โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

พายุรักแห่งเม็ดทราย

บทที่ 27 (1)

พิธีอภิเษกสมรสที่ยิ่งใหญ่ระหว่างหนุ่มสาวสองแผ่นดินได้ถูกจัดขึ้นในอีกสองวันต่อมา ในช่วงเช้าจะเป็นพิธีการตามขนบธรรมเนียนของอัลนูรีน ส่วนช่วงเย็นจะเป็นการจัดงานเลี้ยงตามแบบสากลทั่วๆ ไป นีราพรรณสวยสง่างดงามในชุดแต่งงานสีทองอ่อนซึ่งเป็นชุดแต่งงานของราชินีองค์ก่อนผู้เป็นพระมารดาของเจ้าชายฮารีฟร์เครื่องประดับทุกชิ้นเริ่มด้วยสร้อยประดับหน้าผากต่างหูสร้อยคอกำไลสร้อยข้อมือล้วนแต่เป็นอัญมณีราคาแพงทรงคุณค่า

“พี่น้ำเหนือสวยจังเลยเหมือนเจ้าหญิงในนิยายไม่มีผิด”

นาราพรรณเอ่ยชมพี่สาวคนโตหลังจากนะญาหญิงรับใช้ได้ช่วยแต่งตัวด้วยอาภรณ์งดงามให้กับนีราพรรณเรียบร้อยแล้ว

“พี่น้ำเหนือดูแปลกตาเวลาสวมชุดนี้แต่ก็สวยสง่าสมกับราชินีแห่งอัลนูรีน”

นาราภัทรเอ่ยชมพี่สาวบ้างพลางเข้าไปสวมกอดร่างบอบบางทั้งของพี่สาวและแฝดน้องไว้แนบแน่น

นะญาหญิงรับใช้ผู้ซื่อสัตย์ยืนอมยิ้มปล่อยให้สามสาวแสดงความรักความอบอุ่นต่อกันอยู่พักใหญ่ก่อนจะเข้าไปสะกิดเรียกพระชายาของเจ้าชายซารีฟร์

“พระองค์เพคะ พระองค์กับองค์หญิงน้ำค้างต้องสวมชุดประจำชาติเหมือนกันค่ะ นะญาเตรียมชุดให้เรียบร้อยแล้วเชิญพระองค์ทั้งสองที่ห้องแต่งตัวเลยค่ะ”

แม้หญิงสาวทั้งสองยังไม่ได้รับการสถาปนายศฐาบรรดาศักดิ์อย่างเป็นทางการแต่นะญารวมทั้งหญิงรับใช้คนอื่นๆ ต่างก็พร้อมใจรับใช้และให้การยกย่องหญิงงามทั้งสอง

“น้ำค้างต้องแต่งตัวเหมือนพี่น้ำเหนือหรือคะ”

นาราพรรณเบิกตาโตด้วยความตื่นเต้นดีใจเมื่อเห็นหญิงรับใช้อีกสองสามคนถือชุดประจำชาติแสนงามรออยู่

“เพคะ ขององค์หญิงเป็นสีฟ้าส่วนของพระชายาเป็นสีแดงอ่อน”

“ใครเป็นคนเลือกชุดน่ะนะญาเข้ากับแหวนที่ท่านพี่ฮารีฟร์มอบให้เราเลย”

นาราพรรณปราดเข้าไปลูบไล้อาภรณ์ที่ถักทอจากเส้นไหมบางเบาจนกลายเป็นชุดประจำชาติที่งดงามยิ่งจนแทบไม่กล้าหยิบจับมาสวมใส่

“พี่เป็นคนเลือกให้เองจ้ะ น้ำหนาวกับน้ำค้างรีบไปเปลี่ยนชุดน่ะจวนจะถึงฤกษ์พิธีแล้ว”

นีราพรรณยิ้มบางๆ พลางดุนหลังให้น้องสาวคนเล็กที่ยังคงลูบไล้อาภรณ์งดงามไม่เลิกให้เดินตามหญิงรับใช้เข้าไปในห้องแต่งตัวพอนาราพรรณเดินพ้นรัศมีที่จะได้ยินแล้วจึงหันไปจับต้นแขนเนียนขาวผ่องของน้องสาวคนรองไว้ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง

“น้ำหนาว ไหวไหม ถ้าเวียนหัวมากก็พักอยู่ที่ตำหนักไม่ต้องออกไปร่วมงานก็ได้”

“น้ำหนาวไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกค่ะ พี่น้ำเหนืออย่ากังวลเลย”

นาราภัทรฝืนยิ้มบางๆ ให้กับพี่สาว อาการแพ้ท้องที่เล่นงานหนักกว่าทุกวันทำเอาเธอไร้เรี่ยวแรงแทบจะล้มทั้งยื่นเพราะตั้งแต่ตื่นนอนมาก็อาเจียนไม่ได้หยุด

นีราพรรณยิ้มหวานให้กำลังใจพลางเอ่ยปลอบเสียงสั่นเครือ “พี่เคยแพ้ท้องมาก่อนนะน้ำหนาว พี่รู้ว่าน้องแพ้ท้องมากแล้วก็เวียนหัวบ่อยด้วย พี่อยากให้น้ำหนาวรักษาสุขภาพและลูกในครรภ์ให้ดีอย่าให้เสียเขาไปเหมือนพี่”

“โธ่...พี่น้ำเหนือ น้ำหนาวเสียใจด้วย นะญาเล่าเรื่องลูกให้ฟังแล้ว พี่น้ำเหนืออย่าสิ้นหวังนะคะพี่ยังสามารถมีลูกได้อีก”

นาราภัทรร้องไห้ออกมาเบาๆ โผเข้าไปกอดพี่สาวพลางยกมือลูบไล้ทั่วแผ่นหลังเนียนเอ่ยปลอบทั้งตัวเองและพี่สาวถึงตอนนี้เธอรู้ชัดแล้วว่าหัวอกของการเป็นแม่คนนั้นเจ็บปวดมากเพียงใดเมื่อต้องสูญเสียเลือดเนื้อเชื้อไขของตนเอง

“น้ำหนาว พี่อยากขอร้องให้น้ำหนาวบอกเรื่องลูกให้เจ้าชายซารีฟร์ได้รับรู้ด้วย”

“ไม่ค่ะ น้ำหนาวไม่บอก ตอนที่น้ำหนาวตามไปที่โอเอซิสและบอกว่าน้ำหนาวรักเขาแต่ก็เปล่าประโยชน์เจ้าชายซารีฟร์ไม่ได้รักน้ำหนาวจริงตามคำเอื้อนวาจาที่เคยบอกว่ารักน้ำหนาวเพราะเจ้าชายไม่เห็นสนใจตามน้ำหนาวมาที่เมืองหลวง คาสโนว่าอย่างเขาคงไม่หยุดความรักไว้ที่น้ำหนาวแค่เพียงคนเดียว”

ถ้อยคำยืนกรานเสียงแข็งพร้อมกับการเดินหนีเข้าไปยังห้องแต่งตัวหลังจากที่เอ่ยจบทำให้นีราพรรณได้แต่ส่ายหน้าด้วยความหนักใจอยากจะะบอกให้น้องสาวได้รู้เหลือเกินว่าวันนั้นเจ้าชายซารีฟร์ขี่อูฐไกลหลายสิบไมล์ฝ่าละอองเม็ดทรายเพื่อตามมางอนง้อคนดื้อด้านถึงที่เมืองหลวง...

เจ้าชายฮารีฟร์ อัล ริฟาอีลส์ อยู่ในชุดฉลองพระองค์เต็มยศขนาบข้างกายก็มีอนุชาทั้งสองที่อยู่ในเครื่องประดับแต่งกายเต็มยศฐาบรรดาศักดิ์เช่นเดียวกัน ขณะนี้ในท้องพระโรงพระราชวังหลวงซึ่งเป็นสถานที่ประกอบพิธีอภิเษกสมรสเต็มไปด้วยข้าราชาการชั้นผู้ใหญ่ทูตานุฑูตที่ได้รับเชิญให้มาเป็นสักขีพยานรวมถึงคุณกมลป้าจันญาติผู้ใหญ่ของฝ่าย

นีราพรรณซึ่งต่างก็พากันชะเง้อมองหาว่าเมื่อไหร่ราชินีผู้งดงามจะเข้ามาในท้องพระโรงสักที

อีกไม่กี่นาทีต่อมาเสียงฮือฮาเซ็งแซ่ก็ดังขึ้นต่างก็กล่าวขานถึงความสง่างามของหญิงงามแห่งสยามทั้งสามที่กำลังเดินเข้ามาในท้องพระโรง ความสวยงามที่แตกต่างตามแบบฉบับของแต่ละนวลนางสร้างความตกตะลึงให้แก่บุรุษชาติอาหรับได้เป็นอย่างมาก

“งดงามเหลือเกินน้ำเหนือ เจ้าเหมือนท่านแม่ของเราไม่มีผิด” เจ้าชายฮารีฟร์ผุดลุกขึ้นเข้าไปประคองราชินีไว้ในอ้อมแขนพร้อมกับประทับจุมพิตรับขวัญลงกลางกระหม่อมบาง

“เจ้าชายก็หล่อเหมือนกันค่ะ สมกับที่เป็นประมุขแห่งทะเลทรายผู้ยิ่งใหญ่” นีราพรรณยิ้มหวานยกมือขึ้นลูบไล้ทั่วแผงอกกว้างเอ่ยชมพระสวามีอย่างเอียงอาย

“พระองค์พะยะค่ะ ได้ฤกษ์สวมมงกุฎให้ราชินีแล้วพะยะค่ะ”

โหรหลวงผู้คร่ำหวอดในพิธีโบราณของอัลนูรีนได้เอ่ยบอกเจ้าเหนือหัวทั้งสองซึ่งกำลังแย้มยิ้นให้แก่กันอย่างมีความสุข

เจ้าชายฮารีฟร์ประคองร่างบอบบางให้เดินไปที่ราชบัลลังก์ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งแล้วหยิบมงกุฎซึ่งประดับประดาด้วยอัญมณีน้ำงามคัดเป็นพิเศษสวมลงไปบนศีรษะกลมทุยของนีราพรรณตามด้วยการเจิมลงไปบนหน้าผากมนและสวมแหวนทับทิมประจำยศแห่งการเป็นประมุขของประเทศลงไปบนนิ้วนางข้างซ้ายของราชินีซึ่งเป็นขนบธรรมเนียมประเพณีดังเดิมที่สืบทอดกันมาสำหรับเจ้าชายแห่งอัลนูรีนทุกพระองค์ต้องมอบแหวนประจำกายให้กับอิสตรีที่ตนเองได้เลือกให้เป็นคู่ชีวิต

พิธีการอภิเษกสมรสที่เต็มไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์มีมนต์ขลังได้เรียกน้ำตาของดอกไม้งามอย่างนาราพรรณให้หยดแหมะลงมาตามร่วงแก้มทั้งๆ ที่ยังคงแย้มยิ้มกว้างด้วยความประทับใจ หญิงสาวไม่รู้เลยว่ารูปร่างหน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักอ่อนหวานกอปรกับรอยยิ้มพิมพ์ใจที่ประดับทั่วดวงหน้างามลออตลอดเวลาได้สร้างความประทับให้กับเจ้าชายชารีฟร์เป็นยิ่งนักจนถึงขั้นกระซิบถามเชษฐาซารีฟร์ด้วยความสนใจ

“ท่านพี่ หญิงสาวที่สวมชุดสีฟ้าอ่อนนั้นเป็นใคร”

เจ้าชายซารีฟร์หัวเราะเบาๆ ถูกใจที่อนุชาแสดงออกให้เห็นชัดว่าสนใจนาราพรรณตั้งแต่แรกเห็น

“เธอชื่อนาราพรรณชื่อเล่นน้ำค้าง เป็นน้องสาวของราชินี ท่านพี่ฮารีฟร์ได้รับเธอเป็นขนิษฐาแล้วเสร็จจากพิธีอภิเษกก็จะมีการสถาปนาให้เป็นองค์หญิงแห่งอัลนูรีน ชารีฟร์สนใจน้ำค้างหรือ”

“ก็สนใจนิดหน่อยท่านพี่ ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นยายลูกเจี๊ยบที่กระหม่อมพบเมื่อสองวันก่อน”

ผู้เป็นอนุชาเอ่ยตอบยิ้มๆ พลางย้อนนึกไปถึงวันที่พบกับสาวน้อยน่ารักน่าชังในวันแรกตอนที่เธอไปสมัครงานที่แกลอรี่ของตน

เจ้าชายซารีฟร์เลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจก่อนจะเอ่ยถาม “ชารีฟร์เคยพบกับน้ำค้างแล้วหรือ”

“พะยะค่ะท่านพี่ น้ำค้างแวะเข้าไปสมัครงานที่แกลอรี่ของกระหม่อม วันนั้นเธอดูน่ารักสดใสพูดเสียงแจ้วๆ ราวกับลูกเจี๊ยบตอนที่เข้าไปสมัครงานแกมเถียงกับกระหม่อมเล็กน้อย แต่วันนี้เธอดูสวยสง่างดงามราวกับเป็นคนละคนด้วยชุดประจำชาติของเราจนกระหม่อมจำแทบไม่ได้”

เจ้าชายองค์เล็กแห่งอัลนูรีนเอ่ยพึมพำพร้อมด้วยรอยยิ้มอบอุ่น ดวงตาคมหวานซึ้งทอดมองแน่นิ่งอยู่ที่ดวงหน้าน่ารักน่าเอ็นดูโดยไม่วางตา

เจ้าชายซารีฟร์ละสายตาจากนาราพรรณหันไปมองอีกหนึ่งอิสตรีที่ยืนนิ่งใบหน้าดูซีดเซียวอยู่ข้างๆ กับแฝดน้อง เขากัดเม้มริมฝีปากแน่นด้วยความขัดเขืองตั้งแต่เดินเข้ามาในท้องพระโรงนาราภัทรไม่มองหน้าเขาแม้แต่วินาทีเดียวไม่มีแม้กระทั้งรอยยิ้มที่จะมอบให้กับเขาบ้าง ผิดกับคนอื่นไม่ว่าจะเป็นท่านพี่ฮารีฟร์หรืออนชุนาชารีฟร์ที่หญิงสาวจ้องมองตอบพร้อมกับมอบรอยยิ้มหวานพิมพ์ใจให้โดยไม่คิดปิดบัง

“เป็นพิธีแต่งงานที่ประทับใจน่าจดจำที่สุดเลยเนอะน้ำหนาว”

นาราพรรณเอ่ยเจื้อยแจ้วกับแฝดพี่ดวงตาคู่สวยกลมโตจับจ้องอยู่ที่พิธีการอภิเษกสมรสที่มาถึงช่วงการจดทะเบียนสมรสซึ่งมีท่านฑูตไทยประจำประเทศอัลนูรีนรวมทั้งภริยาได้เดินทางมาเป็นสักขีพยานด้วย เพราะมัวแต่สนใจเหตุการณ์ที่อบอวลไปด้วยความรักหญิงสาวจึงไม่ได้สังเกตสีหน้าแววตาของแฝดพี่“ใช่เป็นพิธีแต่งงานที่ประทับใจมาก เราคงไม่มีโอกาสได้สวมชุดแต่งงานสวยๆ เหมือนกับพี่น้ำเหนือ” นาราภัทรพึมพำเสียงแผ่วเบาดวงตาคู่สวยมีหยาดน้ำตาหล่อเลี้ยงและเมื่อหันไปมองบุรุษชาติอาหรับที่รักยิ่งซึ่งได้ขบฟันเบือนหน้าหนีก็ยิ่งทำให้เสียใจหนักเข้าไปอีก “ชารีฟร์จะเอาอะไรไหมพี่จะไปหาเครื่องดื่มสักแก้ว”เจ้าชายซารีฟร์เบือนหน้าหนีจากดวงหน้างามลออหันมาเอ่ยถามอนุชาซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันที่นาราภัทรได้หันมาทอดมองพอดี “ไม่พะยะค่ะ เชิญท่านพี่ตามสบาย” ผู้เป็นอนุชาเอ่ยตอบโดยไม่ได้ละสายตาไปจากดวงหน้าหวานน่ารักของหญิงงามที่รู้สึกเอ็นดูต้องตาต้องใจตั้งแต่แรกเห็น เจ้าชายนักรักทอดสายตามองเชษฐากับราชินีที่ได้นั่งคู่กันบนราชบัลลังก์รอรับการกล่าวคำอวยพรจากทูตานุทูต ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่รวมทั้งเหล่าองครักษ์ก่อนที่จะจากท้องพระโรงไปยังนอกพระราชวังเพื่อให้ปวงผองราษฎรอัลนูรีนได้กล่าวคำอวยพรและยลโฉมราชินีคนใหม่แห่งแผ่นผืนทะเลทรายบ้าง “ความรักของเรากับเจ้าไม่มีทางมาบรรจบคงจบสิ้นลงเพียงแค่นี้”เจ้าชายซารีฟร์พึมพำเสียงเศร้าทอดสายตามองนาราภัทรขณะที่เข้าไปอวยพรต่อจากทูตานุทูตจากประเทศต่างๆ แล้วก็ได้แต่ถอนหายใจยาวหนักหน่วงก่อนจะสาวเท้ายาวๆ ออกจากท้องพระโรงอัปเปหิตัวเองหลบไปพักรักษาหัวใจให้บรรเทาความปวดร้าวอยู่ในสวนพฤกษชาติที่เต็มไปด้วยดอกไม้นานาพรรณนาราภัทรมองตามเจ้าหัวใจที่เดินจากไปด้วยสายตาปวดร้าว เจ้าชายซารีฟร์โกรธเกลียดเธอมากถึงเพียงนี้เชียวหรือ?...แม้แต่การอยู่ร่วมกันในอาณาบริเวณแห่งนี้ยังไม่อยากอยู่ด้วยจนต้องหลบหนีทันทีที่โอกาสประจวบเหมาะ หญิงสาวก้าวเท้าช้าๆ ออกจากท้องพระโรงต้องการออกไปตามหัวใจของตนเองกลับคืนมาแต่เท้าเล็กที่ไร้เรี่ยวแรงนำพาเจ้าของเรือนกายก้าวเดินได้ไม่กี่ก้าวก็ทรุดฮวบลงไปกองกับพื้นพรมท่ามกลางเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจของแขกเหรื่อที่มาร่วมงาน

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์