โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

พายุรักแห่งเม็ดทราย

บทที่ 9 (1)

นาราภัทรเดินออกจากอพาร์ทเม้นท์เมื่อเหลืออีกไม่กี่นาทีก็ถึงเวลาที่ทางนายจ้างจะมารับเธอไปทำหน้าที่เป็นบาร์เทนดี้ที่งานเลี้ยงวันเกิดของบรรดาเศรษฐีมีเงินแต่ใช้ไม่เป็น

“แองจิล่าเมื่อไหร่จะมาน่ะ อีกไม่กี่นาทีก็ถึงเวลานัดกันแล้ว”

นาราภัทรบ่นพึมพำพยายามชะเง้อมองหาเพื่อนสาวชาวต่างชาติ ก่อนหน้านี้เธอได้นัดแนะกับแองจิล่าไว้แล้วว่าให้มาเจอกันที่หน้าอพาร์ทเม้นท์แต่ป่านนี้แล้วแองจิล่ายังไม่โผล่หน้ามาให้เห็นสักที หญิงสาวขยับเท้าเข้ามาด้านในของฟุตบาทเมื่อรถเก๋งคันงามขับปราดเข้ามาประชิดเทียบท่ากับทางเดิน

“น้ำหนาว...เราเอง ขึ้นรถสิ” แองจิล่าลดกระจกรถที่ติดฟิล์มค่อนข้างทึบลงแล้วตะโกนเรียกเพื่อนชาวสาวไทย

นาราภัทรเดินเข้าไปใกล้รถเก๋งคันงามพลางชะโงกหน้าถามเพื่อนสาวไม่ยอมขึ้นรถง่ายๆ ตามคำชวนของอีกฝ่าย

“รถคันนี้หรือที่มารับพวกเรา”

“ใช่ น้ำหนาวขึ้นมาก่อนสิเดี๋ยวจะแนะนำให้รู้จักลูกน้องของทอมสันเจ้าของงานวันเกิดน่ะ”

แองจิล่ากวักมือเรียกเพื่อนสาวอีกครั้งโดยไม่ยอมลงจากรถ เพราะเธอต้องการให้ผู้คนที่อาศัยอยู่ละแวกนี้ที่อาจเป็นเพื่อนเป็นคนรู้จักของนาราภัทรได้รับรู้น้อยที่สุดว่าเธอเป็นคนพานาราภัทรไปงานเลี้ยงวันเกิดของเศรษฐีทอมสันผู้บ้ากาม

“น้ำหนาวเร็วๆ สิ อีกไม่กี่ชั่วโมงงานเลี้ยงก็จะเริ่มแล้ว พวกเราต้องไปเตรียมเครื่องดื่มอีกหลายรายการน่ะ”

เมื่อถูกเพื่อนสาวเร่งเร้าอีกครั้งนาราภัทรจึงเดินอ้อมท้ายรถไปขึ้นรถทางด้านซ้ายมือ และทันทีที่ประตูรถถูกปิดลงเคลื่อนตัวออกจากบริเวณอย่างช้าๆ รถเก๋งหรูหราคันงามซึ่งผู้ที่ทำหน้าที่เป็นสารถีคือเจ้าชายซารีฟร์ อัล ริฟาอีลส์ ก็เบรกเอี๊ยดจอดข้างๆ ฟุตบาทอย่างรวดเร็ว

“รถคันนี้ใช่ไหมที่มารับเจ้าไปดินเนอร์”

เจ้าชายซารีฟร์พึมพำในลำคอดวงตาคมกริบมองตามรถที่เคลื่อนตัวออกไปก่อนตนเองจะมาถึงแค่ไม่กี่วินาทีโดย

ไม่วางตา

“เจ้าชายจะตามไปหรือเปล่าพะยะค่ะ”

ราชิต รุสดี อัฟซา องครักษ์ผู้ซื่อสัตย์ซึ่งนั่งคู่อยู่ด้านหน้าได้เอ่ยถามความคิดเห็นของเจ้าเหนือหัว วันนี้เขาทำหน้าที่อารักขาเจ้าชายหนุ่มแต่เพียงผู้เดียวเนื่องจากอาดิลเกิดท้องเสียกะทันหันต้องนอนแซ่วอยู่ที่ห้องชุดเพียงลำพัง

“ตามสิ เราอยากเห็นหน้าไอ้ผู้ชายที่กำลังชะตาขาดบังอาจมาชวนแก้วตาดวงใจของเราออกเดทโดยไม่เกรงใจเราสักนิด”

เจ้าชายซารีฟร์กระชากรถออกอย่างรวดเร็วขับตามรถคันหน้าไปติดๆ พอรถเก๋งคันหน้าขับผ่านร้านอาหารนับสิบๆ ร้านโดยไม่มีท่าทีว่าจะจอดแวะสักร้านแถมขับเลยไปเรื่อยๆ จนเริ่มออกนอกตัวเมืองบอสตันเจ้าชายหนุ่มถึงกับขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

“มันจะพาน้ำหนาวไปดินเนอร์ที่ไหนกันน่ะ”

“นั่นน่ะสิ เท่าที่กระหม่อมทราบแถวนี้ไม่มีร้านอาหารที่พักแล้ว ส่วนมากก็เป็นพวกบ้านพักของเศรษฐีมีเงินที่มากว้านซื้อที่ดินแถวเนินเขาเพื่อสร้างบ้านพักตากอากาศ”

การมาอยู่อารักขาเจ้าชายซารีฟร์ในดินแดนถิ่นอื่นที่มิใช่บ้านเกิดเมืองนอนของตนเองก็ใช่ว่าเหล่าองครักษ์จะทำหน้าที่อารักขาแค่เพียงอย่างเดียว การศึกษาหาข้อมูลภูมิประเทศรวมถึงบุคคลสำคัญที่มีอิทธิพลในเมืองที่มาพำนักอาศัยอยู่ก็เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งเช่นเดียวกัน

“หรือว่ามันจะพาน้ำหนาวไปดินเนอร์ที่บ้านมัน”

ยิ่งคิดยิ่งตั้งคำถามเจ้าชายแห่งทะเลทรายผู้หล่อเหลาก็ยิ่งโมโหโกรธเคืองกัดฟันกรอดๆ กำพวงมาลัยแน่นจนเส้นเอ็นตรงข้อมือปูดโปน

ราชิตนึกหวาดเสียวขนลุกแทนชายหนุ่มที่เป็นเจ้าของรถเก๋งคันงามที่ขับอยู่ข้างหน้า ชายหนุ่มคนนี้คงไม่รู้ว่าคุณนาราภัทรเป็นหญิงสาวที่เจ้าชายองค์รองแห่งแผ่นผืนทะเลทรายอันกว้างใหญ่ไพศาลได้ตีตราจับจองไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้วจึงได้บังอาจเข้ามาข้องแวะกับดอกไม้งามทำให้เจ้าชายซารีฟร์ขัดเคืองใจ ซึ่งผลลัพธ์ที่ชายหนุ่มผู้นี้จะได้รับคงออกมาไม่สวยสักเท่าไหร่ถ้าหากได้กระตุกราชสีห์ให้ตื่นจากการหลับใหล

แองจิล่าลอบถอนหายใจยาวเมื่อปีเตอร์คนขับรถของเศรษฐีทอมสันได้ขับรถออกมานอกตัวเมืองบอสตันได้สักพักใหญ่แล้ว ในตอนแรกเธอแอบหวั่นว่านาราภัทรจะเปลี่ยนใจไม่ยอมไปทำหน้าที่เป็นบาร์เทนดี้ที่งานเลี้ยง ถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริงคนที่ซวยก็คงไม่พ้นตัวเธอแน่

“น้ำหนาว รู้จักคุณปีเตอร์สิ เขาเป็นคนขับรถของคุณทอมสัน เดี๋ยวขากลับปีเตอร์เขาจะเป็นคนส่งพวกเรากลับบ้านด้วย”

นาราภัทรยิ้มบางๆ ไม่ยกมือไหวไม่ยื่นมือไปจับทักทายคนขับรถที่ละสายตาจากท้องถนนหันมามองครู่หนึ่ง ไม่รู้ว่าเธอคิดมากไปหรือเปล่าว่าคนขับรถมักจะมองและยิ้มแปลกๆ ตั้งแต่เธอก้าวขึ้นมาบนรถคันนี้แล้ว

“อีกไกลไหมกว่าจะถึงบ้านที่จัดงานเลี้ยง”

นาราภัทรหันมาเอ่ยถามเพื่อนสาวใบหน้างามหวานติดกังวลเล็กน้อย เท่าที่สังเกตและกะระยะเส้นทางจากตัวเมืองไปยังคฤหาสน์ที่จัดงานเลี้ยงเธอคิดว่าค่อนข้างไกลมาก ไม่ใช่แปดไมล์เหมือนที่พอลบอกไว้ตั้งแต่ตอนแรก

“อีกไม่ถึงไมล์ก็ถึงคฤหาสน์ของคุณทอมสันแล้ว”

แองจิล่าตอบส่งเดชกะระยะเส้นทางให้สั้นที่สุดด้วยกลัวเพื่อนสาวชาวไทยจะเปลี่ยนใจกะทันหัน

“แขกที่จะมาในงานเลี้ยงเยอะไหมแองจิล่า” นาราภัทรชวนเพื่อนสาวคุยเพื่อหาเรื่องเบี่ยงเบนความหวาดหวั่นเป็นกังวลของตนเอง

“ก็ราวๆ ร้อยคนเห็นจะได้”

“คนเยอะเหมือนกันน่ะ แบบนี้พวกเราจะชงเหล้าทันหรือ”

“ทันสิน้ำหนาว นอกจากเรา 2 คนแล้ว ยังมีบาร์เทนดี้ บาร์เทนเดอร์คนอื่นอีกเกือบ 20 คน”

“มีคนเยอะขนาดนี้แล้วก็ไม่เห็นจำเป็นต้องจ้างเรา 2 คนมาเลย”

แองจิล่าหน้าถอดสีเล็กน้อยลอบมองสบตากับปีเตอร์ผ่านกระจกมองหลัง รอยหยักในสมองรีบคิดหาประโยคคำพูดที่จะเอ่ยออกมาแล้วไม่ทำให้เพื่อนสาวชาวไทยสงสัย

“ก็คนรวยน่ะน้ำหนาว คงอยากได้บาร์เทนดี้มือฉมังหลายๆ คนมาคอยบริการเพื่อนๆ ไฮโซและแขกที่มาร่วมงานให้ได้รับความสนุกสนานแบบเต็มที่”

“คงได้ชงเหล้าแบบไม่ต้องหยุดพักแน่คืนนี้”

งานเลี้ยงที่จัดให้กินฟรีดื่มฟรีอย่างไม่อั้นคงทำให้บรรดาแขกเหรื่อทั้งหลายมีความสุขกับการดื่มกินแต่สำหรับพวกเธอซึ่งมาทำหน้าที่พนักงานบริการคงได้เหนื่อยแทบพับอย่างแน่นอน

“ถึงคฤหาสน์ของคุณทอมสันแล้วน้ำหนาว”

แองจิล่าเนื้อเต้นเอ่ยบอกเสียงสั่นอยากเข้าไปในงานเลี้ยงหรูหราเร็วๆ เผื่อว่าตนเองจะมีโอกาสได้พบปะกับบรรดาไฮโซหล่อและรวยที่จะฉุดดึงเธอให้หลุดพ้นจากความจนเสียที

คฤหาสน์หลังงามซึ่งสร้างเด่นตระหง่านอยู่บนพื้นที่นับสิบๆ ไร่อาจสร้างความตื่นเต้นให้กับแองจิล่าได้แต่สำหรับนาราภัทรแล้วกลับรู้สึกเฉยๆ เพราะเคยเห็นสถาปัตยกรรมที่งดงามกว่านี้มานักต่อนักแล้ว บ้านที่ก่อด้วยอิฐด้วยปูนดูแข็งทื่อไม่ได้งดงามเท่ากับบ้านไม้เรือนไทยที่แกะสลักลวดลายไม้อย่างงดงามดูอ่อนช้อยเหมือนบ้านเรือนสมัยโบราณในเมืองไทยที่ทางรัฐบาลและชุมชนในท้องถิ่นแต่ละภาคได้พยายามอนุรักษ์รักษาไว้

“มานี้สิเดี๋ยวผมจะพาไปยังสถานที่จัดงานเลี้ยง”

ปีเตอร์เอ่ยบอกเมื่อสองสาวได้ลงจากรถเรียบร้อยแล้ว เขาได้เดินนำหน้าไปยังด้านหลังของคฤหาสน์ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานเลี้ยง“เขาจัดงานรอบๆ สระน้ำใช่ไหมคะ” นาราภัทรเอ่ยถามเพื่อความมั่นใจอีกครั้งเพราะโดยส่วนมากแล้วชาวต่างชาติที่มีสระน้ำภายในบริเวณบ้านก็มักจะจัดงานเลี้ยงรอบๆ สระให้แขกที่มาร่วมงานและเมาเต็มที่ได้ลงเล่นน้ำเพื่อดับความร้อนจากแอลกอฮอล์ที่สะสมเต็มปรี่ในร่างกาย“ใช่แล้วครับ เครื่องดื่มและอาหารจะตั้งอยู่ฝั่งนี้ส่วนอีกด้านของสระน้ำก็จะเป็นวงดนตรีร็อคที่คุณทอมสันได้จ้างให้มาแสดงในงานด้วย” ปีเตอร์อธิบายพื้นที่ใช้สอยภายในบริเวณจัดงานให้สองสาวได้รับทราบ นาราภัทรพยักหน้ารับรู้ให้ความสนใจแค่พื้นที่ที่เธอต้องรับผิดชอบเท่านั้นไม่ได้หันไปมองความอลังการของสถานที่ที่ใช้สำหรับการถลุงเงินเล่นในค่ำคืนนี้ของบรรดาเศรษฐีทั้งหลาย“นี่ชุดที่พวกคุณต้องสวมในคืนนี้ขณะทำหน้าที่บาร์เทนดี้” ปีเตอร์รับถุงเสื้อผ้ามาจากแม่บ้านแล้วยื่นต่อให้บาร์เทนดี้สาว“เดี๋ยวตามแม่บ้านไป เธอจะพาไปเปลี่ยนชุดที่ห้องแต่งตัว” นาราภัทรกอดถุงเสื้อถ้าไว้อย่างขลาดๆ ภาวนาในใจขออย่าให้เป็นเสื้อผ้ารัดรูปตัวเล็กนิดเดียวเหมือนเสื้อลายเสือที่ใส่ทำงานในผับของพอลถ้าหากให้ใส่เสื้อแบบนั้นทำงานในสถานที่โล่งแจ้งท่ามกลางอากาศซึ่งเย็นยะเยือกเพราะหิมะขาวสะอาดปกคลุมไปทั่วเธอกับแองจิล่าหรือบาร์เทนดี้คนอื่นๆ คงได้แข็งตายก่อนงานเลี้ยงจะจบลงเป็นแน่“เห็นสถานที่จัดงานหรูๆ แบบนี้แล้วฉันไม่อยากยืนหลังขดหลังแข็งทำหน้าที่ชงเหล้าเลย” แองจิล่าร้องโอดครวญเมื่อเข้ามาอยู่ในห้องแต่งตัวกับเพื่อนสาวชาวไทยแค่สองคน

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์