โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

หลงรักทนายคนเลว

บทที่109 วางใจได้เขาไม่ปฏิเสธคุณหรอก

บทที่109 วางใจได้เขาไม่ปฏิเสธคุณหรอก

ซือซือและเป้ยฉ่ายเวยส่งเสียงเอะอะ ทั้งคู่เบื่อกับการเล่นน้ำฝนและกลับไปอาบน้ำ

พวกเธอโยนเสื้อผ้าไปที่ด้านข้าง คนหนึ่งถือถ้วยกาแฟร้อน ดื่มด่ำกับช่วงเวลาสงบของปี

ถ้าหากว่าซือซือไม่เอ่ยปากพูดขึ้นล่ะก็ เป้ยฉ่ายเวยจะยิ่งรู้สึกดีกว่านี้

“บอกมาเถอะ ใครรังแกเธออีก”

“ไม่มีใครรังแกฉัน” เป้ยฉ่ายเวยกระพริบตาและตอบอย่างแกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้

ซือซือเหยียดมือยาวออกไปและยื่นมาที่ด้านหน้าของตัวเอง เธอกล่าวอย่างสงบ “เวยเวย เธอดูสิเล็บที่ฉันทำมาวันนี้เป็นยังไงบ้าง”

เป้ยฉ่ายเวยมองตามไปที่เล็บของเธอ เธอกลืนน้ำลายและตอบ “อืม...ก็ดูน่ารักดี”

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกากเพชรที่สามารถเปล่งประกายได้โดยที่ไม่ต้องมีแสงแดด

“ฉันก็ชอบมันมาก แต่น่าเสียดายถ้ามันจะต้องพักไปบ้าง” ซือซือถอนหายใจจนดูเกินจริง

เป้ยฉ่ายเวยเข้าใจความหมายความนัยของเพื่อนรักในทันที เธอถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “ซือซือ เธอแกล้งทำเป็นไม่รู้สักเรื่องได้ไหม”

ซือซือชักกำปั้นออกมา “ไม่ได้ ถ้าหากว่าฉันไม่ถามแล้วล่ะก็ สักวันคงไม่ต้องแปลกใจเลยที่ฉันจะต้องไปหาเธอที่โรงพยาบาลบ้า”

เป้ยฉ่ายเวยหดศีรษะกลับไปอย่างใจเย็น “ฉันกำลังตามหาตัวเอง เหมือนกับการเข้าใกล้ธรรมชาติน่ะ”

“เวยเวยเธอหัดพูดเรื่องไร้สาระตั้งแต่เมื่อไหร่” ใกล้ชิดธรรมชาติ ทำไมไม่แก้ผ้ากลับไปเป็นทาซานเสียเลยล่ะ

“เธอก็เว่อร์เกินไป ก็แค่คุณหญิงเหาเรียกฉันไปพูดความในใจ” เป้ยฉ่ายเวยเล่าอย่างคลุมเครือ เธอใช้คำที่ฟังดูสวยงาม

ซือซือกัดฟัน “ทำไมเธอไม่บอกว่าเหาเสว่ฉินชวนเธอไปดื่มกาแฟล่ะ และหล่อนจะยังพาเธอไปเที่ยวโตเกียวเพื่อเล่นหิมะและชมพระจันทร์ จากบทกวีและเพลงสู่ปรัชญาชีวิต”

“ฮ่าฮ่าฮ่า จะว่าอย่างนั้นก็ได้ สังคมหนอสังคม” เป้ยฉ่ายเวยคิดว่ามันน่าขัน

“....” ซือซือไม่สามารถใช้คำใดเพื่ออธิบายอารมณ์ของเธอได้ ณ ขณะนี้ เป็นไปได้ไหมว่าเป้ยฉ่ายเวยถูกยั่วยุมา เธอดูผิดปกติไป

“เวยเวย อีกสักพักเราไปที่โรงพยาบาลกันไหม”

“ไปที่นั่นทำไม ญาติเธอเข้าโรงพยาบาลหรอ” เป้ยฉ่ายเวยพูดอย่างใจจดใจจ่อ

ซือซือมองเป้ยฉ่ายเวยซึ่งดูผิดปกติไป แววตาเธอปรากฏความกังวลขึ้นมา “เวยเวยฉันว่าเธอป่วยจริงๆแล้วล่ะ”

“ฉันไม่ได้เป็นไร ไม่มีไข้ ไม่ได้ป่วย อาการบาดเจ็บก็หายดีแล้ว พรุ่งนี้ฉันจะไปทำงานแล้ว” นอกจากความบาดเจ็บในใจที่ตามองไม่เห็นแล้ว เธอก็ปกติดี

ซือซือซบพิงเป้ยฉ่ายเวยซึ่งนั่งอยู่ข้างๆบนโซฟา “เธอรีบไปทำงานจัง”

“ใช่สิ ลาอีกก็คงไม่ดี” ยิ่งอยู่คนเดียวยิ่งฟุ้งซ่าน

ซือซือนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะถามขึ้นอีกครั้ง “เธอยังไม่บอกฉันเลยว่าเหาเสว่ฉินพูดอะไรกับเธอ”

“ไม่มีอะไรมากก็เรื่องทั่วไป” เป้ยฉ่ายเวยนั่งจิบกาแฟในมือและพูดอย่างเกียจคร้าน

“อย่างนั้นเรอะ” ซือซือก็จิบกาแฟด้วยเช่นกัน เธอหยุดไปครู่หนึ่งและถามต่อ “หล่อนเสนอเช็คให้เธอใบโตเลยสิใช่ไหม”

เป้ยฉ่ายเวยพูดตามจริง “เช็คน่ะใช่ แต่ว่าก็ไม่ใหญ่มาก แค่ครึ่งล้านเท่านั้น”

ซือซือรีบพล่าม “ดูเหมือนฉูเจ๋อหยางนั่นจะไม่ได้มีค่ามากนัก”

“ใช่” เป้ยฉ่ายเวยพยักหน้ารับคำ

ฉูเจ๋อหยางสามารถรับปากให้เงินจำนวนห้าแสนนี้กับเธอง่ายๆ มันถูกจริงๆที่คิดจะซื้อฉูเจ๋อหยางด้วยเงินครึ่งล้าน

เมื่อเกิดความเงียบ จากนั้นทั้งคู่ก็พูดขึ้นพร้อมกันว่า “ไร้รสนิยม”

ทั้งสองมองหน้ากัน พวกเธอเห็นพ้องต้องกันโดยปริยายจากสายตาที่ประสานกัน จากนั้นก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้

ซือซือพูดด้วยความขุ่นเคือง “เฮ้ ถ้าหากว่าฉันมีลูกสาว ตอนนี้ถ้าจะสั่งตุ๊กตาจะสายไปไหม”

“ถ้าหากว่ารุ่ยรุ่ยชอบ จะรออีกสิบปีทำไมกัน ความรู้สึกไม่ได้ถูกปิดกั้นด้วยอายุ” เป้ยฉ่ายเวยตบไหล่เธออย่างเห็นอกเห็นใจ หลังจากที่ “สาวที่เหลืออยู่” พูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ตอนอายุยี่สิบแปด มันทนไม่ไหวจริงๆ

ฮ่าฮ่า แต่ว่าฉันอยากจะหัวเราะออกมาจริงๆ

“เวยเวย ถ้าอยากหัวเราะก็ไม่ต้องกลั้นไว้ เดี๋ยวจะกระอักตาย” อยู่ดีๆซือซือก็กัดฟันพูดออกมา

“ฮ่าฮ่าฮ่า ฉันไม่ได้อยากหัวเราะจริงๆหรอก แต่ว่าเธอน่ะทำให้ฉันหัวเราะ และยังนึกได้ถึงเรื่องที่เราพนันกันเอาไว้ เธอแพ้แล้ว” เป้ยฉ่ายเวยหัวเราจนมือเกือบปัดไปโดนแก้วกาแฟหก

ซือซือพูดอย่างร่าเริง “ได้ การพนันยังไม่จบเสียหน่อย และตอนนั้นเธอก็ยังไม่ได้บอกสิ่งที่เธอต้องการ ดังนั้นเดิมพันนี้จึงยังจบสิ้น”

“คิดว่าฉันอายุยี่สิบห้าปี ก็ได้กลายเป็นผู้อาวุโสล่วงหน้าเสียแล้ว โกจิของฉัน ลูกพลับของฉัน ลำไยของฉัน รีบเอามาให้ฉันโดยเร็ว” เป้ยฉ่ายเวยพูดพร้อมหลับตาพริ้มและกระแอมขึ้นสองครั้ง

ท่าทางเยาะเย้ยเช่นนั้น ซืซือไม่สามารถทนใจเย็นได้ “เป้ยฉ่ายเวยเธอกล้าอย่างนั้นหรอ กล้าเอาเรื่องผู้อาวุโสมาล้อเล่นอย่างนั้นหรอ!!!”

“ซือซือฉันแหย่เล่น แค่ล้อเล่น อย่าเพิ่งโกรธ แต่ว่าจอกนั้นราคาแพงอยู่นะ” เป้ยฉ่ายเวยรีบลุกขึ้นจากโซฟาแล้วหลบไป น่าสงสาร “ตัวประกัน” อยู่ในมือของหล่อน

“นี่ไม่ใช่รางวัลแห่งการเฉลิมฉลองของโรงเรียนที่เธอเก็บไว้หลายปีหรอ ฉันจำได้ว่าเธอหวงมันมากนี่” ซือซือมองเป้ยฉ่ายเวยที่มีสีหน้าเป็นกังวล เธอสัมผัสถ้วยอย่างช้าๆ การแสดงออกราวกับว่ากำลังสัมผัสคนรักของตัวเองอยู่

ช่างน่าอับอาย

“ซือซือ มีอะไรค่อยๆพูดกันก็ได้ เธอวางถ้วยนั่นลงก่อนได้ไหม” เป้ยฉ่ายเวยรู้สึกทุกข์ใจเข้าจริงๆ ถ้วยนั้นมีความทรงจำที่ดีต่อเธออยู่มาก

ซือซือยิ้มและพูดว่า “วางก็ได้ อย่างนี้ดีกว่า พรุ่งนี้เธอช่วยให้ฉันได้สัมภาษณ์ฉูเจ๋อหยางก็พอแล้ว”“ว่าไงนะ เธอจะสัมภาษณ์ฉูเจ๋อหยางหรอ” เป้ยฉ่ายเวยไม่เข้าใจ ซือซือจะสัมภาษณ์ฉูเจ๋อหยางทำไม จะไปสัมภาษณ์เขาเรื่องอะไรกันซือซือเงยหน้าขึ้นพูด “เธอคิดว่าฉันอยากไปสัมภาษณ์ตาภูเขานั้นแข็งนั้นหรอ ตอนนี้ฉันยังไม่ได้กินข้าว ทำเรื่องนี้เสร็จแล้ว แม้ว่าฉันจะไม่เต็มใจเท่าไหร่ แต่ว่าฉันซือซือเริ่มแล้วก็ต้องสานต่อให้จบ”“พูดมามากมายขนาดนี้ หาสาระได้ที่ไหน” เป้ยฉ่ายเวยถามด้วยความโมโหซือซือพยักหน้า “ได้สิ สรุปก็คือ ตัวละครในเดือนนี้ของฉันก็คือฉูเจ๋อหยาง” “ทำไมจะต้องเป็นเขา” ซือซือไม่เข้าใจซือซือยักไหล่แล้วพูดว่า “ฉันก็ไม่รู้ บรรณาธิการจะสนใจหรือไม่ ฉันคิดว่าฉูเจ๋อหยางเป็นคนที่อายุน้อยและมีอิทธิพลต่อเมืองจิ่นอัน ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน เป็นชายหนุ่มที่บุคลิคดี”“ถ้าอย่างนั้นทำไมเธอไม่ติดต่อฉูเจ๋อหยางเองล่ะ” เธอไม่เข้าใจว่าทำไมหล่อนต้องอ้อมค้อม“เคยถามแล้ว เขาปฏิเสธ”ซือซือบอกกับเป้ยฉ่ายเวยตามความสัตย์จริง เป้ยฉ่ายเวยหยุดและพูดขึ้นว่า “เขาปฏิเสธเธอ เขาก็อาจจะปฏิเสธฉันเหมือนกัน”ซือซือพูดพร้อมกับยิ้มอย่างมีเลศนัย “วางใจเถอะ เขาจะไม่ปฏิเสธเธอ”

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์