โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

ภรรยาร้อนรัก

ตอนที่ 23 อ้อน

ตอนที่ 23 อ้อน

ท่านอ๋องเดินทางกลับจวนด้วยใบหน้านิ่งเรียบ ภายในใจนั้นกระวนกระวายมากมายนัก หวั่นเกรงว่าคู่หมั้นของเขานั้นจะตีจาก แล้วเขามิเคยต้องตาต้องใจสตรีนางใดมาก่อน หัวใจดวงนี้จะยอมรับความพ่ายแพ้ได้หรือ เขาจะมิยอมสูญเสียนางไปให้บุรุษที่มักมาก มากราคะเช่นนั้นเป็นแน่ เขาจะเดินหน้าพิชิตใจของนางให้จงได้ แน่ละว่าก็ถึงจวนของเขาต้องผ่านตลาด เช่นนั้นแล้วนางออกมาที่ตลาดเพื่อจะหาผลไม้เชื่อมกลับเข้าจวน เขาจะซื้อติดไม้ติดมือไปฝาก

“อาจง จอดรถร้านผลไม้เชื่อม เอามายี่สิบไม้ฝากนายหญิง แล้วก็ซื้อขนมเพิ่มอีกสักสอง สามอย่างนะ” คำเอ่ยเต็มปากเต็มคำนายหญิงของจวนอ๋องหรือก็คือชินหวางเฟย หากแต่งงานกันจริง ๆ เหล่าสาวใช้และบ่าวรับใช้ต้องเรียกนางว่า หวางเฟย แต่เขานั้นกำชับกำชาบ่าวไพร่ในจวนให้เรียกนางว่า นายหญิงทุกครั้งไป สร้างความเคยชินให้กับนาง

อาจงสารถีขับรถม้ารีบจอดตามนายท่านสั่ง พลางลงไปซื้อที่ร้านขาประจำ จนเจ้าของร้านนั่นอยากเห็นนายหญิงของจวนนี้เหลือเกิน บ่าวไพร่ทั้งหลายต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า นางงดงามราวกับเทพธิดา อีกทั้งกิริยานั้นงดงามยิ่งนัก และมิมีใครรู้ว่านางเป็นบุตรีของขุนนางท่านไหน รู้เพียงว่านางเดินทางมาจากแดนใต้ เป็นญาติของท่านแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่และเกรียงไกร

“นายท่านได้แล้วขอรับ แล้วให้จอดร้านขายดอกไม้หรือไม่ขอรับ” อาจงเอ่ยถามแต่ก็อดที่จะสงสัยไม่ได้ นายท่านของเขาซื้อผลไม้มากมายทำไมกัน อีกทั้งดอกไม้นั่นก็เหมือนกัน นายท่านก็ซื้อติดไม้ติดมือกลับจวนทุกครั้งไป เขามิเคยมีสตรีมาก่อนเลยมิเข้าใจ บุรุษเมื่อรักสตรีอย่างหมดใจต้องทำอะไร ๆ ให้มากมายขนาดนี้เลยหรือ หรือว่าเขาจะต้องหาสตรีมาเป็นภรรยาสักคน ถึงจะได้รับรู้รสสัมผัสที่วาบหวามนั่น

“แวะด้วย เดี๋ยวข้าจะลงไปซื้อเอง เจ้าก็จอดรถม้าไว้ที่ต้นไม่ตรงนั้นก็แล้วกัน” คำพูดซึ่งเป็นกันเองมิถือยศศักดิ์ให้ปวดหัว ทุกคนที่จวนหากไม่เรียกท่านอ๋องก็เรียกนายท่าน แล้วแต่ใครอยากเรียกแบบไหน เขามิเคยห้ามและห้ามเพียงอย่างเดียวคือมิต้องการให้ทุกคนในจวนใช้คำราชาศัพท์

“ขอรับนายท่าน”

สองเท้าหนาแกร่ง สวมรองเท้าสีดำมันวาว อาภรณ์ที่สวมใส่นั้นก็ปักลวดลายมังกรสี่เล็บ สามกวานทองคำปักปิ่นสีทองอร่ามลวดลายนั้นงดงามยิ่งนัก เหมาะสมกับบุรุษอย่างเขาเสียจริง เขาก้าวลงมาจากรถม้า สตรีทั้งหลายที่เดินจับจ่ายซื้อของอยู่นั่น พลันเห็นใบหน้าที่หล่อเหลา ล่อลวงแล้วใจของพวกนางนั้นสั่นระรัวยิ่งนัก แทบจะทะลุออกมา รอยยิ้มนั่นที่ทำให้สตรีทั้งหลายต่างพากันเหลียวหันมามอง

สตรีน้อยนางหนึ่งเดินเชิดหน้าขึ้นสูง นางมองเขาเช่นนี้เป็นเวลานานนับเดือน เขามักจะแวะมาซื้อดอกไม้ร้านตรงนี้เสมอ ๆ นางเป็นบุตรีของขุนนางในวังหลวง ตำแหน่งไม่ได้ใหญ่โตอันใด เพียงแต่นางนั้นชอบท่านอ๋องผู้นี้มากมายนัก และวันนี้นางจักต้องเข้าไปพูดคุยให้จงได้

ว่าแล้วสองเท้าเล็ก ๆ ของนางอาภรณ์ที่นางสวมใส่นั่งก็งดงามไม่เบาบ่งบอกฐานะของคุณหนูตระกูลขุนนางได้อย่างดีเยี่ยม รูปหน้าหรือก็ออกจะงดงามอยู่มาก ใบหน้ารูปไข่ ผมสีน้ำหมึกยาวสลวยรวบเก็บเพียงครึ่งศีรษะปักปิ่นหยกมรกตเพียงชิ้นเดียวเท่านั้น ร่างบอบบางเดินทำทีเข้าไปซื้อดอกไม้แต่นางหวังว่าจะได้พูดคุยกับเขาบ้างก็เท่านั้น

“ท่านอ๋องวันนี้รับดอกไม้แบบไหนดีเจ้าคะ” สตรีสูงวัยเอ่ยถามท่านอ๋องที่วันนี้แต่งตัวอย่างเต็มยศ และท่านอ๋องผู้นี้ยังเป็นลูกค้าประจำที่ร้านของนางอีกด้วย

“ท่านป้า วันนี้ข้าอยากได้ดอกไม้แสดงถึงความรัก รบกวนท่านป้าด้วย” ท่านอ๋องมีท่าทีนอบน้อมต่อสตรีสูงวัย เนื่องด้วยเพราะเขานั้นสูญเสียมารดาไปตั้งแต่เด็ก ๆ อีกทั้งบิดาก็ร่วมสงครามปราบปรามศัตรูจนชีวิตหาใหม่ และเขาจึงได้ดำรงตำแหน่งท่านอ๋อง แทนบิดามานานแล้ว

สตรีสูงวัยเจ้าของร้านดอกไม้ เลิกคิ้วขึ้นพลางอยากจะซักถามสักสองสามคำแต่ก็มิกล้า จึงได้เพียงแย้มยิ้มรับคำเท่านั้น และดูท่าว่าท่านอ๋องคงจะมอบดอกไม้ช่อนี้ให้ครักของเขาเป็นแน่ เช่นนั้นแล้ววันนี้นางจะทำให้งดงามที่สุด ว่าแล้วมือเหี่ยวย่นแห่งกาลเวลา

นางหยิบดอกไม้สีแดงเป็นดอกเหมยกุ้ย (กุหลาบ) ขึ้นมาสามดอก แสดงถึงว่าเขารักนาง และดอกไม้สีขาวเป็นดอกเหมยกุ้ย ขึ้นมาอีกสามดอกเช่นเดียวกัน แสดงถึงวงความรักอันบริสุทธิ์มิหวังสิ่งตอบแทน และอีกช่อเล็ก ๆ นั่นคือ ดอกโมลี่ฮวา (ดอกมะลิ) นั่นแสดงถึง นางคือคนที่เขารักที่สุดและสุดดวงใจมีเพียงนางเท่านั้น ความหมายดีเช่นนี้ นับว่าสตรีนางนี้นั้นวาสนาดีเยี่ยม ที่มีท่านอ๋องผู้นี่รักใคร่

สตรีสูงวัยรีบจัดดอกไม้ตามคำกล่าว พลันได้ยินเสียงของสตรีน้อยนางหนึ่งซึ่งนางก็เป็นลูกค้าของนางเช่นเดียวกัน จึงได้วางมือจากช่อไม้ลงก่อน พลางเดินออกมา ถามไถ่ว่าจะรับดอกไม้แบบไหนกัน

“ท่านป้า ข้าอยากได้ดอกไม้สักช่อเจ้าคะ จะไปจัดแจกัน” คุณหนูเหอต้าหนิง บุตรีใต้เท้าเหอ แห่งวังหลง เอ่ยอย่างนอบน้อม พลางแย้มยิ้มอย่างงดงามมากมายให้บุรุษที่ยืนอยู่ เยื้องกันกับนางได้ยินอีกทั้งกิริยาทั้งหมดนั่นก็อยากให้เขาเมียงมองมาทางนางบ้าง

“เช่นนั้นรอเดี๋ยวนะคุณหนู ข้าเร่งทำช่อดอกไม้ให้ท่านอ๋องสักประเดี๋ยว” ท่านป้าเจ้าของร้านรีบเอ่ย เพราะนางมิอยากจะให้ท่านอ๋องนั้นรอนานจนเกินไป เกรงว่าจะทำให้ท่านอ๋องไม่พอใจประเดี๋ยวจะไม่ซื้อดอกไม้ร้านนางอีกทั้งยังอดได้รางวัลก้อนโต ที่ท่านอ๋องมักมอบให้นางเสมอ

“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ท่านป้าเชิญตามสบายเถิด เดี๋ยวข้านั่งรอตรงนั้นก็ได้” คุณหนูเหอต้าหนิง เอ่ยออกมา พลางเดินตรงไปทางท่านอ๋องที่ยืนหน้านิ่งเรียบเฉย สองมือไพล่หลังดูน่าเกรงขามและมีเสน่ห์เหลือล้น

“ว๊าย ช่วยด้วย” เสียงหวานนั่น นางกำลังจะล้มหน้าทิ่มลงพื้น เพราะนางสะดุดปลายกระโปรงของตนเอง มารยาตื้นๆ ที่นางทำนั้น ท่านอ๋องมิได้ช่วยเหลือนางสักนิด เขาเพียงปลายหางตามองนางเท่านั้น “ท่านอ๋องช่วยหม่อมฉันด้วยเพคะ” คำเอ่ยที่แสนหวานนั่นส่งถึงบุรุษหน้านิ่ง มิยิ้มแย้มสักนิดเหมือนเมื่อครู่ ที่เขาพูดคุยกับท่านป้าเจ้าของร้าน

“คุณหนู เป็นอะไรมาป้าช่วย” สตรีสูงวัยเจ้าของร้านได้ยินเสียงร้องขึ้น รีบวางดอกไม้ที่กำลังจัดลงอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังเดินอย่างคล่องแคล่วว่องไว มาถึงตัวของคุณหนูน้อยนางนี้ทันที พลางเอ่ยอยากจะช่วยพยุงตัวนางให้ลุกขึ้น

“ขอบคุณท่านป้า ข้าซุ่มซ่ามเจ้าค่ะ สะดุดกระโปรงตนเองล้ม ดูสิขาของข้า มีเลือดไหลออกมาด้วย” โบราณว่าสตรีในห้องหอนั้นไม่สามารถเปิดผิวพรรณใต้ล่มผ้าให้ใครได้เห็น แต่สตรีนางนี้กลับเปิดกระโปรงขึ้นให้เขามองเรียวขาที่ขาวและสวย นางเปิดจนถึงโคนขาที่ขาวเป็นยองใย แต่ท่านอ๋องผู้นี้มิได้ใส่ พลางเดินหนีไปอีกทาง ทำให้สตรีน้อยนางนี้ หน้าแตกเป็นเสี่ยง ๆ เขามิยอมช่วยพยุงอีกทั้งยังไม่มองขาอ่อนของนางที่อุตส่าห์เปิดล่อตาล่อใจให้ท่านอ๋องผู้นี้หลงเสน่ห์นาง

“นั่งรอสักครู่ ประเดี๋ยวข้าจะมาทำแผลให้คุณนะเจ้าคะ” สตรีสูงวัยรีบเอ่ย พลางจะเข้าไปหาอุปกรณ์มาทำแผลให้สตรีน้อยนางนี้

“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ท่านป้าตามสบายเถิดรีบทำดอกไม้ให้ท่านอ๋องเสีย เดี๋ยวท่านอ๋องจะกริ้วเอาได้” เหอต้าหนิงเอ่ยขึ้น ใบหน้าของนางยังยิ้มแย้ม แต่ในใจนั้นร่ำร้องเสียอกเสียใจที่ท่านอ๋องทั้งเมินเฉยมิเหลียวแลสักนิด หรือว่านางจะต้องใช้แผนบีบให้มารดาของนางเข้าเฝ้าท่านอ๋องที่จวนดี

‘มารยา’ คำเอ่ยที่เกิดขึ้นในสมองของทันอ๋องมิได้เอ่ยออกไป เกรงว่าตนจะเป็นบุรุษใจยักษ์เสียได้ เขาจะเร่งรีบกลับจวน แต่สตรีนางนี้ให้เล่ห์ให้เขากลับจวนพบนางช้าลง เขารู้ทุกอย่างมิได้โง่เขลาอย่างนางเสียที่ไหน ‘มิรู้ว่าเล่นกับใคร อยากจะมีสามีจนตั่วสั่น ดีนัก ข้าจะจัดหาสามีให้เจ้าอย่างถึงใจ’

จวนท่านอ๋อง

สองเท้าหนาแกร่งรีบลงจากรถม้าด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม สายตาของเขามองที่ช่อดอกไม้ในมือที่ท่านป้าเจ้าของร้านจัดให้อย่างสวยงามและถูกใจเขาอย่างยิ่ง อีกทั้งความหมายนั้นดียิ่งนัก และหวังว่านางจะชอบดอกไม้ที่เขามอบให้นางในวันนี้ สองเท้าก็ก้าวย่างเข้าไปในจวน ตรงไปที่เรือนรับรองที่นางนั้นพักอยู่ที่นั่น มือหนานั้นกอบกุมดอกไม้ไว้ด้านหลังแกร่งหนาของตน เดินอย่างยิ้มแย้มสดใสมากกว่าทุกวัน บ่าวไพร่เห็นจนชินตากับเจ้านายของตนที่มีทีท่าเปลี่ยนไปตั้งแต่รับนายหญิงเข้ามาอยู่ที่จวน

“หรงเอ๋อ ของพี่ อยู่ที่ไหนกัน” ท่านอ๋องหยุดอยู่ที่หน้าเรือนรับรองหลังใหญ่โตไม่เบาในสายตาของบ่าวรับใช้ทั้งหลาย แต่เขากลับมองว่านางอยู่ในเรือนหลังเล็ก ๆ เท่านั้น เขาอยากให้นางพักที่เรือนของเขามากกว่า กว้างขวางและใหญ่โตกว่านี้หลายเท่านัก แต่นางมิยินยอมเขาจึงได้แต่ตามใจนางก็เท่านั้น

อาจงรีบตามเข้ามาสมทบกับเจ้านายในมือของเขานั้นมีผลไม้เชื่อมที่ใส่ในถ้วยเล็ก ๆ หลายใบ อีกทั้งยังมีขนมนุ่มนิ่มที่นางชอบทานอีกด้วย “นายท่าน เงียบจริงๆ ขอรับ” อาจงรีบเอ่ย ทว่าไม่ทันขาดปาก กลับได้พบร่างงามของนายหญิงที่เดินออกมาจากด้านในเรือนพร้อมด้วยสาวใช้ตัวเล็ก ๆ

“กลับมาแล้วหรือเจ้าคะ เหนื่อยหรือไม่มาเจ้าค่ะ เข้าเรือนกัน” คำกล่าวของนางช่างบ่งบอกว่านางคิดอ่านประการใด

“พวกเจ้าสองคนเอาขนมเข้าไปวางข้างในเสีย แล้วไปทำงานของตนเองเสียไม่เอ่ยห้ามเข้ามา เข้าใจหรือไม่ ถิงถิง” คำเอ่ยเหมือนมีบางอย่างซ่อนเร้น แต่ประโยคหลังนั้นเน้นเอ่ยกับเด็กน้อยที่ทำหน้าตาสงสัยยิ่งนัก นางเพียงยิ้มรับพยักหน้าทำตามคำสั่งอย่าว่าง่าย นางกลัวว่านายท่านจะไม่เอ็นดูให้นางอยู่กับพี่สาวฟางหรง แล้วให้นางทำงานหนัก ๆ ตัวของนางก็ยิ่งเล็ก ๆ จะทำไหวได้เช่นไร

เมื่อสองคนเดินเข้าในเรือนแล้ว ฟางหรงนั่งลงที่เก้าอี้ ส่วนท่านอ๋องนั้นนั่งลงเก้าอี้อีกตัว ข้าง ๆ กับนาง เขายื่นดอกไม้ออกมาให้นางเหมือนเช่นเคย แต่วันนี้กลับเป็นดอกไม้ที่มีความหมายยิ่งนัก

“หรงเอ๋อ ชอบหรือไม่” เขาเอ่ยถามก่อน เมื่อนางรับดอกไม้ไปจากมือเขา นางแย้มยิ้มเหมือนเช่นเคย มิได้กล่าวอันใดออกมา เพียงแค่นางสูดดมช่อดอกไม้นั่น ทำให้เขานั้นคิดอิจฉายิ่งนักหวังให้นางได้สูดดมพวงแก้มของตนเองแทนช่อดอกไม้นี้ได้บ้างหรือไม่ หรือว่าวันพรุ่งนี้ เขาจะผูกตัวเองเป็นของขวัญให้นางดีกว่าเจ้าดอกไม้พวกนี้

“พี่รักเจ้านะ รักมากด้วย”

“ท่านอ๋อง วันนี้ข้าเจอเขามาเจ้าคะ ถงหยางจงสามีของข้า”

“เช่นนั้นหรือ พี่มิให้เจ้ากลับไปหาเขาเป็นแน่ เจ้าเป็นคู่หมั้นของพี่อย่าลืมเสียเล่า และพี่รักเจ้าสุดหัวใจ หัวใจดวงนี้เป็นของเจ้า หากเจ้ากลับไปเกรงว่าวันนั้นพี่มิอาจจะมีชีวิตอยู่อีกต่อไป” คำเอ่ยเหมือนว่าเขาแสดงความเป็นเจ้าของอีกทั้งยังเอ่ยว่ารักนางสุดหัวใจ บุรุษผู้นี้พูดจาช่างตรงกับใจยิ่งนักมิได้อ้อมค้อม หรือพูดจาอ่อนหวานเหมือนบุรุษทั่วไป เขาคิดแบบไหนกับนางก็เอ่ยออกมาตรง ๆ จนผู้ที่รับฟังนั้นนิ่งเงียบไม่พูดอันใด แต่ในใจของนางนั่นก็สั่นไหวกับคำกล่าวที่ว่ารักนาง

“ดอกไม่เหล่านี้มีความหมายว่าอย่างไรกันเจ้าคะ” นางรีบเอ่ยเปลี่ยนเรื่อง

“หรงเอ๋อ” เขารีบเอ่ยขึ้น เพราะนางเปลี่ยนเรื่อง และนางก็มิเคยตอบรับคำกล่าวที่เขาพร่ำบอกนางทุกวันเช่นนี้ มือหนานั้นโอบกอดเอวบางของนางทันที คางของเขาเกยที่ไหล่มนของนาง นางไม่ว่ากล่าวอันให้เขาได้ซบไหล่ของนางก็ได้เพราะนางชมชอบให้เขานั้นออดอ้อนเช่นนี้ ช่างน่ารักเหลือเกิน“อีกสองเดือนเราแต่งงานกันนะ พี่จะจัดงานให้เจ้าอย่างสมเกียรติและยิ่งใหญ่” “ท่านอ๋อง เร็วไปเจ้าคะ ข้า...” นางกำลังจะเอ่ยขึ้น แต่ถูก จมูกโด่งคมสันนั้นกดเข้าที่แก้มนุ่มของนาง พลางสูดจนขึ้นเสียงดัง ฟอด ๆ ไปหลายครั้ง ใบหน้าของนางแดงระเรื่อพลางเขินอายที่บุรุษผู้นี้หลอกกินเต้าหู้นางอีกแล้ว มือเรียวพลางตีที่แขนแกร่งของเขาที่โอบกอดเอวบางของนาง“เจ้ากล้าตีพี่หรือ” เขาเอ่ยดุอย่างไม่จริงจัง ใบหน้านั้นก็เหมือนอมยิ้มอยู่บางเบาเมื่อเขากลั่นแกล้งให้นางได้โมโห“ข้าตีให้มากกว่าหากท่านชอบหลอกกิน...” นางยังเอ่ยไม่ทันจบออีกประโยก ริมฝีปากหนาก็ทาบทับริมฝีปากบางของนาง เขาจุมพิตที่ริมฝีปากบางของนางอย่างกระหายหิว ลิ้นซากหนาซอกซอนตวัดเกี่ยวรัดลิ้นของอีกฝ่ายไว้ ทั้งคู่ผลัดกันชิมน้ำหวานของอีกฝ่ายอย่างเร่าร้อนและร้อนแรง ฟางหรง หลงลืมตัวว่านางมิสมควรเป็นสตรีใจง่าย และน่าอายเช่นนี้ พลันมือเรียวจึงได้ตีเข้าที่ลำตัวของท่านอ๋อง อีกครั้งหนึ่ง ก่อนที่เขาจะทอดถอนริมฝีปากหนาออกจากริมฝีปากนางอย่างเสียดายใบหน้าหล่อเหลายกยิ้มจนตาหยี พลันเสียงทุ้มนุ่ม อบอุ่นได้เอื้อนเอ่ยอีกครั้ง “พี่ขอโทษ พี่รักเจ้านะ รักมากด้วย แต่งงานกันเถิดนะ หากเจ้าไม่แต่งกับพี่ เกรงว่าจะหาสาวใช้อุ่นเตียงสักคนสองคน” “ท่านกล้าหรือ” นางเลิกคิ้วขึ้นสูงอย่างสงสัย ว่าเขานั้นกล้ามีสาวใช้อุ่นเตียงเช่นนั้นหรือ เพราะตั้งแต่ที่นางอยู่ที่จวนก็มิเคยเห็นเขาเรียกสาวใช้เข้าไปอุ่นเตียงให้เขาเลย และคนในจวนนั้นพูดเป็นเสียงเดียวกัน ท่านอ๋องมิเคยพาสตรีใดเข้าจวนมาก่อน กระทั่งสาวใช้อุ่นเตียงก็ไม่มี“อืม ไม่กล้า” เสียงที่เอ่ยนั้นแผ่วเบาที่ข้างหูของนาง ทำให้นางรู้สึกร้อนวูบวานอย่างไรชอบกล แต่เขาก็ยังไม่หยุดเอ่ยอีก “พี่พูดเล่นเท่านั้น ใครจะกล้าเล่ามีเจ้าอยู่ทั้งคน” แขนแกร่งโอบกอดสตรีที่เขานั้นรักไว้แนบอกแกร่งของเขา เขาจะมีนางเพียงผู้เดียว และนางจะเป็นภรรยาของเขาเพียงผู้เดียว

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์