ตอนที่ 30 กินยาขม
จวนท่านอ๋อง
ฟางหรงหรือเสี่ยวชิงนอนหลับพริ้มอย่างสบายใจอยู่ในห้องที่เมื่อวานเขาและนางนั้นได้ร่วมอภิรมย์กัน ส่วนสาวใช้ตัวน้อย อย่างถิงถิง ก็อดเป็นห่วงนายสาวของตนเองไม่ได้ นางทำได้เพียงชะเง้อคอมองที่เรือนของท่านอ๋อง แต่ไม่กล้าเข้าไปในเรือนที่ถูกปิดสนิทไว้แน่นหนา
ฟางหรงรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาก็พบว่านางนอนเพียงคนเดียวในห้อง ไร้เงาของท่านอ๋อง ฟางหรงไม่แปลกใจเพราะเขาต้องเข้าวังหลวงตอนเช้า เช่นนี้เป็นประจำทุกวัน และวันนี้ก็เช่นกัน ร่างบอบบางหอบผ้าผืนบางปกปิดเรือนร่างของตนเองที่ไร้อาภรณ์สักชิ้น สองเท้า เล็ก ๆ ของนางเดินไปที่หลังฉากกั้น นางมองเห็นอ่างน้ำใบใหญ่ที่มีกลีบดอกไม้ อีกทั้งน้ำมันหอม ที่ส่งกลิ่นหอม อ่อน ๆ ชวนให้หลงใหล
สองเท้าของนางค่อย ๆ ก้าวลงไปในอ่างทีละก้าวอย่างช้า ๆ และนางก็นั่งลง พลางหยิบผ้าผืนเล็ก มาขัดเนื้อตัวที่สายตาของนางสำรวจเรือนร่างก็พบว่ามีแต่ร่องรอยแห่งความรักที่เขาทิ้งไว้ให้นาง ใบหน้าของนางแดงซ่านเพราะความเขินอายที่ตนเองพลั้งเผลอให้เขาได้กลืนกินเรือนร่างของนาง โดยที่ตนเองมิขัดขืนสักนิด
ความรู้สึกตอนนั้นก็ยากที่จะห้ามจิตใจของตนเองว่าไม่ต้องการเขา สมองของนางนั้นมีทั้งตอบรับและปฏิเสธ แต่อีกซีกตอบรับมากกว่า นางจึงได้เผลอตัวปล่อยใจให้เขาได้เชยชมนาง ทว่าไม่ได้มีเพียงแต่ร่องรอยแห่งความรักที่เขามอบให้นางไว้ดูแล้ว ยังมีคำพูดที่เขาพูดออกมาจากใจจริง ว่าเขาจะรักนางเพียงคนเดียวเท่านั้น และนางก็เชื่อเพราะเขาเป็นคนที่ยึดมั่นในคำพูดย่อมไม่ผิดสัจวาจาที่ให้ไว้อย่างแน่นอน
เมื่อฟางหรงอาบน้ำเสร็จแล้ว นางเอื้อมมือหยิบชุดคลุมสีดำของเขาขึ้นมาสวมใส่ก่อน และเดินไปที่ด้านนอกห้อง จัดการกับเสื้อผ้าของตนเอง แข้งขาของนางก็เหมือนจะอ่อนล้าไปมากนัก นางเดินก็ไม่ค่อยจะคล่องแคล่วอีกทั้งยังเหมือนจะเจ็บที่ท้องน้อยอยู่มากนัก เพราะเขาเคี่ยวกรำนางเสียหลายยก จะไม่ให้นางนั้นเจ็บปวดเมื่อยเนื้อตัวได้อย่างไรกัน
ฟางหรงค่อย ๆ หย่อนก้นของตนเองลงที่เก้าอี้ หน้ากระจกบานใหญ่ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ ผมยาวสลวยของนางเปียกน้ำ นางจึงได้ก้มศีรษะของตนเองลง พลางเช็ดผมให้เรียบร้อยก่อนที่จะเกล้าเก็บผม แต่ขณะที่นางกำลังเช็ดผมของตนเองนั้น มีใครบางคนเดินเข้า เขาสวมกอดนางจากด้านหลัง ขณะที่นางหันหลังอยู่
คางหนาของเขาเกยที่ไหล่ของภรรยารักไว้ ใบหน้าของเขายิ้มแย้ม ฟางหรง ผินหน้ากลับไปมอง ผู้ที่เป็นสามีของนางเมื่อคืน “ท่านอ๋อง ไม่ได้เข้าวังหรอกหรือเจ้าคะ” นางเอ่ยถามพลางสงสัย เพราะเขาควรที่จะอยู่วังหลวงมิใช่จวน
“พี่อยากอยู่กับเจ้า เพราะพี่ทำเจ้าเจ็บ เจ็บมากหรือไม่ ดื่มยาเสียหน่อยเถิดนะ” เขาจับภรรยาขึ้นนั่งบนตักของเขาที่เก้าอี้อีกตัว เขาโอบกอดนางอย่างหวงแหน สายตาของเขาช่างอบอุ่น อีกทั้งน้ำเสียงของเขาก็ดูเป็นห่วงนางมากมายนัก
“ไม่กินไม่ได้หรือเจ้าคะ มันขม หรงเอ๋อไม่เจ็บปวดประการใด ร่างกายแข็งแรงดีเจ้าค่ะ” นางว่าเพราะนางไม่อยากกินยาที่รสชาตินั้นขมมาก
“เช่นนั้น สามีเช็ดผมให้นะ” เขาว่า พลางจับนางให้นั่งที่เก้าอี้อีกตัวหนึ่ง เพื่อที่เขาจะได้เช็ดผมให้ภรรยา เส้นผมสีน้ำหมึกยาวสลวยและนุ่มนวลราวกับเส้นไหมนั้น ยามเมื่อเขาสัมผัสก็อดที่จะดอมดม สูดกลิ่นไม่ได้ และคำว่า สามี ทำให้ผู้ฟังก้มหน้างุดด้วยความเขินอาย “จะอายอันใด พี่เห็นจนหมดแล้ว ช่างหวานหอมยิ่งนัก มิดคิดว่าภรรยารักจะซ่อนรูปถึงเพียงนี้” เขาว่าท่าทางของเขาช่างดูกรุ้มกริ่มยิ่งนัก ดวงตาของเขาและริมฝีปากนั่น ก็ดูเย้ายวนสายตาของฟางหรงเสียจริง
นางมองริมฝีปากหยักของเขายามที่เขาเอื้อนเอ่ยกับนางและนางก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงรอยจูบเมื่อคืนที่เขามอบให้ ช่างนุ่มนวลและหวานละมุนยิ่งนัก มิคิดว่าเขาจะอบอุ่นและอ่อนโยนถึงเพียงนี้ “ท่านอ๋องพูดอันใด” นางว่า แต่สายตาของเขานั้นเขียวเข้มขึงขังส่งมาให้ จนนางตกใจว่าทำสิ่งใดให้เขาไม่พอใจกัน
“ไม่ใช่ท่านอ๋อง เป็นท่านพี่ หรือไม่ก็เรียกว่า สามีรักดีหรือไม่ภรรยารักของสามี” ว่าไปนั่นเขาหยอดคำหวานให้นางอีกแล้ว ฟางหรงได้เพียงหันหน้าหนีนางแย้มยิ้มอย่างขวยเขินกับคำพูดคำจาของเขา นางมองที่กระจกเห็นเขาหวีผมให้นางอย่างเบามือ สายตาของเขาดูอบอุ่นยิ่งนักและมักยิ้มแย้มให้นางเสมอ เช่นนี้แล้วจะไม่ให้นางหลงรักเขาได้เช่นไรกัน
“ว่าอย่างไรยังไม่ตอบสามีรักเลย” เขาว่า พลางเกยคางลงที่ไหล่ของภรรยา อีกทั้งยังแอบหอมแก้มของนางด้วย ผู้ที่ถูกหอมนั้นกลับมีสีหน้าที่ตื่นตกใจยิ่งนักมิคิดว่าเขาจะแอบหลอกกินเต้าหู้ กลืนกินนางจนไม่เหลือชิ้นดีเสียแล้ว
“ท่านอ๋อง” นางว่า แต่ถูกมือหนาของเขาตีลงแขนของนางอย่างแผ่วเบา “ท่านพี่หรือไม่ก็สามีรัก” เขากระซิบที่ข้าหูของนางอย่างแผ่วเบา จนร่างบอบบางรู้สึกร้อนวูบวาบอย่างบอกไม่ถูก แต่แล้วเขายังถือโอกาสสูดดมกลิ่นหอมที่ซอกคอขาวระหงของภรรยาอย่างตั้งใจ เขาข่มกลั้นอารมณ์ที่กำลังจะปะทุขึ้นไม่ไหวแล้ว
เพียงแค่เห็นนางเขาก็อยากจะจับนางกดลงเตียงพานางร่ำร้องบทเพลงรักเช่นเมื่อวาน แต่เขาก็ต้องหักห้ามใจ แค่นี้นางก็เสียหายมามากพอแล้ว “ภรรยารัก รู้หรือไม่พี่กลั้นอารมณ์จะไม่ไหวแล้ว เราแต่งงานกันอีกสามวันนะ ถึงจะเร็วไปหน่อยแต่งานต้องออกมาดีอย่างแน่นอน”
“ท่านพี่ ไม่ต้องจัดงานแต่งก็ได้เจ้าคะ เพราะข้าไม่คู่ควรเป็นสตรีต่ำต้อย เชิดหน้าชูตาท่านไม่ได้ อีกทั้งยังออกงานหน้าออกตาไม่ได้ด้วย เกรงว่าจะทำให้ท่านพี่เสียหายนะเจ้าคะ” นางว่า เพราะนางรู้กำพืดของตนเองดีว่าเป็นสตรีโคมเขียวมีแต่ทำให้เขานั้นตกต่ำ
“ใครว่า สามีผู้นี้มิสนใจสักนิดขอเพียงแค่มีพี่และเจ้าผู้อื่นจะสนใจและใส่ใจทำไมกัน หากมันผู้นั้นพูดมากที่จะสั่งสอนให้หลาบจำเสีย อย่างกังวลไปเลยนะคนดี” เขาว่า พลางแอบขโมยจุมพิตที่ริมฝีปากของนาง “ไม่ต้องอ้างเรื่องอื่นโยกโย้เสียจริง ชวนพี่คุยเพราะไม่อยากกินยาใช่หรือไม่ เด็กดื้อมากินยาเสียก่อนเถิด” เขาว่า พลางรวบผมที่แห้งแล้วของภรรยา ผู้ด้วยเชือกรัดผมสีหวานสดใส
ร่างหนาของผู้เป็นสามี เดินไปหยิบถ้วยยาที่มีกลิ่นฉุน เขานั่งลงที่เก้าอี้ตัวเดิม ก่อนที่จะจ่อริมฝีปากของตนเองเป่ายาในถ้วยให้หายร้อนเสียก่อน “อ้าปากกินยาเสียเด็กดื้อ” เขาว่าพลางจ่อถ้วยยาที่ริมฝีปากของภรรยา นางเม้นริมฝีปากแล้วส่ายหัว ไปมา หลายรอบ
“ไม่กินหรือ จะกินดี ๆ หรือให้พี่ป้อน” เขาเอ่ยดุนางขึ้นมา
“ไม่เจ้าคะ ข้ากินเองได้” นางว่า เพราะเมื่อครั้งนั้น เขาป้อนยาให้นางด้วยปากของเขา นางยังคงไม่ลืมสักนิดเขามักจะหาโอกาสกินนางได้เสมอ คนที่นางว่าอย่างรู้ทัน ก็แย้มยิ้มพลางขบขันร่างบางของภรรยาที่เอ่ยปัดเขาไป
“พี่ป้อนนะ” เขาเอ่ยอย่างออดอ้อนแก่ผู้รู้ทันแผนของเขา
“ไม่เจ้าคะ ประเดี๋ยวก็ไม่ได้ป้อนเพียงยา” นางว่า พลางหยิบถ้วยยาจากมือเขายกดื่มเพียงรวดเดียวเท่านั้น สีหน้าของนางช่างดูตลกนัก เพราะว่ายาถ้วยนี้นั้นขมมาก“ภรรยารัก เย็นนี้เจ้าก็ต้องอยู่ที่จวนของน้องเขยแล้ว เช่นนั้นพี่ไปอยู่ด้วยดีหรือไม่” เขาว่าเพราะไม่อยากห่างกับภรรยาผู้นี้สักวันเดียว เขากลัวว่าจะคิดถึงนางจนขาดใจเสียก่อน“หืม จะทำเช่นนั้นได้อย่างไรกัน ที่นั่นห้องหับก็ไม่ได้กว้างขวางเหมือนที่จวน เกรงว่าท่านพี่จะลำบาก” นางว่า เพราะที่จวนห้องก็มีไม่มากนัก แต่มีเรือนหลังเล็ก ๆ ที่นางอยู่ก็มีเพียงแค่ห้องเดียว“ลำบงลำบากอันใด พี่อยู่ที่ห้องของเจ้ามีความสุขจะตาย” เขาว่าพลางคิดถึงหากเขาอยู่ที่เรือนเดียวกับนาง และห้องเดียวกันกับนางจะมีความสุขแค่ไหนกันเชียว ความคิดมากมายก็พรั่งพรูอยู่ในสมองของเขา ด้านภรรยาไม่รู้ว่าสามีผู้นี้คิดอ่านประการใดไว้กันแน่ แต่ที่แน่ ๆ เขามักชอบหลอกกินเต้าหู้นางเหมือนตอนนี้ อย่างไร หัวเขาคิดแต่มือไม้ของเขาซุกซนยิ่งนักแอบบีบคลึงเต้างามของภรรยาที่สาบเสื้อนั้นแบะออกเผยให้เห็นเนื้อด้านในที่ทั้งขาวและเนียน น่าลงลิ้นยิ่งนัก แต่เดี๋ยวก่อน เขาเพียงแค่แอบขยำเต้างาม ๆ ก่อนที่จะหัวเราะและเดินเอาถ้วยยาไปเก็บ ผู้ที่ถูกหลอกกินเต้าหู้ครั้งแล้วครั้งเล่าก็ทำได้เพียงเอามือทั้งสองข้างปิดหน้าปิดตาของตนเองไว้ นางอายเขามากมายนักที่ปล่อยให้เขาเอาเปรียบเช่นนี้ แต่คนที่มีความสุขมากที่สุดก็เห็นจะเป็นเจ้าของจวนกระมังที่เดินออกไปอย่างยิ้มแย้ม พร้อมถาดยา
copy right hot novel pub