โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

หลงรักทนายคนเลว

บทที่128 มาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย

บทที่128 มาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย

ข้อความที่ไม่ลงชื่อ

---เป้ยฉ่ายเวยฉันจะไม่มีวันปล่อยเธอไปแน่

ตามด้วยไอคอนนองเลือด เป้ยฉ่ายเวยรู้สึกหดหู่ เธอพยายามตรวจสอบแหล่งที่มาของข้อความ เธอรู้แค่ว่าส่งมาจากอินทราเน็ต แต่ว่าก็ไม่รู้ว่าเป็น ID ของใคร

รหัสพนักงานของเธอไม่ได้ถูกรายงานไปที่แผนกบุคคล มีแค่ซือซือ เสี่ยวหยา และฉูเจ๋อหยางเท่านั้นที่รู้ เป็นไปไม่ได้ที่จะมีคนที่สี่ที่รู้อีก

เป้ยฉ่ายเวยไม่ได้สงสัยเสี่ยวหยาเลย เธอรู้สึกว่าเรื่องนี้มันแปลกๆ อาจจะเป็นความสนุกคึกคะนองของใครบางคน

เธอได้แต่ปลอบใจตัวเองเช่นนั้น

“เวยเวย เธอดูสิ ไม่ต้องรีบเอามาคืนฉันหรอกนะ” หลูเสี่ยวหยายื่นให้ด้วยรอยยิ้ม

เป้ยฉ่ายเวยพยักหน้ารับ “อื้อ ฉันดูเสร็จแล้วจะคืนนะ”

หลูเสี่ยวหยาไม่ได้จากไปในทันที เธอยืนเข้าใกล้เป้ยฉ่ายเวยและพูดอย่างลึกลับ “เวยเวย ระวังหวางเหมิงเอาไว้หน่อย”

“ทำไมล่ะ” หวางเหมิงเป็นทนายฝึกหัดที่เพิ่งจะมาทำงานเมื่อไม่กี่วันมานี้ เป็นสาวน้อยที่พยายามเข้าหาเธอทุกคนยกเว้นเสี่ยวหยา ดูเป็นคนเรียบง่ายธรรมดา

“ฉันเพิ่งเห็นหล่อนเดินตามออกไปกับหลวี่อานหราน” นั่นทำให้เธอเดินมาเตือนเวยเวย

“อื้อ ฉันรู้แล้ว ขอบใจนะเสี่ยวหยา ฉันจะระวังตัว” เป้ยฉ่ายเวยประเมินสถานการณ์อยู่ในใจ

“วางใจเถอะ เรื่องเล็ก”

พอดีกับที่อวี๋ซือซือเดินผ่านมาพร้อมกับป้ายสุนัขห้อยคอ ผมบนศีรษะสีแดงเปลี่ยนไปเป็นสีชมพูอ่อน ช่างมีสีสันยิ่งนัก

การปรากฎตัวของเธอ ทำให้สำนักงานที่น่าเบื่อนี้มีสีสันขึ้นในทันตา

พนักงานทุกคนในออฟฟิศล้วนแต่งกายด้วยชุดซึ่งเป็นทางการ สีดำล้วน เมื่อมีสีสันโผล่เข้ามา ย่อมเป็นที่สะดุดตา

อวี๋ซือซือวางก้างไม่เห็นคนอื่นๆในสายตา เธอพูดกับทั้งคู่ว่า “ฉันมาแล้ว”

ทุกคนพากันซุบซิบ

“คนนี้เป็นใครกัน ดูไม่เหมือนมาออฟฟิศเลยสักนิด”

“ดูเหมือนว่าหล่อนจะรู้จักกับเป้ยฉ่ายเวยนะ”

“เห็นแล้วรู้สึกคุ้นๆหน้า…”

“คุณอวี๋ เชิญทางนี้ค่ะ ทนายฉูกำลังรอคุณอยู่ที่ห้อง” เมื่อพนักงานต้องรับได้ยินว่ามีผู้หญิงมาสัมภาษณ์ทนายฉูเธอก็ตกใจ แต่เธอก็ยังคงต้อนรับหล่อนเป็นอย่างดีด้วยรอยยิ้ม

“ไม่ต้องลำบากคุณหรอก นี่เพื่อนฉันเอง ฉันให้เพื่อนนำทางฉันไปก็ได้ค่ะ” อวี๋ซือซือชี้ไปที่เป้ยฉ่ายเวย

พนักงานต้อนรับรู้สึกลำบากใจ เธอยังมีเรื่องอื่นที่ต้องทำ แต่จะให้คนอื่นพาผู้หญิงทางด้านข้างเข้าไปก็ดูจะไม่เหมาะสม

“วางใจเถอะค่ะ ฉันสนิทกับทนายฉูของคุณ อีกอย่างฉันก็อยู่ชั้นบนนี้เอง ไม่หลอกคุณหรอก” อวี๋ซือซือโชว์บัตรพนักงานของตัวเอง และไม่สนใจพนักงานต้อนรับอีก เธอดึงเป้ยฉ่ายเวยเดินไปพร้อมกับเธอ

“เวยเวย เธอน่าจะรู้จักห้องทำงานของทนายฉูใช่ไหม”

“รู้” เป้ยฉ่ายเวยตอบอย่างเสียไม่ได้ ซือซือจำเป็นต้องวางก้างขนาดนี้ด้วยไหมนะ

“ดี ไปกัน”

เป้ยฉ่ายเวยหมดหนทาง เธอได้แต่พยักหน้าให้กับพนักงานต้อนรับ เป็นการบ่งบอกว่าเธอจะช่วยพาหล่อนไปเอง พนักงานต้อนรับจึงได้เดินจากไปอย่างวางใจ

เมื่อมองไปที่ประตูไม้ใหญ่ตรงหน้า เป้ยฉ่ายเวยก็เคาะเสียงดังขึ้น “ทนายฉู คนของนิตยสารเฉินซีมาแล้วค่ะ”

สักครู่ เสียงเย็นชาของชายคนนั้นก็ดังลอดออกมา “เข้ามาสิ”

เป้ยฉ่ายเวยเปิดประตู พอเธอจะเดินกลับอวี๋ซือซือกลับไม่ยอมให้เธอหนีไป หล่อนผลักเอวเล็กของเธอเล็กน้อย ตั้งใจจะให้เธอเข้าไปด้วยกัน

ถึงแม้จะไม่รู้ว่าซือซือต้องการจะทำอะไร แต่เป้ยฉ่ายเวยก็เข้าไปด้วย

คิดไม่ถึงว่าหนานฉิงยังไม่ได้กลับไป เธอนั่งอยู่บนโซฟาและเมื่อเห็นพวกเธอสองคนเข้ามา สายตาของหล่อนก็เต็มไปด้วยความโกรธโดยที่ซ่อนไว้ไม่แสดงให้ฉูเจ๋อหยางเห็น

อวี๋ซือซือเห็นกล่องอาหารกลางวันวางอยู่บนโต๊ะอยู่สองกล่อง เธอยิ้มขึ้นอย่างไร้พิษภัย “ทนายฉูยังไม่ได้ทานข้าวอีกหรือคะ”

ฉูเจ๋อหยางเหลือบมองอวี๋ซือซือและชำเลืองมองไปที่เป้ยฉ่ายเวยซึ่งถูกบังคับให้เข้ามาด้วย เขาพูดขึ้นลอยๆ “คุณอวี๋มาสัมภาษณ์ไม่ใช่รึ”

“ไม่รีบค่ะไม่รีบ รอทนายฉูทานข้าวเสร็จก่อนก็ได้ค่ะ” อวี๋ซือซือแสร้งทำเป็นมีความอดทน

เธอมีความอดทน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะมีความอดทนด้วย

“ซือซือ เธอก็รู้ว่าอาเจ๋อยังไม่ได้ทานข้าว รอสัมภาษณ์คราวหน้าตอนที่มีเวลาดีกว่านะ” หนานฉิงจ้องอวี๋ซือซือและทำตัวเหมือนเป็นแม่ไก่คอยปกป้องลูกน้อย

ตั้งแต่ที่เธอได้ยินว่าอวี๋ซือซือไปทำงานที่นิตยสารเฉินซี เธอไม่คิดว่าหล่อนจะไปจริงๆ สัมภาษณ์ยังจะลากเป้ยฉ่ายเวยมาด้วยอีก เรื่องบ้าบออะไรกัน

อวี๋ซือซือไม่ได้ใส่ใจ เธอแกล้งทำท่าตกใจขณะที่พูด “ตายแล้ว ไม่รู้ว่าคุณหนูหนานตัดสินใจแทนทนายฉูในฐานะอะไรคะ”

หนานฉิงมองฉูเจ๋อหยางอย่างประหม่า เธอรู้ว่าอาเจ๋อไม่ชอบให้ใครมาตัดสินใจอะไรแทนเขา และนั่นเอง อาเจ๋อขมวดคิ้วในทันที

แต่ว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าเป้ยฉ่ายเวย หนานฉิงไม่ต้องการที่จะเสียหน้า เธอจึงเชิดหน้าขึ้นพูด “ฐานะของฉัน เวยเวยก็รู้ดีไม่ใช่หรอ ไม่ต้องลำบากให้เธอมาเป็นห่วงหรอก”

อวี๋ซือซือมองไปที่กล่องอาหารกลางวันที่ยังไม่ได้ถูกแตะต้อง เธอชี้ไปขณะที่พูด “ที่จริง ดูเหมือนจะมีคนร้อนตัวจนนั่งไม่ติดไม่เหมือนกับกับข้าวที่เย็นชืดพวกนี้นะ”

หนานฉิงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แต่ใบหน้าเธอยังคงแสร้งทำเป็นสลด “ซือซือ ทำไมเธอชอบเล่นงานฉันอยู่เรื่อย เป็นเพราะว่าอาเจ๋อชอบฉันใช่ไหม”

นิ้วมือทั้งห้าที่เป้ยฉ่ายเวยซ่อนเอาไว้ด้านหลังกำแน่น และคลายออกอีกครั้ง เธอรู้ว่าคำพูดประโยคนี้หนานฉิงตั้งใจพูดให้เธอได้ยิน

“ทนายฉู ฉันออกไปทำธุระก่อนนะคะ”

อวี๋ซือซือรู้สึกอารมณ์เสีย ต้องการที่จะพูดอะไรแหย่หนานฉิงเสียหน่อย แต่ด้านหลังเสื้อก็ถูกคนดึงไป เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมแพ้

ฉูเจ๋อหยางสวมเสื้อโค้ทและเดินเข้ามา เขาทำเสียงต่ำอันน่าเบื่อ “จะสัมภาษณ์ไม่ใช่รึ ไปกัน”

“ใช่ค่ะ ไม่มีปัญหา ทนายฉูฉันพาผู้ช่วยไปด้วยได้ไหมคะ ฉันต้องการคนช่วยจดบันทึกค่ะ” อวี๋ซือซือพยักเพยิดพลางพูดถึงเป้ยฉ่ายเวยฉูเจ๋อหยางชำเลืองมอง เขาไม่ได้ปฏิเสธ และไม่ได้ตกลง แต่แค่พูดเบาๆประโยคหนึ่ง “แล้วแต่คุณอวี๋เถอะ”หลังจากพูดจบแล้วเขาก็สาวเท้าเดินออกไป“เวยเวย รีบตามไปเร็วสิ” อวี๋ซือซือเหลียวมองหนานฉิงพร้อมกับยิ้มเยาะเป้ยฉ่ายเวยนิ่งไปครู่หนึ่ง เธอไม่ต้องการไปหรอก เธอยังละอายใจเรื่องเมื่อวานนี้และเมื่อเช้านี้อยู่ตอนนี้เธอเลยไม่ต้องการจะเห็นหน้าฉูเจ๋อหยางหนานฉิงซึ่งถูกละเลย เธอตะโกนขึ้นเสียงหลง “อาเจ๋อ คุณหมายความว่าอย่างไรคะ”รู้ว่าเขาทำงานยุ่ง เธอจึงตั้งใจสั่งอาหารมาให้เขารับประทานด้วยกัน เข้ามารอตั้งนานแล้ว เขาไม่ได้สนใจเธอเลยด้วยซ้ำ เธอก็ไม่ได้โกรธอะไร นั่งหิวรอให้ถึงเวลาที่เขาจะหยุดพัก ตอนนี้อยู่ๆก็ไม่สนใจเธอออกไปกับอวี๋ซือซือและยังมีเป้ยฉ่ายเวยอีกเอาเธอไปไว้ที่ไหน“เมื่อวานผมก็พูดชัดเจนแล้วนะ” ฉูเจ๋อหยางทิ้งท้ายไว้อีกประโยคโดยไม่ได้มองเธอ และเขาก็เปิดประตูเดินจากไปหนานฉิงโมโหจนควันออกหู สายตาเธอจ้องมองอวี๋ซือซือและเป้ยฉ่ายเวยที่เดินตามออกไปเธออดไม่ได้ที่จะเข้าถึงตัวเป้ยฉ่ายเวย สายตาขุ่นมัว เธอพยายามสะกดความเกลียดในใจเอาไว้และพูดอย่างเศร้าสร้อย “เวยเวย เธอจะทำอย่างนี้กับฉันจริงๆหรอ เราไม่ได้เป็นเพื่อนกันแล้วใช่ไหม”เมื่อเป้ยฉ่ายเวยเห็นใบหน้าทุกข์ใจของหนานฉิง ใจเธอก็สุดที่จะทนได้ เธออยากจะพูดออกมา

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์