ตอนที่ 116 หน้าตาของผู้ชายก็สำคัญนะ
“เวยเวย เมื่อกี้ฉันล่ะกลัวแทบแย่” พอฉูเจ๋อหยางไปหลูเสี่ยวหยาก็รีบพูดออกมาทันที
เป่ยฉ่ายเวยมองหาฉูเจ๋อหยางที่เดินออกไปแล้ว จริงๆฉูเจ๋อหยางไม่จำเป็นต้องออกหน้าก็ได้ เธอก็แค่ผู้ช่วยเลขา ชื่อเสียงในสังคมของเธอ จะมีสักกี่คนเชียวที่รู้จัก
เพื่อที่จะแก้ต่างให้เธอ ทำแบบนี้มันคุ้มค่าจริงๆหรอ
เธอไม่รู้หรอกว่าอะไรคือรสชาติของชีวิต แต่คำพูดสุดท้ายของฉูเจ๋อหยางกระทบต่อเธออย่างมาก
บทบาทของผู้ช่วยงั้นหรอ? อะไรคือบทบาท ทำไมอยู่ๆเธอก็รู้สึกว่าเธอแบกภาระหนักอึ้งไว้บนบ่า
“เวยเวย ทำไมเธอพูดอะไรเลย ไม่ใช่ว่ากำลังช็อคอยู่หรอ” หลูเสี่ยวหยาโบกมือไปอยู่ตรงหน้าของเป่ยฉายเวย แต่ก็ยังไม่มีการโต้ตอบอะไร
“เสี่ยวหยา ฉันโอเค ขอบคุณมากนะที่ช่วยพูดแทนฉัน” สำหรับเพื่อนร่วมงานที่เพิ่งรู้จักและคุยกันได้แค่แปปเดียว หลูเสี่ยวหยาสามารถทำเพื่อเธอได้ขนาดนี้ เป่ยฉายเวยนับถือน้ำใจเธอจริงๆ
หลูเสี่ยวหยาแกล้งตอบไปอย่างโมโห “ทำไมต้องพูดเกรงใจอะไรขนาดนั้น เธอไม่ได้คิดว่าฉันเป็นเพื่อนเลยหรือไง”
“ไม่ใช่” เป่ยฉ่ายเวยส่ายหัว
“ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง” หลูเสี่ยวหยาเปลี่ยนมาเป็นใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
“เวยเวย เดี๋ยวเข้ามาหาฉันที่ห้องทำงานหน่อยนะ ฉันเพิ่งเห็นว่ามีงานที่ต้องแก้ไขนิดหน่อย” หลินไห่พูดเหมือนมีอะไรเกิดขึ้นอย่างกะหันทัน แล้วกลับไปที่ห้องทำงานของตัวเอง
“ได้ค่ะ” เป่ยฉ่ายเวยตอบรับ
มีเพียงอวี๋อานหรานที่เงียบไม่พูดจา และแสดงใบหน้าที่คาดแค้น
“เวยเวย เหมือนว่านี่จะถึงเวลาพักเที่ยงแล้วนะ พวกเราลงไปข้างล่างกันก่อนเถอะ” หลูเสี่ยวหยาพูดพลางคว้ามือเป่ยฉ่ายเวยให้เดินตามไป เธอไม่อยากจะอยู่กับผู้หญิงที่ขี้โกหกอย่างลวี่อานหราน
“อื้ม” เป่ยฉ่ายเวยก็มองไปที่ลวี่อานหรานด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย ก่อนจะเดินตามหลูเสี่ยวหยาไป
ลวี่อานหรานจ้องมองเงาหลังของเป่ยฉ่ายเวยที่ค่อยๆเดินออกไป แทบอยากจะทะลุไปใช้เล็บที่เรียวยาวของเธอจิกลงไปที่เนื้อของเป่ยฉ่ายเวย เป่ยฉ่ายเวยเธอมีความสุขได้อีกไม่นานหรอกนะ
“เวยเวย เธอไม่รู้สึกเสียวสันหลังหรอ” บางทีความคิดแค้นของลวี่อานหรานอาจจะแรงมากจนขนาดหลูเสี่ยวหยารู้สึกขนลุก
“รู้สึก” เป่ยฉ่ายเวยก็รู้สึกเช่นนั้นเหมือนกัน แต่เธอแค่ไม่พูด ใครไม่ทำฉันฉันก็ไม่ทำใคร เธอจะไม่ให้อภัยลวี่อานหรานเลยแม้แต่น้อย แล้วเธอก็ไม่มีความจำเป็นต้องถอยหลังด้วย
“ต่อไปต้องอยู่ห่างๆผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นไว้นะ แล้วนี่เสื้อผ้าที่ตัวเธอน่ะใส่ออกไปกินข้าวแบบนี้ไม่ได้หรอกนะ ฉันเอาเสื้อคลุมมาเยอะ เธอเอาไปใส่ก่อนสิ” หลูเสี่ยวหยาหยิบเสื้อตัวหนึ่งให้เป่ยฉ่ายเวย
“ขอบคุณเธอมากๆเลยนะเสี่ยวหยา”
เป่ยฉ่ายเวยก้มมองเสื้อผ้าตัวเองก็คิดว่ามันไม่เหมาะจริงๆ ที่หัวก็เปื้อนน้อยอยู่หรอก แต่ที่สำคัญเลยก็คือเสื้อผ้าของเธอเปื้อนไปเกือบทั้งตัวเลย
“ไม่เป็นไร แค่นี้เล็กน้อย” หลูเสี่ยวหยาลูบหัวตัวเองอย่างรู้สึกเขินอายนิดหน่อย
เมื่อทั้งสองคนมาถึงโรงอาหารก็เจอกับอวี๋ซือซือที่นั่งรออยู่พอดี พอเธอเห็นเป่ยฉ่ายเวยก็รีบโบกไม้โบกมือให้ทั้งสองเดินมา
“เวยเวย วันนี้เธอมาช้าจัง อ้าวแล้วข้างๆเธอคือใครล่ะเนี่ย”
เป่ยฉ่ายเวยจึงแนะนำให้ทั้งสองรู้จักกันไปแบบง่ายๆ แล้วก็พอว่านิสัยของทั้งคู่ไปกันได้ดีทีเดียว เหมือนรู้จักกันมานานแล้ว
“เอ้อ เสี่ยวหยาพวกเธอยังไม่ได้บอกเลยว่าทำไมมาช้าจัง” อวี๋ซือซือไม่ลืมที่จะถาม
หลูเสี่ยวหยาก็เลยเล่าเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นข้างบนให้อวี๋ซือซือฟังอย่างออกรสออกชาติ จนแทบจะสาธิตให้อวี๋ซือๆเห็นภาพอยู่แล้ว
‘ปั้ง’
อวี๋ซือซือตบโต๊ะก่อนที่จะลุกขึ้นมาพูดอย่างโมโห “อะไรกัน? เธอรีบพาฉันขึ้นไปข้างบนเลยนะเสี่ยวหยา”
คนที่กำลังกินข้าวอยู่หลายโต๊ะข้างอดไม่ได้ที่จะหันมามอง
“ซือซือ เธอนั่งลงก่อน เรื่องนี้จัดการเรียบร้อยหมดแล้ว” เป่ยฉ่ายเวยรีบดึงให้อวี๋ซือซือนั่งลง
หลูเสี่ยวหยาไม่คิดว่านิสัยอวี๋ซือซือจะโกรธขนาดนี้ เธอรู้สึกชื่นชมจนแทบจะพูดไม่ออก “ใช่ๆ ซือซือ เจ้านายของพวกเราแก้แค้นให้แทนเวยเวยแล้ว”
ซือซือเนี่ยเท่จริงๆเลย
อวี๋ซือซือกลับลงมานั่งแบบไม่สบอารมณ์ แล้วพูดอย่างไม่พอใจ “หึ ฉูเจ๋อหยางปล่อยผู้หญิงคนนั้นไปอย่างง่ายดายขนาดนี้เรียกว่าแก้แค้นหรอ”
หลูเสี่ยวหยากระพริบตาทั้งสองข้างปริบๆแล้วมองไปที่เธอ “ซือซือ ฟังจากน้ำเสียง เธอรู้จักเจ้านายของพวกเราด้วยหรอ?”
“แน่นอนสิ.....” อวี๋ซือซือกำลังจะพูดว่ารู้จัก แต่เสื้อผ้าของเธอกำลังถูกดึงอยู่ที่ใต้โต๊ะ เธอก็เลยแก้คำพูดที่จะพูด “แน่นอนสิว่าไม่รู้จัก ใครจะอยากไปรู้จักกับภูเขาน้ำแข็งขนาดใหญ่อย่างเจ้านายเธอล่ะ”
เป่ยฉ่ายเวยถอนหายใจด้วยความโล่งอก แม้ว่ารู้สึกซาบซึ้งกับเรื่องที่หลูเสี่ยวหยาทำให้ แต่เธอก็ยังไม่อยากบอกเรื่องของตัวเองกับฉูเจ๋อหยาง ไม่ใช่แค่เพื่อตัวเอง แต่มันก็ดีต่อหลูเสี่ยวหยาด้วย
“จริงๆฉันคิดว่าฉันรู้จักกับเจ้านายช่วงหน้าร้อนดีกว่า ไม่ต้องใช้แอร์ก็รู้สึกเย็นวาบได้เลย”
ในใจที่กำลังมีลมพักเย็นสบาย จะไม่เป็นอย่างนั้นถ้าหลูเสี่ยวหยาไม่ได้ถามคำถามนี้กับอวี๋ซือซือ เธอถามด้วยใบหน้าที่ตื่นเต้น “ฉันอยากรู้จักเจ้านายของเธอมากๆเลยอะ”
พอนึกถึงเจ้านายของอวี๋ซือซือ เธอก็รีบพูดแนะนำด้วยความจริงใจ “เสี่ยวหยา เธอยังเด็กยังไม่เข้าใจโลกที่โหดร้ายนี้หรอก ผู้ชายเค้าไม่ได้มองกันที่รูปร่างหน้าตาอย่างเดียว แต่ก็ต้องมองไปถึงด้านบุคลิก การพูดจาและการศึกษาด้วย เธอเข้าใจไหม?”
เจ้านายของพวกเธอน่ะโรคจิตชอบฟื้นฝอยหาตะเข็บ รูปลักษณ์ภายนอกก็ดี แต่จิตใจดำมืด
“ถ้าเป็นผู้ชายที่ทำตัวน่าเกลียดมองหาแต่ผู้หญิง ซือซือก็ต้องมองที่บุคลิก การพูดจาแล้วก็การศึกษาด้วยหรือเปล่า?” หลูเสี่ยวหยาย้อนถามอวี๋ซือซือด้วยคำพูดของซือซือเอง
อวี๋ซือซือเงียบไปเพื่อคิดสักพัก “น่าเกลียดแค่ไหน?”
หลูเสี่ยวหยากวาดตามองไปรอบๆโรงอาหาร เธอใช้นิ้วมือสะกิดแล้วชี้ไปที่ผู้ชายที่อยู่ห่างไปอีกหลายๆโต๊ะ แล้วก็รีบพูดว่า “นั่นๆๆ เกือบจะใช่เค้าเลยปะ”
อวี่ซือซือมองไปแล้วหันกลับมาถอนหายใจทันที “เสี่ยวหยา ฉันคิดว่ารูปร่างหน้าตาก็เป็นสิ่งที่สำคัญมากนะ”
“ฉันก็คิดแบบนั้น” ทั้งสองคนพูดแล้วก็จับมือกัน
เป่ยฉ่ายเวยคิดว่าพวกเค้าทั้งสองคนสนิทกันเร็วมากจนน่าประหลาดใจ ไม่อาจคิดได้ว่าพวกเธอเพิ่งเจอกันครั้งแรก
คนที่นั่งกินข้าวอยู่ตรงนั้น ดวงตาทั้งสองข้างเหมือนกันเม็ดงา จมูกที่แหมบนั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญ ที่สำคัญก็คือรูจมูกเขาใหญ่เท่ากับกระเทียมที่มันงอกขึ้นมาในรูจมูกของเขา
กินข้าวคำนึงใหญ่จนแบบหมดจาน ปากก็เต็มไปด้วยน้ำมัน บนหน้าก็มีข้าวติดอยู่ มีไฝเม็ดใหญ่มากอยู่ที่คาง แล้วบนไฝนั้นก็มีขนหยาบและยาวอีกสองสามเส้น
ระหว่างนั้นเขาก็เหมือนจะเห็นว่าเป่ยฉ่ายเวยมองอยู่ จึงยกมือมันๆขึ้นเพื่อโบกทักทายเธอ
“โอ้——”
เป่ยฉ่ายเวยและทุกคนรู้สึกไม่ดีเอาซะเลย
อวี๋ซือซือตบบ่าเธอเพื่อปลอบใจ “เวยเวย เค้าไม่ได้โบกมือให้เธอหรอก ไม่เป็นไรนะ”“ใช่ๆ แต่ฉันคิดว่าเขากำลังจ้องเธอนะ” หลูเสี่ยวหยาพูดขึ้น เป่ยฉ่ายเวยรีบเอามือปิดปากหลูเสี่ยวหยา “ไม่ต้องพูดแล้ว ถ้าพูดอีกฉันจะไม่กินแล้วนะ”“โอเค ไม่พูดเรื่องนี้ละ แล้วเรื่องที่ฉันให้เธอช่วยไปถามให้เป็นยังไงบ้าง?” อวี๋ซือซือไม่กล้าพูดชื่อฉูเจ๋อหยางเลยต้องถามแบบนี้“ยังไม่ได้ถามเลย” เป่ยฉ่ายเวยตอบ“วันนี้เธอต้องถามให้ฉันนะ ฉันต้องได้คำตอบพรุ่งนี้” หัวหน้าบรรณาธิการของเธอแทบจะกินหัวเธอแล้ว“อืม” เป่ยฉ่ายเวยพยักหน้าด้วยความไม่มั่นใจเล็กน้อย“พวกเธอกำลังพูดอะไรกันอยู่หรอ” หลูเสี่ยวหยาฟังบทสนทนาของพวกเธอแล้วก็กำลังพูดเรื่องที่เธอไม่รู้อยู่คนเดียว“ไม่มีไร แค่กำลังคุยกันว่าคืนนี้จะไปเที่ยวไหนดี” อวี๋ซือซือแกล้งๆตอบเหตุผลที่ไร้สาระไป“เที่ยวหรอ ฉันที่ดีๆแนะนำนะ วันนี้ไปกัน” พอพูดถึงเรื่องเที่ยว หลูเสี่ยวหยาก็คึกคักขึ้นมาทันที“ได้สิ” ช่วงนี้อวี๋ซือซือรู้สึกเบื่อๆอยู่พอดีสองคนนี้เข้ากันได้ดีจริงๆ
copy right hot novel pub