โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

หลงรักทนายคนเลว

บทที่110 ไม่สามารถแก้ไขได้

บทที่110 ไม่สามารถแก้ไขได้

“ซือซือ เธอแน่ใจได้อย่างไรว่าเขาจะไม่ปฏิเสธฉัน” เพื่อถามอย่างมุ่งมั่น เพราะเป้ยฉ่ายเวยเองก็ยังไม่แน่ใจ

“เพราะว่าเขารู้สึกผิดกับเธอ อย่างไรก็ต้องฟังเธอ เขาจะต้องยอมเห็นด้วยอย่างแน่นอน” แน่นอนเป้ยฉ่ายเวยคงไม่สามารถพูดว่าตัวเองเป็นต่อได้

เธอเห็นท่าทางกังวลของเวยเวย เธอจึงให้กลยุทธ์ของความเป็นเพื่อน

“เวยเวยเธอคงไม่รู้ ฉูเจ๋อหยางเป็นเหมือนกระดูกชิ้นยักษ์ของนิตยสารของเรา มีหลายต่อหลายคนพยายามที่จะสัมภาษณ์เขาให้ได้แต่ก็ทำไม่สำเร็จ ตอนนี้กระดูกชิ้นนั้นตกหลุมรักเพื่อนรักที่สุดของฉัน ขอร้องล่ะ เธอทนได้หรอที่ฉันเพิ่งได้งานแต่ว่าถูกไล่ออกน่ะ”

เป้ยฉ่ายเวยเห็นการแสดงออกที่เกินจริงของเธอ ถ้าหาไม่ใช่เพราะว่ามือเธอกำลังถือถ้วยอยู่ เธอคงจะต้องปรบมือให้กับการแสดงนี้ของหล่อนแล้วจริงๆ “ซือซือ เธอนึกอยากจะไปทำงานเช้าสายบ่ายเย็นก็ไป แบบนี้เรียกว่าไว้หน้าพวกเขาแล้วรึไง”

การโกหกครั้งนี้เล่นใหญ่เกินไปรึเปล่า

“เหอเหอ นั่นเป็นเรื่องจริงล่ะสิ” ซือซือหันไปมองอย่างรู้สึกผิด “เธอก็รู้ว่าฉันมีความสุขในการช่วยเหลือคนอื่น ฉันเลยรับงานนี้มาดูแลโดยไม่ลังเล”

“อื้อ” เป้ยฉ่ายเวยพยักหน้าสื่อให้เห็นว่ารับทราบแล้ว

ซือซือจ้องตาเป้ยฉ่ายเวยราวกับว่าจะพูดว่า เธอยอดเยี่ยมที่สุด พยายามเข้านะ แต่ก็ไม่ได้มีคำพูดอะไรออกมา

เธอรู้สึกว่าเธอควรจะพูดให้กระจ่าง “เวยเวยฉันจะบอกความจริงกับเธอนะ ขอแค่ฉูเจ๋อหยางยอมตกลงที่จะให้สัมภาษณ์ โบนัสเดือนนี้หนึ่งแสน อย่าคิดว่าฉันจะนึกถึงความเป็นพี่เป็นน้อง พวกเราก็….”

“โบนัสแบ่งสี่สิบหกสิบได้ล่ะก็ ฉันจะรับปาก” เป้ยฉ่ายเวยต่อประโยคที่ซือซือยังพูดไม่จบให้ “ฉันหก เธอสี่”

ซือซืออ้าปากค้าง หล่อนได้แต่ถามอย่างช่วยไม่ได้ “เวยเวย อย่างนี้จะดีหรอ”

“ดีที่สุด” ทันทีที่ได้ยินว่าได้เงิน เป้ยฉ่ายเวยก็กลายเป็นหิวกระหายขึ้นมาทันที เพราะว่าสุขภาพของรุ่ยรุ่ยไม่ดี เรื่องนี้เลยกลายเป็นนิสัยของเธอ

“ก็ได้ ก็ได้ ยังไงก็ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว” ซือซือโบกมือไม่สนใจ เธอบอกตัวเองเงียบๆ เงินก็คือลูกนอกสมรส เงินเป็นหนทางแห่งความชั่วร้ายทั้งหมด เงินเป็นสิ่งที่เกิดก็ไม่ได้นำพาตายก็ไม่ได้นำพา

ถ้าหากไม่ได้แยแสสนใจเงินงั้นคงต้อง…

ไม่ได้หรอก เธอทำมันไม่ได้

“ถ้างั้นก็ตกลงกันตามนี้นะ” เป้ยฉ่ายเวยรับคำอย่างมีความสุข

เธอมีความสุขตามธรรมชาติ ไม่คิดว่าการสัมภาษณ์ฉูเจ๋อหยางจะทำให้ได้รับเงินโบนัสมากมายเช่นนี้ ถ้ารู้ล่ะก็จะได้ขึ้นไปชั้นบนเพื่อทำงานด้วย เวลาก็ยังยืดหยุ่นอีกต่างหาก

“ซือซือ แผนกของเธอยังรับพนักงานอยู่รึเปล่า”

ไม่ต้องฉลาดปราดเปรื่องเมื่อเห็นหน้าเป้ยฉ่ายเวยก็รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ “เต็มแล้ว อีกอย่างเธออย่าคิดว่าชั้นสามสิบสองของบริษัทไม่โกลาหล เธอน่ะอยู่บนสวรรค์แล้วยังไม่รู้ตัวอีก”

ถ้าหากไม่ใช่เพราะฉูเจ๋อหยางพยักหน้า เวยเวยคงจะไม่ได้ทำงานที่ออฟฟิศนี้ เด็กโง่คนนี้ยังไม่รู้ตัวอีก

เป้ยฉ่ายเวยไมได้คิดมากอย่างนั้น เธอก้าวถอยหลังและพูดว่า “เวยเวยเธอมีตัวละครแบบนี้เยอะไหม ครั้งหน้าจะสัมภาษณ์ใคร ฉันช่วยเธอได้นะ”

ซือซือคิดแล้วคิดอีกจึงพูด “มีไม่กี่คน แต่ฉูเจ๋อหยางนั้นแพงที่สุด ถูกเธอเอาไปกินแล้ว ส่วนที่เหลือจะได้รับแจ้งในเดือนหน้า แน่นอนเธอมาเป็นอาสาสมัครได้”

ไม่มีปลามีกุ้งก็ยังดี เธอไม่เกี่ยงเงินมากน้อย เป้ยฉ่ายเวยพูดอย่างกระตือรือร้น “ครั้งต่อไปคนไหนยากบอกฉันมาได้เลย”

ซือซือไม่ต้องการคุยกับคนหิวเงินอีกต่อไป เวยเวยคิดว่าคนที่มีค่าหัวสูงเหล่านี้จะมาให้สัมภาษณ์กับพวกไก่อ่อนอย่างนั้นเรอะ แน่นอนว่าจะต้องเป็นพวกที่ยากจะเอาชนะ เป็นคนแปลกๆ ไม่ชอบถูกสัมภาษณ์ มีความเป็นส่วนตัวสูง จะโน้มน้าวใจได้ง่ายๆได้อย่างไรกัน

“อ้อ ฉันต้องไปแล้วล่ะ ยังไม่ได้กลับไปตอกบัตรเลย”

“เธอกลับไปเถอะ วันนี้ฉันไปรับรุ่ยรุ่ยเอง เธอเอาบัตรรับมาให้ฉันก็พอแล้ว” เธอไม่ได้เห็นเจ้าซาลาเปาน้อยของเธอมาหลายวันแล้ว

ซือซือนำบัตรใบหนึ่งออกจากกระเป๋า “อะ ให้เธอ”

เป้ยฉ่ายเวยยื่นมือไปหยิบมาและเก็บไว้ในกระเป๋าของเธอ เธอกลัวว่าตัวเองจะลืม

“ฉันไปก่อนนะ” ซือซือใส่รองเท้าสีแดงรุ่นลิมิเต็ดของตัวเองด้วยความทะนุถนอมโดยไม่รู้เลยว่ามันจะเปียกน้ำตอนกลางวันหรือไม่ จะพังรึเปล่า ถ้ารู้ก็คงไม่โวยวายกับเวยเวย

รองเท้าคู่นี้ราคาหลายหมื่น

“อื้อ ขับรถช้าๆหน่อยล่ะ”

ซือซือโบกมือเพื่อสื่อว่ารับทราบแล้ว

เป้ยฉ่ายเวยนำถ้วยทั้งสองใบไปล้าง เช็ดทำความสะอาดแล้วนำกลับมา ครั้งต่อไปอย่าเอาออกมาใส่น้ำตามอำเภอใจก็พอ

รอจนกระทั่งสี่โมงยี่สิบนาที เป้ยฉ่ายเวยก็หยิงกุญแจและออกไปรับรุ่ยรุ่ย

ชั้นเรียนอนุบาลเลิกเรียนค่อนข้างเร็ว สี่โมงครึ่งคุณครูก็ออกมาพร้อมกับเด็กน้อยกลุ่มหนึ่ง

เธอเห็นรุ่ยรุ่ยเดินมาแต่ไกล เจ้าขนมปังน้อยดูไม่ค่อยมีความสุขเท่าใดนัก ขนคิ้วเล็กๆทั้งสองข้างขมวดติดกันแน่น

เป้ยฉ่ายเวยยื่นบัตรรับนักเรียนให้กับคุณครู

หลังจากคุณครูยืนยันเรียบร้อยแล้วก็ตะโกนข้ามรั้วไป “รุ่ยรุ่ย คุณแม่มารับหนูแล้วจ๊ะ”

เป้ยฉ่ายเวยเห็นได้ชัดว่าเมื่อรุ่ยรุ่ยได้ยินว่าเธอมารับ ดวงตาทั้งคู่ของเขาก็ลุกวาว ไม่หลงเหลือความเศร้าหมองอีกเลย เขาเดินออกมาอย่างมีความสุข

ช่วงเวลานั้น เป้ยฉ่ายเวยรู้สึกอึดอัดใจอยู่บ้าง รุ่ยรุ่ยเป็นเช่นนี้เพราะว่าไม่ได้เห็นหน้าเธอหลายวัน นั่นเลยทำให้เขาไม่มีความสุขอย่างนั้นหรอ

รุ่ยรุ่ยดึงแขนเสื้อของเป้ยฉ่ายเวย เสียงอันไร้เดียงสาพูดขึ้นว่า “แม่ครับ แม่มารับรุ่ยรุ่ยกลับบ้านแล้วใช่ไหม”

“อื้อ รุ่ยรุ่ยเด็กดี หลายวันนี้แม่ทำงานยุ่งเลยไม่ได้มาหาหนู” เป้ยฉ่ายเวยลูบหัวเขาอย่างเอ็นดู

“รุ่ยรุ่ยรู้แล้วล่ะ คุณป้าบอกแล้ว วันนี้แม่ไม่ต้องทำงานล่วงเวลาหรอครับ” หลายวันมานี้รุ่ยรุ่ยไม่ได้เจอเป้ยฉ่ายเวยเขาก็ไม่มีความสุข ตอนนี้ได้พบเธอแล้ว เขาก็รู้สึกมีความสุขขึ้นมาทันที

“อื้อ วันนี้แม่ไม่ยุ่ง วันนี้เราสองคนไปทานบะหมี่เนื้อที่ลูกชอบกันดีไหม” เป้ยฉ่ายเวยไม่สามารถบรรยายได้ว่าใจเธอรู้สึกเช่นไร เธอแค่อยากจะอยู่กับรุ่ยรุ่ยอย่างนี้ตลอดไป ไม่ต้องไปที่ไหนอีกเลย

แต่บางครั้งความจริงก็โหดร้าย เธอยังต้องทำงานหนัก เราถึงจะเลี้ยงดูลูกของเราได้“ครับ” รุ่ยรุ่ยพยักหน้าอย่างมีความสุข ขอแค่ได้อยู่กับแม่ จะทานอะไรก็ไม่สำคัญเป้ยฉ่ายเวยจูงมือเล็กๆของรุ่ยรุ่ยไว้ ขณะที่พูดกับเขาเธอก็มีน้ำเสียงที่ผ่อนคลาย “ไป เราไปทานก๋วยเตี๋ยวเนื้อกันเถอะ”ทั้งสองสั่งบะหมี่เนื้อชามใหญ่ สองส่วนรุ่ยรุ่ยก็ทานไม่หมด เป้ยฉ่ายเวยยิ่งไม่ต้องพูดถึง เจ้าของร้านให้เธอมาน้อยที่ไหนกันเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อเป็นลุงที่อายุราวห้าสิบ เขาลูบหัวรุ่ยรุ่ยเบาๆและพูดว่า “รุ่ยรุ่ยโตขึ้นเยอะมากเลยนะ”“ใช่ค่ะ รุ่ยรุ่ยสูงขึ้นไม่น้อยเลย” พัฒนาการของรุ่ยรุ่ยนั้น เขาเติบโตเร็วมาก เรื่องโภชนาการนั้นเต็มที่เป้ยฉ่ายเวยตักเนื้อสองสามชิ้นใส่ช้อนและพูดขึ้นว่า “รุ่ยรุ่ยเลือกทานไม่ได้ครับ”ถึงแม้รุ่ยรุ่ยจะชอบทานก๋วยเตี๋ยวเนื้อ แต่ว่าเขาก็ไม่ค่อยจะชอบเนื้อวัวเท่าใดนักแต่เมื่อเป้ยฉ่ายเวยเอ่ยปาก รุ่ยรุ่ยก็รักษาหน้าโดยการทานเข้าไป“เวยเวย เธอก็ยังดุเหมือนเดิม”ลุงรู้จักเป้ยฉ่ายเวยและรุ่ยรุ่ยตั้งนานมาแล้ว เด็กสาวอายุสิบกว่าปีก็กลายมาเป็นแม่คน แม้ว่าถึงตอนนี้เขาจะยังไม่เคยได้ยินชื่อชายคนนั้นจากปากของเวยเวย ถึงแม้ว่าเขาจะถาม คำตอบที่ได้รับก็มีแต่ความเงียบเท่านั้น

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์