โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

พลิกชะตาจอมนางข้ามภพ

ตอนที่ 181 คังเสี้ยเหอสติแตก

นี่ถ้าพวกเขารู้ว่านางยังยิงธนู วางหมาก วาดรูป ทำกลอน ต่อสู้ต่างๆเป็น ไม่ใช่จะจุดไฟเผานางตายเลยหรือ?

นางยิ้มเบาๆ และก็ไม่โกรธ ขมวดคิ้วพูดขึ้นว่า “ทำไม แค่ข้าขี้เกียจจะพูด แล้วจู่ๆก็นึกอยากพูดขึ้นมา ก็กลายเป็นว่ามีผีเข้ามาสิงร่างเลยหรือ?

ข้าฉลาดขึ้นก็คือผีสิงร่างอย่างนั้นหรือ?ตามที่เจ้าพูด ขอแค่เป็นอัจฉริยบุรุษก็จะประสบผลสำเร็จในชีวิตจนถึงบั้นปลาย

แต่ถ้าคนที่ดวงไม่ดีมีการเปลี่ยนพลิกจนดีขึ้นตอนแก่ หรือตอนโต เช่นนั้นก็ล้วนเป็นผีปีศาจสิงร่างต้องทิ้งลงไปฝังในหลุมหมดเลยถึงจะดีสินะ?”

“ไอ๊หยา ข้าจำได้ว่าอาจารย์เคยบอกว่า ตอนเด็กปฐมกษัตริย์ซื่อบื้อ ไม่พูดเลย จนมาถึงตอนบรรลุนิติภาวะถึงจะคิดได้

แค่เพียงแป๊บเดียวเท่านั้นจากคนซื่อบื้อก็นำพาสามกองทัพ แล้วแย่งชิงแคว้นฉีเทียนจากคนทรยศในสมัยเก่ามาอย่างโดยตรงเลย”

คังวี่จิ่นใช้มือไพล่ไปข้างหลังทำท่าเหมือนเป็นคนคงแก่เรียน แต่ฉับพลันก็ถูกท่านอ๋องคังใช้เกาลัดเคาะ บนหัว จับหัวแล้วกระโดดขึ้นมา “ ทำไมถึงตีข้า อีก!”

“ให้เจ้าอ่านหนังสือเจ้าไม่อ่าน ทั้งวันเอาแต่เล่น! ที่เจ้าพูดนี่คือปฐมกษัตริย์หรือ?”

ท่านอ๋องคังทำความเคารพขอประทานโทษไป ที่เมืองหลวง

แล้วจ้องตาโตด่าไปว่า

“เจ้าเอาผลสำเร็จทั้งหมดของปฐมกษัตริย์ กับฝ่าบาทปนเปเป็นกลุ่มหมดเลย เรื่องที่ตรึกตรองเพียงนี้จะสามารถให้เจ้าพูดไปเรื่อยได้อย่างไร!”

ล่วงละเมิดปฐมกษัตริย์กับฝ่าบาทถ้าให้ คนนอกมาได้ยินเข้า เป็นโทษใหญ่แน่

“ลูกชายที่ สร้างแต่ปัญหา!”

คังวี่จิ่นไม่พอใจ “ผิดแล้วหรือ?ทำไมข้าถึง จำได้ว่าอาจารย์ก็พูดแบบนี้?”

ไป๋หลี่เหลียนดูสองพ่อลูกนี้ดูเหมือนไม่ลงรอย แต่ที่จริงมีความสัมพันธ์ที่อบอุ่นต่อกัน และกัน ในแววตาปรากฏความอิจฉาขึ้นเบาๆ

ส่ายพัดแล้วอธิบายว่า: “ตอนเด็กซื่อบื้อ ไม่ ค่อยชอบพูด คือพูดถึงเสด็จพ่อ นำพาสาม กองทัพ สร้างราชวงศ์ฉีเทียน คือไท่ซางหวง เสด็จปู่

ที่จริงไม่ต้องพูดได้ไกลขนาดนั้น ได้ยินว่าจี้ซื่อจื่อตั้งแต่เด็กก็ไม่ชอบพูด เพราะฉะนั้น ท่านอ๋องจี้

เลยนำเขาส่งไปที่วัดอธิษฐานขอพร ตอน อายุแปดขวบค่อยกลับมาอีก เขาก็กลายเป็นคนเฉลียวฉลาดมาก ตอนนี้ยิ่งไม่เหมือนที่ผ่านมา

ตามคำพูดของคุณหนูสามแล้ว อย่างงั้นก็ ต้องหาเลือดหมาดำไปสาดในตัวของจี้ซื่อจื่ อด้วยไม่ใช่หรือ?”

ในยามว่างที่อยู่ในเรือนหลิงหลง หนังสือเหล่านี้ คังเสว่มี่ได้ศึกษาค้นคว้าข้อมูลบุคคลที่อยู่ในสมัยนี้ในตอนนี้ได้ไม่น้อยเลย

ฮ่องเต้ถือว่าเป็นเจ้าเหนือหัวในตอนนี้ นางก็ต้องศึกษาค้นคว้าเอาไว้เป็นธรรมดา

ปีนั้นตั้งแต่ฮ่องเต้ถือกำเนิดออกมาแล้วก็ไม่ พูดเลยฮ่องเต้ในสมัยนั้นยังคิดว่าเขาคือคนโง่ จนมาถึงตอนสามขวบ เพิ่งจะค่อยๆเปิดปากพูด

ตอนนี้ไป๋หลี่เหลียนก็เอาจี้อี้ดึงลงมาอีก อย่างไรนางก็อยากให้หัวข้อนี้ติดต่อเชื่อมโยงกันต่อไป

แน่นอนวันนี้แก้ปัญหาทีเดียวเลย

ในวันข้างหน้าไม่ว่าใครก็อย่าคิดที่จะเอาเรื่องพูดไม่พูดนี้ นี้มาจัดการนาง

นึกถึงตรงนี้ คังเสว่มี่ทอดถอนใจเบาๆ

“ที่แท้เป็นแบบนี้เอง น้องสามความคิดนี้ ของเจ้าดีมาก” นางหันหน้าไปพูดกับไป๋หลี่ เหลียนว่า

“อีกเดี๋ยวถ้าองค์ชายหกกลับเข้าพระราชวัง อย่าลืมรายงานให้ฝ่าบาท และจี้ซื่อจื่อ ให้ทรงทราบอย่างชัดเจนว่า

น้องสามและชายารองติงให้พวกเขาสาด เลือดหมาดำบนตัวหน่อย

ดูๆไปแล้วน่าจะถูกสิ่งชั่วร้ายสิงร่างหรือไม่?"

ไป๋หลี่เหลียนได้ยินเข้าก็ยังพิจารณาอย่าง รอบคอบอยู่สักพัก ถึงจะพยักหน้าว่ารับ

“ที่คุณหนูสามคังพูดก็มีเหตุผล เดี๋ยวตอนที่ข้ากลับพระราชวังแล้ว ข้าจะเอ่ยกับเสด็จ พ่อเอง นี่มันก็เป็นเรื่องใหญ่!"

สีหน้าของชายารองติงขาวซีดลง แสดงความ หวาดกลัวออกมาเล็กน้อย

คังเสว่มี่ในตอนนี้ไม่พูดก็ไม่เป็นอะไร แต่พอเปิดปากพูดที่ไรก็จะบีบบังคับให้คนไม่มีหนทาง

ความสงสัยอันเดียวที่ท่านอ๋องมีตอนนี้ก็ ค่อยๆสลายหายไปแล้วลูกสาวตอนนี้ก็เหมือน สาวน้อยของบ้านอื่นแหละจะมีอะไรที่ไม่ปกติกัน

เทียบกับไม่ฉลาดโง่ๆเหมือนแต่ก่อน ตอนนี้ดีกว่าตั้งเยอะ

สีหน้าของเขาครึ้มลงมา ความเดือดดาล เกิดขึ้นมาทันที ตะโกนไปที่คังเสี้ยเหอว่า

“ทำไมเจ้าถึงใส่ร้ายป้ายสีพี่สาวเจ้าซ้ำแล้ว ซ้ำอีก เสี้ยเหอความน่ารักน่าเอ็ดดูของเจ้า แต่ก่อนนี้ไปไหนหมดแล้ว? เจ้าในตอนนี้

ทำให้ข้าพ่อผิดหวังจริงๆเลย!”

สีหน้าของชายารองติงขาวแล้วเขียว ดูแล้ววันนี้ท่านอ๋องจะโมโหจริงๆแล้ว เห็นคังเสี้ย เหอยังจะเถียงต่อ นางจึงใช้แรงนำนางดึงลงมาคุกเข่าลงทั้งคู่ว่า

“ท่านอ๋อง เรื่องครั้งนี้คือข้าหลงลืมไปชั่วคราว ถึงคิดความคิดแบบนี้ออกมาได้ ยังหวังว่าให้ท่านอ๋องประทานโทษให้โอกาสข้าอีกสักครั้ง!”

"คนที่เจ้าควรขอโทษคือข้าหรือ?”

ใบหน้าข้างหนึ่งของท่านอ๋องคังจากเขียวถึง ขาว เวลานี้มีความลำบากใจ หมดหวัง โกรธแค้น

ผสมผสานกันกลายเป็นสีหน้าที่น่ากลัว

“พวกเจ้าวางแผนใส่ร้ายเสว่มี่ ใส่ร้ายว่านาง เป็นผีปีศาจคิดจะสาดเลือดโสมมใส่นาง ทั้งยังบงการนักบวชลัทธิเต๋า สาดเลือดโสมมนั้นไปที่ตัวขององค์ชายหกอีก

ผู้ที่ควรจะยอกโทษให้เจ้าได้หรือไม่นั้นไม่ใช่ข้า แต่เป็นพวกเขาที่เจ้าควรจะไปขอโทษและขออภัยโทษ!”

ทำให้องค์ชายหกยกโทษไม่มีปัญหา แต่ว่าไปให้คังเสว่มี่ยกโทษ......

ชายารองติงเงยหน้าขึ้น เพิ่งเห็นคังเสว่มี่ ยิ้มให้นางอย่างเบิกบาน ยังแสดงฟันที่ขาวหนา แน่นออกมา

นางเลยรู้สึกว่าการตบหนึ่งฝ่ามือของท่านอ๋องคังนั้นยิ่งเจ็บไปใหญ่

คังเสี้ยเหอถูกดึงให้คุกเข่าลงมาอย่างฝืนใจ เดิมทีก็ไม่พอใจอยู่แล้ว นางได้ยินเข้าความโกรธที่ดื้อรั้นพุ่งขึ้นสมอง

นางสะบัดมือของชายารองติงออกแล้วรีบลุกขึ้นมา แววตาที่สวยจ้องครู่ใหญ่ ชี้ไปหาคังเสี้ยเหอว่า:

“ท่านพ่อ ท่านไม่เคยพูดคําพูดเหล่านี้ต่อท่านแม่เลยสักครั้ง

วันนี้เพื่อนางแพศยาคังเสว่มี่นั้น ท่านยังจะ ให้ท่านแม่ไปขอโทษกับนางอีก?

นางนั่นมันเป็นตัวอะไร สมควรที่จะให้ท่านแม่ของข้าไปขอโทษกับนางหรือ?”

“หุบปาก!” นางแพศยาคำพูดคำนั้นของคัง เสี้ยเหอดังหึ่งๆในหูของท่านอ๋องคัง สีหน้าของเขาได้เปลี่ยนไปอย่างน่ากลัว

“หยุดพูดได้แล้วเสี้ยเหอ!” ถึงแม้ในใจของ ชายารองติงจะไม่พอใจพึ่งพิงอาศัยอยู่เคียง

ข้างกับท่านอ๋องคังมาอย่างยาวนาน จนเดียวนี้

ความสามารถที่สังเกตสีหน้าและคำพูด ก็ยังรู้ว่าวันนี้คังเสี้ยเหอไม่สามารถจะทำความ ผิดใดได้อีกแล้ว

“ท่านแม่ เหตุใดท่านแม่ถึงได้ห้ามข้าไว้ไม่ให้ข้าพูด!" คังเสี้ยเหอคำพูดถึงปาก จะกลืนกลับไปได้ที่ไหนกัน

“ครั้งก่อนทั้งๆที่คือนางแพศยานั้นตีขาของ ข้าหัก ท่านพ่อไม่เอาผิดมัน กลับมาเอาผิดข้าขังข้าไว้

หลังจากนั้นมันยังสาดน้ำชาลวกหน้าของท่านแม่จนบาดเจ็บ ท่านพ่อยังไม่สนใจตามเดิม!

นางแพศยานั่นมีดีอะไร? ท่านแม่ของนางก็ ตายนานแล้ว คนที่อยู่เคียงข้างของท่านพ่อก็ คือท่านแม่ของข้ามาตลอด!ท่านพ่อไม่ได้ว่าสายตาเลือนลาง ถูกนางแพศยานั้นคลุมใจ เวลานี้ถึงยิ่งแก่ยิ่งเลอะเลือนแล้ว"สีหน้าของท่านอ๋องคังกลายเป็นสีม่วง เห็น มุมปากของคังเสี้ยเหอเปิดปิดไม่หยุด ไม่คิดสักนิด เลยว่าคำพูดที่ตนเองพูดไม่เคารพขนาดไหน“เพี๊ยะ” ตบหนึ่งครั้งลงไปที่หน้าของคังเสี้ยเหอร่างทั้งร่างก็เซถลาจนล้มลงไปคังเสี้ยเหอหมอบอยู่ที่พื้น ปิดหน้าแล้วมอง ท่านอ๋องคังยังจะพูดต่ออีกชายารองติงเกลียด ที่นางไม่รู้จักสถานการณ์ ชายารองติงเห็นสถานการณ์เริ่มไม่ดี ชักจะไปในทางที่แย่ นางกัดฟันลุกขึ้นไปตบหนึ่งฝ่ามือที่หน้าอีกข้างของคังเสี้ยเหอ นำคำพูดที่นางจะพูดออกมาตบเข้าไป ตะโกนอย่างเคร่งขรึมว่า“ค้งเสี้ยเหอ เจ้าจะขู่เข็ญให้ข้าตายตรงนี้เลยอย่างนั้นหรือ!!"ใต้ตาของนางเปล่งปล่อยแสงไฟออกมา ทันใดนั้นดับความชั่ววูบของคังเสี้ยเหอ หันหน้า ไปดูท่านอ๋องคังที่โมโหจนตัวสั่นไหวในที่สุดก็รู้ตัวว่าเมื่อครู่นี้ตนพูดอะไรออกไปปิดหน้าที่บวมเป่งเสมือนหัวหมู ก้มหน้าลงร้องไห้ขึ้นมาเห็นคังเสี้ยเหอไม่พูดอะไรอีกชายารองติงก็ โล่งอกจะให้นางไปให้คังเสว่มี่ยกโทษนางไม่พอใจ แต่หลังพินิจพิจารณาแล้ว ชายารองติง ก็ยังกุมผ้าเช็ดในมือให้แน่นค่อยๆเคลื่อนที่ขึ้นไป....

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์