โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

ภรรยาร้อนรัก

ตอนที่ 24 อ้อนอีกแล้ว

ตอนที่ 24 อ้อนอีกแล้ว

“หรงเอ๋อ อร่อยหรือไม่” ท่านอ๋อง ผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ เป็นชุดลำลอง สีสันนั้นเบาบางแต่ท่านอ๋องนั้นสวมใส่อันใด ก็ดูหล่อเหลามากมายนัก ฟางหรงนั่งกินผลไม้เชื่อมที่ท่านอ๋องนั้นซื้อมาฝาก อีกทั้งยังมีขนมนุ่มนิ่มน่ากินอีกสองสามอย่างที่นางชอบ ใจจริงวันนี้นางออกไปเพื่อซื้อขนม แต่ดันไปเจอบุรุษผู้นั้นที่เป็นสามีเก่าที่นางนั้นจำเขามิได้สักนิด เช่นนั้นนางจึงได้รีบกลับจวนเช่นนี้ ขนมก็มิมีติดมือกลับมา ช่างน่าเสียดายยิ่งนัก

“อร่อยเจ้าคะ ท่านอ๋องมิทานด้วยกันหรือเจ้าคะ” มือเรียวนั้นจับตะเกียบคีบ ขนมนุ่มนิ่มเข้าปากเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย พวงแก้มทั้งสองนั้นอวบอิ่มเพราะได้รับการดูแลและถูกบำรุงด้วยสมุนไพรล้ำค่า ที่เขานั้นจัดหาให้นางได้ดื่มเพื่อสุขภาพของนาง

นางถูกพิษสะสมในร่างกายเป็นจำนวนมาก ต้องการ การรักษาอย่างเอาใจใส่ให้ดี อีกทั้งพิษนั้นยังทำให้นางดูหม่นหมองและผิวแห้งหยาบกร้าน แต่ได้ยาบำรุงล้ำค่านี้ นางดื่มกินมาสาม สี่ เดือน ผิวพรรณของนางทั้งผ่องใสผุดผาดยิ่งนัก ใบหน้าของนางก็อวบอิ่ม พวงแก้มทั้งสองนั้นแดงระเรื่อมิต้องทาสีชาดแต่อย่างใดกลับงดงามยิ่งนัก รูปร่างก็ยังอรชรอ้อนแอ้นมิให้อวบอ้วน อีกทั้งนางยังมีเสน่ห์เหลือร้ายอีกด้วย

“พี่เห็นเจ้าทานพี่ก็อิ่มแล้ว พี่อยากกินเจ้ามากกว่า” เขาว่า อยากจับนางกินจนใจจะติดเพียงหวั่นเกรงว่ากลัวนางจะเสียหายไปมากกว่านี้ เขาจึงทำได้เพียงแค่จุมพิตและจับมือนุ่มนิ่มของนางเป็นครั้งคราวเท่านั้น หากทำเช่นนี้บ่อย ๆ นางก็ชอบทำตัวห่างเหินเพราะมิพอใจที่เขานั้นชอบหลอกกินเต้าหู้ ใครใช้ให้นางมีกลิ่นกายที่หอมชวนหลงใหลเช่นนี้เล่า จะหักห้ามใจก็แสนละลำบากเหลือเกิน

“หืม ว่าอย่างไร ข้าได้ยินไม่ถนัด” ฟางหรงได้ยินเต็มสองรูหู แต่กระนั้นก็ยังอดมิได้ ที่นางจะแกล้งย้อนถามเขาอีกสักครั้ง ดูสิว่าจะกล้าพูดเช่นนี้อีกหรือไม่ ช่างร้ายกาจเหลือเกิน

“พี่อิ่มอกอิ่มใจยิ่งนักที่เจ้าชอบ เช่นนั้นพรุ่งนี้เราไปที่ตลาดดีหรือไม่” ผู้ที่หล่อเหลา ช่างหลอกล่อนางให้ตายใจเหลือเกิน แผนการเดินตลาดคือการเปิดตัวนางในฐานะคู่หมั้นของเขา

“ท่านอ๋องต้องทำงาน ข้าเกรงว่าจะทำให้ท่านเสียงานเสียการเพราะข้าเจ้าคะ” นางเอ่ยออกมาเพราะทุกวันนี้ท่านอ๋องทำงานหนัก ห้ามรุ่งห้ามค่ำ นางนั้นก็ทำได้เพียงมองดูเขา แต่ช่วยเหลืออันใดไม่ได้ นางไม่มีประโยชน์เป็นเพียงตัวถ่วงเขาเท่านั้น

หากว่าเขาแต่งงานกับสตรีที่มากความสามารถละก็คงจะช่วยแบ่งเบาภาระอันหนักอึ้งนี้ได้ นี่คือส่วนสำคัญที่นางยังไม่ยอมตกลงปลงใจแต่งงาน เพียงแค่นางรับการหมั้นหมายไว้ เพื่อให้เขาได้คิด อย่างถี่ถ้วนว่านางนั้นช่วยอะไรเขาไม่เลยสักอย่าง เป็นเพียงภาระที่เขาต้องเลี้ยงดูไปตลอด ซึ่งนางนั้นละอายใจยิ่งนัก

“เสียงานอันใดกัน พูดไปเรื่อย เพื่อเจ้าแล้วพี่ยอมทั้งนั้น แล้วอย่าคิดว่าตนเองนั้นต่ำต้อยมิคู่ควรกับพี่ เจ้าคือคนที่มีค่าที่สุดในชีวิตของพี่ ผู้อื่นว่าอย่างไรจะสนใจไปไย ในเมื่อพี่รักเจ้าและเจ้ารักพี่ผู้อื่นช่างมันปะไร” มือหนากอบกุมมือเรียวของนางไว้อย่างอ่อนโยน

สายตาของเขานั้นอบอุ่นยิ่งนัก เขารักนางด้วยหัวใจทั้งหมด ไม่ใช่เพียงว่านางนั้นงดงาม แต่จิตใจของนางนั้นยังเลิศล้ำเสียด้วย นางมิต้องการอำนาจเหมือนสตรีนางอื่น ที่เข้ามาหาเขาโดยมีจุดมุ่งหมาย แต่นางนั้นมิใช่ อีกทั้งยังไม่ยอมแต่งงานกับเขาเสียที แค่นี้ก็รู้แล้วว่านางคิดอ่านประการใด นางมักคิดว่าตนเองนั้นด้อยค่า เป็นตัวถ่วง ตัวถ่วงแล้วอย่างไรใครสนเขาสนใจนางเพียงคนเดียวก็พอ

“เจ้าค่ะ ตอนเย็นวันนี้ พ่อบ้านฉางเอ่ยว่ามีงานแสดงของขณะงิ้ว” นางอยากไปดู เพราะนางมิเคยได้ดูเลยสักครั้ง ความทรงจำไม่มีภาพเหล่านี้เลย

“ได้สิ” เขารับคำอย่างว่าง่าย มองดูนางคีบขนมเข้าปากเคียวอย่างอร่อย เพียงแค่นี้เขาก็มีความสุขมากแล้ว พลันยาบำรุงกลิ่นฉุนถ้วยเล็กที่ถิงถิง นั้นเป็นผู้นำมาให้จากการเคี่ยวของท่านหมอประจำจวน เป็นท่านหมอคนเดียวกับที่รักษานางที่แดนใต้ครั้งนั้น

ถิงถิง วางถ้วยยาบำรุงลงตรงหน้าของพี่สาวที่นางมักชอบเอ่ย และถิงถิงก็เดินออกไป เมื่อมองสายตาของนายท่านที่บ่งบอกพยักพเยิดให้นางออกไปจากตรงเสีย เขาอยากอยู่กับนางเพียงลำพัง มิอยากให้ผู้ใดมาเป็นก้างชิ้นโตขวางลำคอเขา

“ท่านอ๋อง ข้าไม่ดื่มยาบำรุงอีกได้หรือไม่ มันขมเหลือเกิน” นางว่า พลางวางมือจากขนมที่นางยังกินไม่หมด

“พี่อุตส่าห์มีขนมมาให้ขนาดนี้ ยังงอแงเรื่องยาบำรุงอีกหรือ” เขาว่า ซื้อขนมมาให้นางตั้งมากมายเพื่อให้นางดื่มยาบำรุงที่เขานั้นอุตส่าห์เสาะแสวงหามาให้นาง

“ก็มันขมนี่นา ฝืดคอไปหมด” นางว่า เพราะดื่มยาบำรุงเข้าไปทีไร น้ำหูน้ำตาของมักจะไหลอาบแก้มสองข้างยิ่งนัก วันนี้ดีที่ท่านอ๋องอยู่ นางจะอ้อนเขาเพื่อจะไม่ได้กินยานี้สักวัน

ส่วนมากพ่อบ้านฉางจะนำยานี้มาให้นางเองและดูนางดื่มจนหมดถ้วยหากไม่หมดถ้วยละก็เขาจะลงโทษให้นางยืนนิ่งๆ นาน ๆ พ่อบ้านฉางช่างน่ากลัวยิ่งนัก กล้าลงโทษนาง แต่นางก็ไม่ได้ฟ้องท่านอ๋องสักครั้งเพราะนางผิดที่คิดจะงอแงเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ ที่พูดมิรู้ความ

“วันนี้ไม่ขมหรอก มานี่มา มานั่งใกล้ๆ พี่ประเดี๋ยวพี่จะป้อนเจ้าเอง” เขาว่าพลางให้นางมานั่งที่เก้าอี้ข้างๆ เขา นางนั้นหน้าหงิก หน้างอแต่ก็ต้องทำตามอย่างหลีกเลี่ยงมิได้ เมื่อดูสายตาที่เขียวเข้มของเขาแล้ว นางกลัวเขาโกรธเลยไม่กล้างอแง ท่านอ๋องช่างน่ากลัวยิ่งนัก มือหนาแกร่งยกถ้วยขึ้นจ่อที่ริมฝีปากของตนเอง พลางเป่าลมอย่างแผ่วเบาเพื่อดับความร้อนของสมุนไพรล้ำค่าในถ้วยนี้

ฟางหรงนั่งหน้าถอดสีไปหลายส่วน พลางกระอักกระอ่วนมิอยากกินยางถ้วยนี้เสียจริง นางอยากจะร้องไห้ออกมาดัง หรือไม่ก็ร้องไห้เสียงหลงไปเลย ‘ไม่อยากกินเข้าใจหรือไม่’ มือหนาจ่อถ้วยยาสมุนไพรที่ริมฝีปากขอนาง นางขืนตัวมิยอมอ้าปากออกเช่นนั้นเขาจึงได้เปลี่ยนแผนใหม่

มือหนาของเขายื่นไปด้านหลังพลางกดท้ายทอยของฟางหรงเอาไว้ แล้วเขายกยาสมุนไพรถ้วยเล็กใส่ปากของตนเอง พลางทาบทับที่ริมฝีปากของนางจนนางนั้นต้องเผยอปากรับสมุนไพรลงคอไป ลิ้นซากของเขาดูดดื่มที่ลิ้นบางของนางเพื่อเป็นการลงโทษที่มิยอมกินยา ดวงตาของนางนั้นหลับพริ้มรับรสสัมผัสที่วาบหวาม ถึงแม้ว่ายาถ้วยนี้จะเฝื่อนฝาดแต่กลับหวานหอมยิ่งนักเมื่อเขาเป็นคนป้อนให้นาง มือหนายังกดท้ายทอยของนางไว้ อีกมือหนึ่งนั้นโอบกอดเอวบางของนางอย่างตั้งใจ พลางพยุงตัวของนางลุกขึ้น อุ้มนางขึ้นแนบอก จากนั้นสองเท้าหนาแกร่งเดินพานางไปที่เตียงนอน

เขาวางนางลงที่เตียงนอนหลังใหญ่ที่นอนได้ถึงสามคน ภายในห้องนี้นั้นเงียบสงัดมิมีสาวใช้สักคนอยู่ให้รกหูรกตาของท่านอ๋อง ฟางหรงนอนราบกับเตียงพลางมองใบหน้าที่หล่อเหลายกยิ้มกรุ้มกริ่มส่งให้นาง เขาเอนกายลงที่เตียง นอนข้าง ๆ พลางโอบกอดและจุมพิตนางอีกครั้ง แต่ครั้งนี้กลับเนิ่นนานยิ่งนัก ฟางหรงมิได้ขัดขืน นางเป็นของเขาชีวิตก็เป็นของเขา หากเขาไม่ช่วยนางไม่ดูแลนาง ป่านนี้นางคงไปเฝ้าเง็กเซียนเสียแล้ว

มือหนากอดเอวบางของนางไว้ ริมฝีปากของเขานั้นยังจุมพิตนางไม่เลิกรา เขาส่งเสียงครางอยู่ในลำคอ แก่นกายของเขาชูชันขึ้นเสียดสีที่หน้าท้องของตนเอง เขาอึดอัดอยากจะปลดปล่อย เพียงแต่เขาต้องหยุดลงอย่างเสียดาย นางไม่เอ่ยท้วงติงแต่เขาจะทำเกินเลยอีกไม่ได้แล้ว เขาผละออกจากริมฝีปากบางอย่างเสียดาย พลางโอบกอดนางไว้ข้างๆ อย่างทะนุถนอม

“หรงเอ๋อ พี่รักเจ้าเหลือเกิน เมื่อไหร่จะแต่งงานกับพี่เสียที” เขานอนตะแคง แขนแกร่งข้างหนึ่งยกขึ้นตั้งฉากรอรับศีรษะของตนเองไว้ อีกข้างหนึ่งนั้นเป็นหมอนรองให้นาง เขาหันหน้าเข้าหาร่างบางของคนรัก สายตานั่นดูเว้าวอนนางยิ่งนัก เสียงที่เอ่ยก็ดูเหมือนว่าจะเศร้าสร้อยเล็กน้อย

“รอให้น้องเล็ก เดินทางกลับเมืองหลวงเสียก่อน แล้วข้าจะแต่งงานกับท่าน ท่านพี่” นางว่าพลางแย้มยิ้ม อีกสามวันน้องสาวของเขาจะกลับมาอยู่ที่เมืองหลวง เพราะท่านแม่ทัพแดนใต้ที่เป็นน้องเขยนั้น ได้รับพระราชทานอนุญาตให้กลับมาประจำการที่เมืองหลวง แดนใต้ไม่มีอะไรให้ห่วงแล้ว

“จริงหรือ ดียิ่งนัก ทำไมพี่มิรู้เรื่องเลย เจ้าบ้านั่นปิดพี่เป็นแน่ เห็นทีต้องชำระความเสียแล้ว” เจ้าบ้านั่นคือท่านแม่ทัพ สหายของเขา ดูแล้วว่าท่านแม่ทัพคงต้องการปิดเรื่องการเดินทางกลับ ใบหน้าที่เขานั้นยิ้มจนไม่อาจจะหุบลงได้ หวั่นว่าที่นางเอ่ยนั้นเป็นเพียงความฝัน “ตีพี่หน่อย พี่หลับอยู่กระมัง” เขาว่าพลางให้นางลงมือตีเขาสักนิด ดูสิว่าตนเองจะเจ็บหรือไม่ เขาไม่อาจจะให้มันเป็นเพียงความฝันเท่านั้น

“เจ้าค่ะ” นางหยิกที่หน้าท้องของเขา จนเขานั้นหัวเราะเสียงดังทีเดียว

“ไปดูงิ้วกันเถิด” สองคนนอนพูดคุยกะหนุงกะหนิงตามประสาคนรักกัน และไม่มีอะไรเกินเลยไปกว่าการจุมพิตและหอมแก้ม เขาลุกขึ้นยืนที่ด้านล่าง พลางจัดชุดให้เข้าที่อย่างเรียบร้อย จากนั้นก็อุ้มฟางหรงขึ้นจากเตียงนอนแล้ววางนางลงยืน สองมือหนาแกร่งของเขาจัดชุดของนางให้เข้าที่เช่นกัน สองเท้าหนาแกร่ง และสองเท้าเล็ก ๆ เดินออกจากเรือนนอน สองมือหนากอบกุมมือเรียวเอาไว้ กลัวว่านางจะหายไปไหน ท่านอ๋องเดินจูงมือของฟางหรง ใบหน้าของบุรุษนั้นยิ้มแย้มไม่หุบเสียที เขาดีใจที่จะได้แต่งงานกับนางแล้ว

เหลาอาหารชั้นหนึ่ง

โต๊ะตัวใหญ่ด้านซ้ายมือเกือบหลังสุด มีฟางหรงและท่านอ๋องนั่งดูการแสดงงิ้วอยู่ ใบหน้าของฟางหรงนั้นทำให้เหล่าบุรุษที่อยู่ในห้องโถงกลางนี้ หันมองนางเป็นตาเดียว และบุรุษผู้นั้นที่นั่งจับมือของนางไว้มิยอมปล่อย เขาแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของอีกทั้งบุคลิกโดดเด่นและราศีแตกต่างจากชนชั้นสามัญ จนบุรุษทั้งหลายต่างพากันหลบหลีกสายตาที่ดูจะแค้นเคือง อีกทั้งยังแผ่กลิ่นอายที่น่าอึดอัดออกมา เป็นภาพบาดตาบาดใจของใครบางคนยิ่งนัก หนึ่งในนั้นมี แน่นางเหอต้าหนิง อยู่ด้วย นางนั่งอยู่กับบิดาและมารดา ด้านหน้าเวที และคนที่สองที่ชำเลืองมองภรรยารักไม่วางตาก็เห็นจะเป็นถงหยางจงที่เขานั้นมากับภรรยาที่กำลังตั้งครรภ์อยู่ ผิงอันอดไม่ได้ที่จะหันเหมองตามสายตาของสามีที่เขาจดจ้องสตรีนางนั้นจนออกนอกหน้า มิสนใจนางสักนิด

ว่านเฟยเทียนหรือท่านอ๋อง มองการแสดงงิ้วที่ตัวละครแต่ละตัวนั้นโดดเด่นยิ่งนัก อีกทั้งฝีมือการแสดงก็ล้ำเลิศ ท่วงทำนองขับขานช่างไพเราะเสียจริง ใบหน้ายิ้มแย้มของฟาหรงนั่นทำให้รอบตัวของเขามีความสุขยิ่งนัก มือหนาของเขายังจับมือของนางไม่ปล่อย

“ทานข้าวเสียหน่อยอย่ามัวแต่ดูอย่างเดียว” เขาเอ่ยดุพลางเป็นห่วง มือหนาเลยปล่อยมือของนางให้เป็นอิสระ เขาแกะก้างปลาออกพลางคีบป้อนเข้าปากให้นาง นางอ้าปากรับพลางเคี้ยวอย่างอร่อย นางมิได้สนใจสายตาของใคร ๆ ที่มองนาง นางเพียงสนใจงิ้วข้างหน้ามากกว่าสนใจรอบข้าง

“อร่อยมากเจ้าคะ” นางว่า พลางเคี้ยวตุ้ย ๆ โดยที่มือของนางเพียงจับตะเกียบคุ้ยข้าเข้าปากเท่านั้น ที่เหลือท่านอ๋องดูแลนางอย่างดี เขาคีบอาหารจานนั้น จานนี้ป้อนให้นางจนถึงปาก เช่นนี้แล้วไม่ทำให้ใคร ๆ อิจฉานางได้อย่างไร แม่นางเหอต้าหนิง อดไม่ได้เมื่อเห็นภาพบกตาบาดใจนั่น จนนางต้องลุกขึ้นแล้วก้าวย่างจะไปหาบุรุษที่นางหลงรัก

“จะไปไหนหนิงเอ๋อ” สองเท้ากำลังลุกขึ้น หวังจะหาท่านอ๋อง แต่ถูกมารดาเรียกถามเสียก่อน นางจึงได้นั่งลงแล้วเอ่ยกล่าวว่านางเจอใครจะเข้าไปทักทาย ผู้เป็นมารดาเห็นว่าไม่งาม เช่นนั้นจึงได้เอ่ยชวนสามีไปด้วยอีกคน ด้านท่านขุนนางเหอนั่นก็คล้อยตามภรรยา ทั้งสามเดินมุ่งหาท่านอ๋องที่ดูแล ว่าที่ภรรยาของเขาอย่างเอาอกเอาใจนาง

“คารวะ ท่านอ๋อง พ่ะย่ะค่ะ, เพคะ” ทั้งสามเอ่ยขึ้นพร้อม เหอต้าหนิงนั้นเมียงมองสตรีคนนี้อย่างไม่วางตา สตรีนางหรือที่เขานั้นมอบดอกไม้ให้ มิเห็นจะงดงามเหมือนนางสักนิดนางนั้นงดงามล่มเมือง เป็นสตรีอันดับหนึ่งที่งดงามของเมืองหลวง ‘ทำไมท่านอ๋องถึงได้ตาต่ำเสียจริงถึงได้คว้าสตรีนางนี้มา’

“อืม ตามสบายเถิดมิต้องมากพิธี” เขาวางตะเกียบลงอย่างกรุ่นโกรธ ‘คนพวกนี้ช่างไร้มารยาทยิ่งนัก’ ฟางหรงมองเห็นผู้มาใหม่นั่น นางกำลังจะลุกขึ้นทักทาย แต่ท่านอ๋องนั้นกลับดึงมือนางให้นั่งลง พลางมองใบหน้าของคนรักอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะทำเป็นเมินเฉยแก่ผู้มาเยือน

“มิทราบว่าท่านอ๋องเสด็จมา ข้าน้อยจึงไม่ได้รีบเข้าทักทาย ขออภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

“ไม่เป็นไร ตามสบายเถิด เปิ่นหวางมากับคู่หมั้นเป็นการส่วนตัว มิอยากให้เอิกเกริกอย่าได้เกรงใจ”

“คู่หมั้นหรือเพคะ นางเป็นลูกเต้าเล่าใครกัน ทำไมท่านอ๋องหมั้นกับนางถึงได้เงียบเชียบเช่นนี้กันเล่าเพคะ” ฮูหยินเหอ เอ่ยอย่างไม่เกรงอกเกรงใจ อีกทั้งยังถือวิสาสะนั่งลงเคียงข้างของฟางหรง ฟางหรงนั้นได้แต่ทำตัวนิ่งไม่ขยับเขยื้อน ใต้เท้าเหอนั้นนั่งที่เก้าอี้อีกตัวหนึ่งที่โต๊ะข้าง ๆ ที่ว่างอยู่ แต่ว่า บุตรีของนางนั้นอยากนั่งคู่กับท่านอ๋อง นางเลยถือตัวว่าตนนั้นงดงามปานใด จึงได้นั่งลงโดยที่ไม่เอ่ยถาม สร้างความหงุดหงิดให้ท่านอ๋องยิ่งนัก “นางเป็นคู่หมั้นของเปิ่นหวาง ลูกเต้าเหล่าใครจำเป็นด้วยหรือที่เปิ่นหวางจะเอ่ยบอกกล่าวกับท่านฮูหยินเหอ ท่านเป็นมารดา หรือญาติฝ่ายไหนของเปิ่นหวางกัน รบกวนช่วยตอบเปิ่นหวางที ว่าท่านเป็น มารดา หรือว่าญาติฝั่งไหน เปิ่นหวางจะได้วางตัวถูก” เสียงหนักแน่น ใบหน้านั้นดูแล้วจะมีโทสะไม่น้อย เขาแผ่นกลิ่นอายผู้สูงศักดิ์ออกมา ความอ่อนโยนความอบอุ่นเมื่อครู่นั้นได้อันตรธานหายไปสิ้น แล้วเขายังได้กล่าวอีก มิได้ปล่อยให้ฮูยินเหอนั้นเอ่ยกล่าวประการใด นางหน้าถอดสีไปหลายส่วนมิคิดว่า ท่านอ๋องจะกริ้วนางเอาได้“หากไม่ใช่ญาติแล้วก็เชิญกลับโต๊ะนั่งไปเสีย มิเช่นนั้นเห็นทีว่าเปิ่นหวางจะไม่ปล่อยพวกท่านไปโดยง่าย อ้อ อีกอย่างบุตรีของท่านที่กระทำตัวไร้ยางอาย เปิดเผยผิวพรรณให้คนอื่นเห็นไปทั่วเป็นสตรีไร้ยางอายยิ่งนัก ใต้เท้าเหอ รบกวนอบรมฮูหยินและบุตรีด้วยให้รู้กาลเทศะ มิเช่นนั้นเห็นทีว่า เปิ่นหวางต้องลงโทษนางสถานะหนัก” มือหนาแกร่งจับมือเรียวนุ่มนิ่มของคนรักไม่ห่าง เขาจะปกป้องนางเอง ‘สตรีไร้ยางอายพวกนี้กล้ามากนัก เห็นทีต้องจัดการให้หลาบจำเสีย มิเช่นนั้นอย่าเรียกเขาว่าว่านเฟยเทียน’ สามคนพ่อแม่ลูก รับจรลีออกจากเหลาอาหารทันที เกรงว่าท่านอ๋องจะลงโทษ เมื่อคล้อยหลังไปแล้ว ท่านอ๋องได้เรียกพ่อบ้านฉางที่นั่งอยู่ที่โต๊ะอีกตัว ให้มาหาเขา และท่านอ๋องเอ่ยสั่งการ“จัดการเสีย พวกน่ารำคาญ” ว่านเฟยเทียนกระซิบที่หูของพ่อบ้างฉาง พลางเอามือป้องปากของตนเองไว้ ใบหน้าของเขานั้นมิยิ้มแย้ม เพียงแต่ยังจับมือของฟางหรงไม่ปล่อย นางทำได้แต่เพียงนั่งเงียบ ๆ อยู่ในที่ของตนเท่านั้น นี่ขนาดยังไม่ได้แต่งงานก็มีคนถามเสียแล้วว่านางเป็นบุตรีของใคร หากใครรู้ว่านางมีสามีมาก่อน อีกทั้งเป็นสตรีของหอคณิกาแล้วท่านอ๋องจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนกัน“เอาเป็นหรือตายขอรับนายท่าน” พ่อบ้านฉางเอ่ยถาม เขาจะได้จัดการได้ถูกตามคำสั่งของเจ้านาย“เอาเป็นก็พอ ให้หนักหน่อยโดยเฉพาะสองแม่ลูก” เขาเน้นย้ำ สตรีสองคนแม่ลูก“ขอรับ ข้าน้อยจะรีบจัดการ”

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์