทางไป๋หลี่เหลียน
"อาการขี้ลืมของเจ้านี่คงหนักเอาการ ผ่านมาตั้งนานเพิ่งจะนึกได้ ถ้าช้าอีกนิดก็ไม่ทันเวลาเสียแล้ว"
ไป๋หลี่เหลียนโบกพัดในมือพัดความร้อนความอึดอัด เล็กๆในใจ"ไม่เป็นไรถึงแม้ว่าถ้าช้าไปเสด็จพ่อก็ไม่ว่าอะไรจี้อี้หรอก” แต่ภายในใจกลับคิดว่าหากไม่ทำเช่นนี้ดึงเวลาให้ช้าที่สุดทำให้จื้อี้ไม่เหลือเวลาพอต้องรีบเข้าวังโดยด่วนจนเหลือเพียงแค่เขาและคังเสว่มี่อยู่ด้วยกันตามลำพังแม้ว่าเขาไม่รู้ว่าทำไมจี้อี้ถึงปฏิบัติกับคังเสว่มีแตกต่างจากคนอื่นแต่เขานั้นยังอยากทำความรู้จักกับคังเสว่มี่ตัวต่อตัวอยู่ดีทำไมเขาถึงไม่เห็นหญิงสาวที่น่ารักขนาดนี้มาก่อนถ้าได้ทำความรู้จักกันเพียงสองคนก็จะปลูกฝังความรู้สึกได้อย่างลึกซึ้งกว่านี้เส้นผมที่ถูกลมพัดปลิวไสวของเขาอยู่ตรงบ่าเหมือนม่านน้ำตกคังเสว่มี่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา กำลังคิดจะหยอกล้อเสียงจี้อี้เอ่ยดังแทรกขึ้นมา“ข้าเลือกหนังสือให้เจ้าหมดแล้ว รบกวนเจ้าขนกลับไปทีนะ"คังเสว่มี่หันไปมองก็ตะลึงไปทันทีคุณพระช่วย หนังสือที่อยู่ในอ้อมแขนของทั้งโล่สุ่ยและฉวี่ซางสูงจน บังไปครึ่งหน้าของพวกเขาใช่หนังสือที่ข้าต้องอ่านใช่ ไหมเนี่ย?“เยอะขนาดนี้เลยหรือ?”จี้ พยักหน้า “วิชาที่เจ้าเรียนก่อนหน้านี้ข้าก็เอามาให้ ถ้าอยากจะสอบผ่านภายในครั้งเดียวเจ้าแค่อ่าน หนังสือเหล่านี้ให้หมดก็สอบผ่านแล้ว
copy right hot novel pub