โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

หลงรักทนายคนเลว

บทที่100 มาเยือน

บทที่100 มาเยือน

“เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ไม่คิดเลยว่าคุณจะโทรมาหาผม”

ถังฉีตงไม่คาดคิดว่าผู้หญิงที่กลัวจนต้องหนีเขาจะเป็นคนโทรมาหาเขา น้ำเสียงของเธอฟังดูไม่ค่อยมีความสุขเท่าไร

“อย่าพูดจาไร้สาระกับฉัน ไอ้บ้าฉูเจ๋อหยางนั่นอยู่ที่ไหน” เหตุผลที่ซือซือโทรหาถังฉีตงก็เพราะว่าเธอต้องการตามหาฉูเจ๋อหยาง

เธอคิดว่าถ้าหากว่าถังฉีตงและฉูเจ๋อหยางเป็นกลุ่มแก๊งค์เดียวกัน เขาจะต้องรู้จักที่อยู่ของฉูเจ๋อหยางอย่างแน่นอน

ที่จริงถังฉีตงก็รู้ และยัง…

เขามองไปที่ผู้ชายเย็นชาที่นั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้าม เขายิ้มอย่างมีเลศนัยและถามผู้หญิงที่กำลังโมโหอยู่ที่ปลายสาย “เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ผมขอถามอะไรคุณสักคำได้ไหม เขาทำผิดอะไรกับคุณรึ”

“ไม่ได้” ซือซือปฏิเสธและหยุดนิ่งไปชั่วครู่ น้ำเสียงเธอยิ่งดูอันตรายกว่าเดิม “ตอนนี้ฉูเจ๋อหยางอยู่กับคุณ”

“เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ของผมฉลาดที่สุด” ถังฉีตงไม่ต้องรู้สึกผิดจากการทรยศพี่น้อง หนำซ้ำเขายังรู้สึกสนุกอีกต่างหาก

จะว่าไปแล้วพี่น้องที่ดีก็เหมือนแขนขา ผู้หญิงก็เหมือนเสื้อผ้า ใครมาใส่เสื้อผ้าของผมจะต้องถูกตัดแขนตัดขา ดังนั้นผู้หญิงของตัวเองจึงสำคัญยิ่งกว่า

ผมคิดว่าอาเจ๋อก็คิดเช่นนี้เหมือนกันล่ะ

“บอกฉันมาเร็วว่าตอนนี้พวกคุณอยู่ที่ไหน” ซือซืออดกลั้นความโกรธเอาไว้ไม่ได้

ถังฉีตงยักไหล่อย่างไม่แคร์และบอกพิกัดของตัวเองไป

ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ตัดไป ดูเหมือนว่าเธอจะรีบร้อนเอาเสียจริง

สายตาถังฉีตงเต็มไปด้วยความพอใจ ฉูเจ๋อหยางก็สังเกตเห็นได้แต่เขาก็ไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจ เขาก้มลงดูเอกสารในมือต่อไป และพูดขึ้นลอยๆว่า “พูดจบแล้ว เสร็จแล้วก็มาคุยธุระต่อ”

ถังฉีตงกางแขนทั้งสองข้างขึ้นวางบนขอบโซฟาอย่างเกียจคร้าน ท่าทางนี้แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้รีบร้อนที่จะคุยธุระ เขายังถามขึ้นอย่างเป็นนัย “อาเจ๋อ คุณไม่สงสัยหรือว่าผมคุยอะไรกับเธอ”

“ไม่สนใจ” ฉูเจ๋อหยางตอบโดยไม่แม้แต่จะชายตามอง

“น่าเสียดายนะ ดูเหมือนว่าครั้งนี้เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์จะไม่ได้มาหาผม แต่เธอจะมาหาคุณ” ถังฉีตงรู้สึกว่าเพื่อนควรที่จะมี “เจตนาดี” โดยการเตือนให้เขารู้ล่วงหน้าจะได้รับมือได้ทัน

“ฟังจากน้ำเสียงเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ของผมแล้ว ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้มาดีนักนะ คุณไปทำเรื่องอะไรไว้ให้เธอสาปแช่ง”

ฉูเจ๋อหยางพลิกเอกสารในมือดูอย่างสบายใจ น้ำเสียงเขาไม่สะทกสะท้าน “วางใจเถอะ รสนิยมของผมกับคุณไม่เหมือนกัน”

“อาเจ๋อ คุณหมายความว่ายังไง พูดให้ชัดเจนหน่อยได้ไหม คุณจะบอกว่าผู้หญิงของผมกับผู้หญิงของคนเป็นคนละประเภทกัน พวกเธอไม่ได้เติบโตมาด้วยกันอย่างนั้นเรอะ”

ใบหน้าของถังฉีตงเหมือนจมอยู่กับความทรงจำ “ผมรู้จักผู้หญิงคนนั้นมานานสิบกว่าปี ผมไม่รู้ว่าเมื่อก่อนเวยเวยเป็นอย่างไร”

ในที่สุดฉูเจ๋อหยางก็มีการตอบสนอง เขาค่อยๆเก็บไฟล์เอกสาร ดวงตาเขาจ้องมองลึกไปที่ถังฉีตง บอกเป็นนัยว่าให้เขาพูดต่อไปได้

เขายังบอกว่าไม่สนใจ เขาคุยธุระขึ้นมาแล้วก็ไม่พูดอะไรอีกแล้ว สายตาถังฉีตงเห็นชัดในคราหนึ่ง “ช่างเหมือนตุ๊กตาลายครามอันสงบนิ่ง ในตอนนั้นผมกับเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ยังคิดว่าเวยเวยช่างโง่นัก ไม่คิดเลยว่าพอโตเป็นผู้ใหญ่แล้วจะเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ ยิ่งดูก็ยิ่งสวยนะ”

ถังฉีตงส่งเสียงฟุตฟิตและแผดเสียงในจมูก

“ผมว่านะ เวยเวยออกจะว่าง่าย เป็นผู้หญิงที่อ่อนหวานมาก พ่อแม่ก็ไม่อยู่ เป็นเด็กที่มีเพียงยายซึ่งแก่แล้วเพียงคนเดียวคอยดูแล” ถังฉีตงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ

“ผมรู้ว่าพ่อแม่ของเวยเวยบอกกับคนอื่นว่าพวกเขาไปทำธุรกิจที่ต่างประเทศ แท้ที่จริงแล้วก็แอบทิ้งลูกไว้ จนตอนนี้ก็ยังไม่กลับมา ยังมีความผิดชอบชั่วดีที่ยังโทรกลับมาถามเป็นครั้งคราว”

เมื่อฉูเจ๋อหยางได้ยินว่าเป้ยฉ่ายเวยเป็นเด็กกำพร้า สายตาของเขาก็หรี่ลง เมื่อเปิดตาขึ้นก็เปล่งประกาย “คุณกลายเป็นคนชอบซุบซิบนินทาตั้งแต่เมื่อไหร่”

ความหมายเป็นนัยก็คือ ถังฉีตงเปลี่ยนไปมีนิสัยขี้เม้าท์แบบผู้หญิงตั้งแต่เมื่อไหร่

“อาเจ๋อจะมากเกินไปแล้วนะ ฟังจบแล้วยังมาว่าผมอีก” ถังฉีตงไม่ชอบใจ ใครกันที่ฟังอย่างตั้งอกตั้งใจอยู่ตรงหน้า อยู่ดีนึกจะเปลี่ยนอารมณ์ก็เปลี่ยนเสียอย่างนั้น

ถ้ารู้แต่แรกว่าเขานิสัยอย่างนี้ คงมีไม่กี่คนที่จะทนได้หรอก

“อาเจ๋อ ผมรู้แล้วว่าทำไมคุณมีเพื่อนน้อย”

ฉูเจ๋อหยางเหลือบไปมองและพูดเบาๆ “ผมจำเป็นต้องมีเพื่อนด้วยหรอ”

“เอาเถอะ เอาเถอะ ผมกลัวคุณแล้วล่ะ เป็นทนายจะต้องทำตัวนักเลงอย่างคุณด้วยหรือยังไง เป็นคนที่คุยด้วยดีๆไม่ได้เลยจริงๆ” ถังฉีตงพูดอย่างเหลืออด

ฉูเจ๋อหยางเลิกคิ้วและมองกลับไป

“ไม่รู้ว่าเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์มาแล้วหรือยัง” ไม่เจอกันหนึ่งวันเหมือนผ่านไปนานสามปี เขาไม่ได้เห็นหน้าเธอตั้งสองสามปี คิดถึงจัง

เสียงของถังฉียังไม่ทันจะหายไป ประตูใหญ่ก็ถูกคนเตะเปิดออก ดวงตาอันหลักแหลมของชาวตันเฟิ่งกวาดมองไปทั่วห้องอยู่สองรอบ ไม่นานเธอก็เห็นเป้าหมาย

เธอสาวเท้าไปไม่กี่ก้าว ก็หยุดอยู่ตรงหน้าฉูเจ๋อหยาง เธอคำรามอยู่ตรงหน้าผู้ชายที่ยังคงท่าทีสงบนิ่ง “ไอ้บ้าฉูเจ๋อหยาง แกยังมีหน้ามานั่งชิวๆอยู่ตรงนี้อีกหรอ”

ถังฉีตงเห็นประกายแสงในแววตาที่ซือซือมองฉูเจ๋อหยาง เขากระโดดลุกขึ้นจากโซฟาในทันที เขาเอาตัวเองขวางไว้ตรงหน้าของซือซือและพยายามเกลี้ยกล่อม “เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ของผม มีอะไรเราค่อยๆคุยกันดีกว่านะ ไม่ต้องโมโหอย่างนี้หรอก”

ซือซือผลักมือของถังฉีตงออก สายตาดุร้ายของเธอจ้องไปที่ฉูเจ๋อหยาง “ถังฉีตงนี่ไม่ใช่เรื่องของคุณ คุณหลบไปเดี๋ยวนี้ วันนี้ฉันจะต้องล้างแค้นให้เวยเวยให้ได้”

เมื่อเอ่ยชื่อเวยเวย นี่เป็นครั้งแรกที่ชายตรงหน้าเหลือบตามองเธอ แววตาอันเยือกเย็นราวกับจะหยุดซือซือเอาไว้ “เวยเวยเป็นอะไร”“ฮ่าฮ่าฮ่า ฉูเจ๋อหยาง มารู้จักเป็นห่วงเอาตอนนี้ก็สายไปเสียแล้ว” เมื่อซือซือเห็นหน้าฉูเจ๋อหยางเธอก็โมโหได้แต่อยากจะแก้แค้นตอนนี้โมโห ได้ทำอะไรลงไปแล้ว“ซือซือ ผมจะถามคุณอีกครั้งว่าเวยเวยเป็นอะไร” ร่างสูงของฉูเจ๋อหยางลุกขึ้นจากเก้าอี้ เหมือนภูเขาที่ตั้งตระหงาดอยู่เบื้องหน้าซือซือซือซือได้แต่กลืนน้ำลายตัวเองโดยไม่รู้ตัว จากนั้นเธอก็นึกถึงเพื่อนที่กำลังนอนพะงาบอยู่ที่บ้าน เธอก็เท้าสะเอวและพูดเยาะเย้ยเขา “อย่าบอกฉันว่าคุณไม่รู้ คุณดูแลผู้หญิงของคุณเองไม่ดี วันหลังฉันจะช่วยดูแลให้”ถังฉีตงเห็นเพื่อนรักของเขากำฝ่ามือแน่น เขารู้ว่านี่เป็นสัญญาณของความโกรธ เขาจึงรีบพูดขึ้นมา “ซือซือ ใครรังแกเวยเวย บอกผมสิ ผมจะไปช่วยสั่งสอนไอ้คนนั้นให้”“จะใครล่ะ ก็หนานฉิงยังไงล่ะ เพราะคิดว่าเวยเวยแย่งฉูเจ๋อหยาง เลยตบตีเวยเวยจนช้ำไปทั้งตัว หน้านี้บวมอย่างกับลูกฟุตบอล ผู้หญิงโง่นั่นก็ไม่ยอมไปโรงพยาบาลอีก ยังจะมีหน้าบอกให้ฉันช่วยลางานพรุ่งนี้ให้ คุณว่าน่าขันไหมล่ะ”ซือซือพูดเอง น้ำตายังเกือบจะทะลักออกมา แม่งเอ้ย ปัญญาอ่อนถังฉีตงฟังแล้วก็มีสีหน้าไม่ดี แต่เขารู้ดีว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเขา มีคนที่น่าจะโมโหมากกว่าเขา

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์