โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

หลงรักทนายคนเลว

ตอนที่ 112 ผู้ก่อเหตุ

ตอนที่ 112 ผู้ก่อเหตุ

ฉูเจ๋อหยางกลับมาแล้ว แต่เค้าจอดรถไว้อีกฟากของถนน มองพวกเขาทั้งสองคนที่พูดคุยกันอย่างสนิทสนมด้วยสายตาที่เย็นชา

โดยเฉพาะตอนที่หลี่จื่อเชียนปัดผมของเป่ยฉ่ายเวยไปทัดหู แล้วค้างมือไว้อย่างนั้น ทั้งสองคนนั้นดูลึกซึ้งมาก

ที่เขาเห็นนั้นเป็นสิ่งที่ชัดเจนและตรงไปตรงมาที่สุด

ดังนั้นที่เป่ยฉ่ายเวยปฏิเสธเขา ก็เพราะหลี่จื่อเชียนใช่ไหม.....

เยาะเย้ยกันชัดๆ

สายตาที่เย็นชาของฉูเจ๋อหยางจ้องมองไปยังค่ำคืนที่มืดสนิท ทันใดนั้นเขาก็กระแทกพวงมาลัยแล้วเหยียบคันเร่งจนมิด รถพุ่งออกไปไกลเร็วราวกับลูกธนู

‘เอี๊ยด’ เสียงเบรกลากยาวดังขึ้นบนถนน

เป่ยฉ่ายเวยที่นอนอยู่บนเตียงตกใจตื่นทันที ยกมือขึ้นมาเช็ดหน้าผากที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อ รอบๆยังคงมืดสนิท นี่ฝันร้ายอีกแล้วหรอเนี่ย?

เธอเอนตัวลงนอนอีกครั้งทั้งที่ยังไม่หายตกใจ ไม่รู้ว่าทำไมถึงยังรู้สึกกระวนกระวายใจ

วันที่สองหลังจากตื่นขึ้นมา เป่ยฉ่ายเวยมองไปยังห้องที่ว่างเปล่า เผยให้เห็นความอ้างว้างในดวงตาของเธอ พอคิดได้ว่าต้องทำงานเธอก็รีบจัดการความรู้สึกของตัวเอง

แต่งหน้าแต่งตัวไปทำงาน

ในที่ทำงานมีเพื่อนร่วมงานหลายคนกำลังยุ่งอยู่กับงาน

เป่ยฉ่ายเวยไม่ได้ถือว่ามาเร็วที่สุด แต่ก็ไม่ได้สายเกินไป เธอวางของของตัวเองไว้บนโต๊ะทำงาน แล้วจึงเริ่มทำงาน

อย่างแรกเธอจะต้องวางกาแฟไว้ที่โต๊ะของฉูเจ๋อหยางก่อนที่เขาจะมา จากนั้นก็จัดการจัดเรียงเอกสารต่างๆ และตรวจสอบความเรียบร้อยทุกอย่างในห้องทำงาน

เมื่อทำทุกอย่างครบหมดแล้ว เธอก็ออกมาจากห้องทำงาน และบังเอิญเจอหลินไห่ที่เพิ่งมาทำงานพอดี

“เวยเวย ในที่สุดเธอก็มาทำงานแล้ว อาการดีขึ้นบ้างหรือยัง?”

เมื่อหลินไห่เห็นเป่ยฉ่ายเวยเดินออกมาจากห้องทำงานของฉูเจ๋อหยางก็ดีใจมาก ได้ยินมาว่าเธอลาป่วย ตอนแรกก็อยากจะไปเยี่ยม แต่พอไปถามฝ่ายบุคคลแล้ว พวกเขาก็เอาเรื่องส่วนตัวมาเป็นเหตุผลในการปฏิเสธ

เขาเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าเขาไม่มีแม้แต่เบอร์โทรศัพท์ของเวยเวย

เป่ยฉ่ายเวยมึนงงเล็กน้อย ก่อนจะตอบด้วยสีหน้าที่ดูเป็นธรรมชาติ “อื้ม ดีขึ้นเยอะแล้ว”

“ทำไมฉันรู้สึกว่าเธอน้ำหนักลดลงไปมาก” หลินไห่ถามด้วยความเป็นห่วง

“ไม่นะ ฉันก็เป็นแบบนี้มาตลอด” ผอมลงหรอ ตัวเธอเองยังไม่เห็นรู้สึกแบบนั้นเลย

“จริงๆหน้ารูปไข่ของเธอน่ะดูน่ารักมาก แต่ตอนนี้มันกลายเป็นเมล็ดแตงโมแล้ว ไม่อย่างนั้นเธอคงสวยมากๆ” หลินไห่พูดพร้อมยื่นมือมาเทียบวัดหน้าของเป่ยฉ่ายเวย

แต่ถ้าผอมก็สวย อ้วนก็น่ารัก ไม่ว่าแบบไหนก็ดึงดูดคนได้อยู่แล้ว

“ไม่มีอะไรทำหรอ ถึงมายืนคุยเรื่องไร้สาระกันอยู่ตรงนี้” ฉูเจ๋อหยางเดินเข้ามาพร้อมเสียงอันเย็นชา

ทั้งสองคนต่างก็ตัวสั่นด้วยความกลัว เป่ยฉ่ายเวยกัดริมฝีปากตัวเองและรีบก้มหน้าก้มตาเพื่อไม่ให้เขาเห็นถึงความรู้สึกน้อยใจที่ออกมาจากแววตาของเธอ

ใช่ เธอรู้สึกน้อยใจ เขาออกไปโดยไม่พูดอะไรเลย แม้แต่คำอธิบายสักคำก็ไม่มี เห็นคอนโดของเธอเป็นโรงแรมหรือไง?

“ทนายฉูคะ พวกเราจะไปทำงานเดี๋ยวนี้ล่ะค่ะ” หลินไห่ไม่เข้าใจว่าเจ้านายที่ไม่เคยสนใจเรื่องเล็กๆแบบนี้ ทำไมอยู่ๆก็เหมือนกินดินระเบิดเข้าไป น้ำเสียงก็มีกลิ่นอายของประกายไฟ

เป่ยฉ่ายเวยแสดงตัวเป็นผู้ช่วยตัวเล็กๆ พยักหน้าให้ฉูเจ๋อหยางแทนคำตอบ แล้วเดินตามหลินไห่ออกไป

ฉูเจ๋อหยางจ้องมองไปยังแผ่นหลังของเป่ยฉ่ายเวยที่เดินก้มหัวออกไป ตั้งแต่เริ่มจนสุดท้ายเธอก็ยังไม่เงยหน้ามาสบตาเขาเลย

เป็นเพราะหลี่จื่อเชียนกลับมา ก็เลยอดใจรอไม่ไหวที่จะไปหาเขาใช่ไหม?

ดีมากเป่ยฉ่ายเวย!

เมื่อทั้งสองคนออกมาพ้นเขตอันตรายแล้ว หลินไห่ก็ถอนหายใจอย่าโล่งอก “เวยเวย เธออย่าไปอะไรเลยนะ เจ้านายของราก็แบบนี้แหละ วันนี้อารมณ์อาจจะไม่ค่อยดีนิดหน่อยน่ะ”

“อื้ม” เป่ยฉ่ายเวยตอบด้วยอาการใจลอยเล็กน้อย

หลินไห่ยังคงสงสัยไปเรื่อยเปื่อย “เมื่อก่อนเจ้านายของเรานิ่งอย่างกับภูเขาน้ำแข็ง พวกเราก็เลยชิน ไม่รู้ว่ามีใครไปกวนโมโหเจ้านายเข้า หรือว่าเจอคดีที่จัดการยาก...แต่ฉันก็ไม่ได้ข่าวอะไรนะ”

“หรือจะเป็นเพราะมีเรื่องบาดหมางกับใคร? แบบนี้ไม่ถูกละ เป็นเพราะก่อนหน้านี้มีข่าวว่าเจ้านายอยู่กับหนานฉิงอะไรนั่นหรือเปล่า?”

“พี่ไห่ ฉันขอตัวไปทำงานก่อนนะ” เมื่อเป่ยฉ่ายเวยได้ยินชื่อของหนานฉิงแววตาของเธอก็แสดงถึงความเศร้าโศก

หลินไห่เพิ่งรู้ว่าตัวเองพูดเหมือนจะพูดอะไรไม่ค่อยเหมาะสมออกไป เพราะอยากจะกอบกู้ภาพลักษณ์ของตัวเอง จนเป่ยฉ่ายเวยเดินไปโดยไม่สนใจอะไร แม้แต่เสียงที่เขาเรียกเธอก็ไม่ได้ยิน

ทำไมถึงดูแปลกๆขนาดนี้นะ?

เมื่อเป่ยฉ่ายเวยบังเอิญเจอฉูเจ๋อหยางในตอนเช้าก็สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ทำงานผิดติดต่อกัน ทันทีที่นึกถึงเรื่องที่รับปากกับซือซือเมื่อวานนี้ ดูเหมือนตอนนี้เธอต้องการกลับคำซะแล้ว

จริงๆแล้วเธอไม่ได้มีความสำคัญกับฉูเจ๋อหยางขนาดนั้น

“เวยเวย มานี่หน่อย”

พอได้ยินว่ามีคนเรียก เป่ยฉ่ายเวยก็วางเอกสารที่เพิ่งถ่ายสำเนาเสร็จไว้ แล้วรีบเดินไป “อานหราน คุณเรียกฉันหรอ”

“ใช่ พวกเรามีงานสำคัญมากที่ต้องทำ ขยับตัวไปไหนไม่ได้เลย รบกวนเธอช่วยเอาชานมกับของหวานมาให้พวกเราหน่อยนะ” ลวี่อานหรานชี้ไปที่ตัวเองและเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ

เพื่อนร่วมวานคนอื่นก็พูดเสริมต่อ “ใช่ เวยเวยช่วยเอาทาร์ตไข่มาให้สักสองชิ้นนะ ฉันยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลย หิวมากๆ”

“ฉันเอาแซนค์วิชชิ้นนึง แล้วก็กาแฟหวานน้อยแก้วนึงนะ”

“ส่วนฉันเอาน้ำมะนาวแก้วนึง ไม่ใส่น้ำแข็ง แล้วก็ไม่เอาเม็ดนะ”เป่ยฉ่ายเวยมองไปยังทุกคนรวมทั้งลวี่อานหรานที่กำลังยิ้มด้วยความรู้สึกดีที่ได้แกล้งคนอื่น ก่อนจะพยักหน้ารับ “ค่ะ”แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าทำไมอานหรานถึงอคติกับเธอ แต่ธอก็เป็นพนักงานใหม่ แล้วก็เป็นแค่ผู้ช่วยเล็กๆ แค่นี้มันคงไม่เป็นไรมากหรอกเธอไม่อยากให้มนุษยสัมพันธ์แย่ลงเงาของคนร่างใหญ่ยืนขวางอยู่ข้างหน้าเป่ยฉ่ายเวย เพื่อออกหน้าช่วยเหลือเธอ “นี่ๆ พวกเธอกำลังทำบ้าอะไรกัน ต้องการนุ่นนี่เยอะแยะขนาดนี้ เวยเวยคนเดียวจะซื้อมาให้ยังไง?”“หลูเสี่ยวหยา นี่เธอมายุ่งไรด้วย ถ้าเธอคิดว่าเวยเวยถือคนเดียวไม่ไหวก็ไปด้วยกันเลยสิ ใครใช้ให้เธอทำ อีกอย่างเจ้าตัวก็ไม่ได้พูดอะไร แล้วเธอจะมาตะโกนอะไรตรงนี้”ลวี่อานหรานมองหลูเสี่ยวหยาด้วยสายตาที่รังเกียจ ไม่รู้ว่าฝ่ายบุคคลคิดอะไรอยู่ ทำไมถึงให้คนที่อ้วนและน่ารังเกียจขนาดนี้เข้ามาทำงาน ไม่กลัวฉุดภาพลักษณ์ของบริษัทหรอ“ลวี่อานหราน ทุกคนคือเพื่อนร่วมงาน คุณกดขี่เวยเวยแบบนี้หมายความว่าไง ใครไม่รู้บ้างว่าคุณอิจฉาเวยเวยที่ได้เป็นผู้ช่วยทนายฉู ผู้ช่วยคนที่แล้วก็ทนไม่ไหวจนต้องลาออก”หลูเสี่ยวหยาพูดถึงอดีตโดยไม่เกรงใจ ใครกลัวใครกันแน่ ผอมเป็นไม้เสียบผีแบบนั้น ดีดทีเดียวก็กระเด็นแล้วเป่ยฉ่ายเวยมองไปที่ลวี่อานหรานด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย ในที่สุดเธอก็เข้าใจแล้วว่าทำไมผู้หญิงหลายคนถึงมุ่งเป้าไปที่เธอ เธอคิดว่ามันเป็นแค่การแกล้งคนที่มาใหม่เฉยๆ ไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้ใครบอกว่าผู้หญิงคือบ่อเกิดความหายนะ ผู้ชายก็เป็นแบบนั้นเช่นกัน

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์