โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

หลงรักทนายคนเลว

บทที่123 พี่ชายคนหล่อ คุณยอดเยี่ยมมากอะ

บทที่123 พี่ชายคนหล่อ คุณยอดเยี่ยมมากอะ!

มือเป้ยฉ่ายเวยยังไม่ทันได้แตะลูกบิดประตู ทั้งตัวเธอก็ถูกดึงเข้าสู่อ้อมกอด กลิ่นจางๆของยาสูบที่ไม่เหมือนใครของชายคนนี้ ทำให้เธอคิดอยากจะร้องไห้

“คุณคิดอยากจะช่วยหล่อน” เสียงต่ำของชายคนนั้นดังลอดมาทางหน้าผาก

นี่ทำให้ได้รู้ว่านอกจากกลิ่นยาสูบบนตัวชายคนนั้นแล้ว ยังมีกลิ่นเหล้าอีกด้วย ถ้าหากว่าไม่ได้อยู่ใกล้มาก ก็คงจะไม่ได้กลิ่น

เธอถามด้วยความตะลึง “ฉูเจ๋อหยาง คุณดื่มเหล้าหรอ”

“อื้อ” ฉูเจ๋อหยางตอบรับโดยไม่คลายมือที่กอดรัดเธอไว้ในอ้อมอก เขาได้แต่กอดเธอไว้อย่างเผด็จการ

“ทำไม” เป้ยฉ่ายเวยไม่เข้าใจ เขาไม่ได้ไปทานข้าวกับหนานฉิงหรอกรึ ทำไมถึงได้ไปดื่มอีก เมื่อนึกถึงหนานฉิงใจเธอก็ฟุ้งซ่านและค่อยๆสงบลงทีละน้อย

เธอออกแรงผลักฉูเจ๋อหยาง ฉูเจ๋อหยางไม่ได้คิดว่าเธอจะออกแรงเช่นนี้ ครู่หนึ่งที่ทำให้เธอผละออกไปเล็กน้อย เขาจ้องมองแววตาอันใสซื่อของเธอ

ราวกับจะถามเธอว่า ทำไม

เป้ยฉ่ายเวยกระวนกระวายใจ เธอเบนหน้าหนีจากใบหน้าของเขา “ฉันอยากจะช่วยหล่อน”

“ได้” ฉูเจ๋อหยางจ้องมองท่าทีขัดขืนของเธอ และกลับไปนั่งที่โซฟา

เป้ยฉ่ายเวยจ้องฉูเจ๋อหยาง เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินเข้าใกล้เขาและเลือกตำแหน่งที่จะนั่งลง “ต้องทำอย่างไร”

ฉูเจ๋อหยางท่าทางดูเหนื่อยล้า เขายกมือขึ้นเลิกคิ้วและพูดขึ้นเบาๆ “หาผู้ชายที่โกหกให้เจอ คิดหาวิธีทำให้เขามาเป็นพยาน โจทก์ได้พูดถึงข้อมูลการแชทและรูปภาพไว้ไม่ใช่รึ”

“อื้อแต่ว่าเสี่ยวหยาบอกว่าไม่สามารถใช้เป็นพยานปากเอกได้ สามารถเป็นได้แค่พยานรอง และก็ไม่แน่ว่าจะเป็นประโยชน์” สายตาของเป้ยฉ่ายเวยเป็นทุกข์ เธอกัดริมฝีปากไว้เพื่อไม่ให้ตัวเองแสดงอาการอะไรออกมา

ฉูเจ๋อหยางคร่ำครวญ “วางใจเถอะ รูปถ่ายไม่ได้หยุดอยู่แค่นี้ โจทก์อยู่บริษัทเดียวกับจำเลยไม่ใช่รึ เธอต้องมีโอกาสเห็นผู้หญิงคนนั้นอย่างแน่นอน หาโอกาสดูโทรศัพท์ของหล่อน ต้องมีหลักฐานอย่างอื่นเก็บไว้อย่างแน่นอน”

“แต่ว่าอย่างนี้อาจจะเป็นอันตรายนะ” เป้ยฉ่ายเวยพูดด้วยความกังวล

“อยากจะชนะก็ต้องใช้ความพยายามของตัวเอง ไม่มีอาหารกลางวันฟรีบนโลก ขอแค่เธอสามารถทำได้ พวกเราทางด้านทนายก็สามารถช่วยให้เธอชนะคดีนี้ได้”

น้ำเสียงฉูเจ๋อหยางเข้มขึ้น คดีนี้ทั่วไปแล้ว เขาไม่สนใจนัก ถ้าหากว่าไม่ใช่หญิงสาวโง่ตรงหน้า เขาจะไม่มีข้อยกเว้นเด็ดขาด

“ฉันเข้าใจแล้ว พรุ่งนี้ฉันจะไปคุยกับคุณหยาง” เป้ยฉ่ายเวยรู้ว่าการที่ฉูเจ๋อหยางจะสอนวิธีการให้เธอนั้นก็เป็นเรื่องยากแล้ว ถ้าขอมากไปกว่านี้ก็เท่ากับได้คืบจะเอาศอก

และดูท่าทางของฉูเจ๋อหยางเหมือนเขาจะเหนื่อยล้าเต็มที

ฉูเจ๋อหยางหันหลังไม่มองไปที่เธออีก เขากล่าวอย่างไม่ใยดี “หมดเรื่องแล้ว คุณก็ไปเถอะ”

เมื่อเห็นฉูเจ๋อหยางเป็นเช่นนี้ เป้ยฉ่ายเวยก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร เท้าเหมือนมีรากงอกออกมาทำให้ขยับเคลื่อนไหวไม่ได้ สิ่งที่เธอต้องการ เธอก็พูดไปแล้ว เธอจะยังมีข้อแก้ตัวอะไรในการอยู่ที่นี่อีกล่ะ

ไม่มีแล้ว ควรจะรู้ขอบเขตตัวเอง ที่จริงวันนี้ก็ได้เกินกว่าที่คิดเอาไว้แล้ว

เป้ยฉ่ายเวยค่อยๆลุกขึ้นจากโซฟา เธอหยุดและเหลียวไปมองที่ฉูเจ๋อหยาง เท้าช่างหนักเหมือนเหล็กกล้า จะเคลื่อนตัวไปที่ประตูช่างยากนัก

ก้าวเท้าเดินไปได้ไม่ไกลนัก เป้ยฉ่ายเวยสูดลมหายใจลึกที่ด้านหลังของฉูเจ๋อหยาง เธอรวบรวมความกล้าก่อนที่จะหันไปพูด “ฉูเจ๋อหยาง คุณไม่เป็นไรใช่ไหม ไม่อย่างนั้นให้ฉันทำซุปช่วยสร่างเมาให้ไหม”

เธอบอกกับตัวเอง เพื่อเป็นการตอบแทนที่ฉูเจ๋อหยางช่วยเหลือ มันไม่ได้สื่อถึงอะไร

ฉูเจ๋อหยางหรี่ตาลง เขาพูดโดยไม่หันไปมอง “ผมหิวแล้ว”

“คุณไม่ได้ออกไปทานข้าวกับหนานฉิงหรือไง” ดวงตาเป้ยฉ่ายเวยเบิกกว้าง เธอถามอย่างตรงไปตรงมา ที่แท้คืนนี้เขาไปดื่มในขณะที่ท้องว่าง

ทำไมไม่รู้จักดูแลร่างกายบ้าง

ฉูเจ๋อหยางเหลือบมองเธอและพูดอย่างมีความนัย “ผมไม่เหมือนคุณนี่”

เป้ยฉ่ายเวยหน้าร้อนผ่าว ทำไมเธอรู้สึกว่าฉูเจ๋อหยางกำลังกล่าวโทษเธอที่เธอออกไปทานข้าวกับหลี่จื่อเชียน ส่วนเขาไม่ได้ทานอะไรสักนิด และนี่ก็เป็นความผิดของเธอ

เธอเข้าไปในครัวอย่างเงียบๆ เมื่อเปิดตู้เย็นเธอก็พบว่านอกจากเบียร์แล้วทั้งตู้เย็นก็ว่างเปล่าไม่มีอะไรเลยแม้แต่ไข่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงบะหมี่

เป้ยฉ่ายเวยพูดอย่างถอดใจ “คุณรออยู่ที่นี่ ฉันจะลงไปซื้อของข้างล่าง”

ฉูเจ๋อหยางหยิบเงินในกระเป๋าสตางค์ออกมาวางไว้บนโต๊ะ “จะซื้ออะไรก็แล้วแต่คุณเลยแล้วกัน”

“ไม่ต้อง ฉันมีเงิน” เช่นเคยที่เป้ยฉ่ายเวยรู้สึกอึดอัด เธอไม่เหลือบมองเงินบนโต๊ะเลย เธอเปิดประตูและเดินออกไป

ฉูเจ๋อหยางยืนสับสนอยู่เงียบๆ

ที่ชั้นล่าง เป้ยฉ่ายเวยรู้สึกกระสับกระส่ายเธอหยิบของที่ตัวเองต้องการออกมา

“คนสวย คุณแน่ใจหรอว่าต้องการขนาดเท่านี้”

“เอ๊ะ ว่าไงนะคะ”

เป้ยฉ่ายเวยได้สติและมองไปที่กล่องเล็กๆในมือชายคนนั้นซึ่งเขียนตัวหนังสืออยู่ตัวใหญ่

----ถุงยางอนามัย

เป้ยฉ่ายเวยหน้าแดงก่ำ เธอรีบคว้ากล่องเล็กๆอันชั่วร้ายนั้นออกไปอย่างตื่นตระหนก เธอโยนมันทิ้งไป ไม่รู้ตรงไหน และรีบพูดอย่างลนลาน “ขอโทษค่ะ ฉันหยิบผิด”

แคชเชียร์ผู้ชายคนนั้นพูดด้วยเสียงเนิบๆ “คนสวยไม่ต้องอายหรอก แต่ว่าขนาดของแฟนคุณนี่ไม่ธรรมดาเลยนะ”

“รบกวนช่วยจัดการส่วนที่เหลือให้ฉันด้วยค่ะ” เป้ยฉ่ายเวยแทบจะกัดฟันพูด เธอแค่หยิบผิดเพราะเหม่อเลยเท่านั้น ทำไมผู้ชายคนนี้ขี้เม้าท์ขนาดนี้นะ

แคชเชียร์เลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่แคร์ เขาช่วยเป้ยฉ่ายเวยคิดเงินทุกอย่างบนเคาน์เตอร์ “คนสวย ทั้งหมด87เหรียญ”

เป้ยฉ่ายเวยจะจ่ายเงิน ขณะที่กำลังจะหยิบเงินในกระเป๋าสตางค์ยื่นให้พนักงาน มีคนที่ไวกว่าเธอ ดึงกระเป๋าเธอไป น้ำเสียงของเขาเย็นชาเหมือนกับท่าทาง “ช้ามาก”“ลงมาทำไมคะ” เป้ยฉ่ายเวยหน้าแดงมากเมื่อเห็นฉูเจ๋อหยางราวกับโดนฟืนสุม กองไฟประทุยิ่งขึ้นแคชเชียร์คิดว่าเป้ยฉ่ายเวยดูเหมือนจะเขินอาย เขาจึงพูดขึ้นอย่างเปิดเผย “พี่ชายคนหล่อ พี่สุดยอดมาก ไม่ทราบว่าสิ่งนี้ยังจะเอาอยู่หรือเปล่าครับ”ฉูเจ๋อหยางกำลังสงสัยอยู่ว่าเป้ยฉ่ายเวยหน้าแดงไม่เหมือนกับปกติที่เคยแดง เมื่อเขาได้ฟังสิ่งที่แคชเชียร์พูด สายตาเขาก็เหลือบไปมอง แต่เขาก็ยังไม่เห็นสิ่งใดเป้ยฉ่ายเวยรีบพูดสำทับและคว้า “หลักฐาน” ในมือมาซ่อนที่ด้านหลังตัวเองและพูดขึ้นว่า “ไม่มีอะไร เรารีบไปกันเถอะ คุณหิวแล้วไม่ใช่รึ”คนบ้า ใครใช้ให้เขาทำรู้มากแคชเชียร์แสดงออกเหมือนกับการแสดงออกของคนขับรถเก่า เขามองไปที่ฉูเจ๋อหยางและขมวดคิ้ว มือข้างหนึ่งเหมือนกับร่างเวทมนตร์ เขาหยิบกล่องถุงยางขึ้นมาอีกกล่องพร้อมยิ้มและพูดว่า “พี่ชายสุดหล่อไม่ต้องเกรงใจ หิวแล้วกลับไปค่อยๆทานนะครับ”ในที่สุดฉูเจ๋อหยางก็เห็นสิ่งที่อยู่ในมือแคชเชียร์ เขามองเป้ยฉ่ายเวยและแอบอมยิ้ม แต่ไม่ช้ารอยยิ้มนั้นก็หายไปในแววตาคมลึก เขาพูดอย่างสุภาพ “ที่แท้คุณก็ชอบยี่ห้อนี้”“ฉันไม่ชอบ ฉันไม่ได้ชอบยี่ห้อนี้เลย ไม่ใช่สิ ฉันไม่ได้ชอบของแบบนี้เลย ฉันแค่หยิบผิด คุณอย่าไปฟังเขาพูดจาไร้สาระ” เป้ยฉ่ายเวยแทบคลุ้มคลั่ง สายตานั่นของฉูเจ๋อหยางหมายความว่าอย่างไรราวกับว่าเธออดทนรอแทบไม่ไหว ที่จริงเธอไม่ได้คิดอะไรเลยเข้าใจไหม

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์