โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

หลงรักทนายคนเลว

บทที่134 ร่วมมืออย่างมีความสุข

บทที่134 ร่วมมืออย่างมีความสุข

ใช่แล้ว มันคือวิกผม

อวี๋ซือซือจับที่วิกแล้วสะบัดหัวขึ้น และยกส่วนที่อ่อนนุ่มของวิกขึ้นมา และเรียกให้รุ่ยรุ่ยเดินมา

“รุ่ยรุ่ยอย่าขยับนะ ป้าจะใส่ให้”

“ครับ” รุ่ยรุ่ยให้ความร่วมมือยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นไม่ขยับเขยื้อน

อวี๋ซือซือใส่วิกผมถ้าไม่ร้อยก็แปดสิบเปอร์เซ็นต์ได้ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอใส่วิกให้คนอื่น โชคดีที่รุ่ยรุ่ยผมสั้น ถึงแม้ว่าใส่แล้วยังเหลือเนื้อที่เขาจึงเก็บผมใส่เข้าไปเพื่อที่จะสามารถปิดมันได้

พอรุ่ยรุ่ยใส่วิกแล้วก็ดูเหมือนกลายเป็นคนอีกคนไปเลย ดูน่ารักและทันสมัย สำหรับการเตรียมการในวันนี้ เขายังเจตนาใส่เสื้อผ้าที่หลวมมากมาด้วย

“ที่แท้เธอเตรียมการเอาไว้แล้วหรอ” อวี๋ซือซือมองออก เจ้าตัวน้อยนี่วางแผนเอาไว้แล้ว เขาแค่รอให้เธอเห็นด้วยเท่านั้น

เจ้าตัวเล็กนี่ร้ายกาจมาก

“แต่ว่าเท่านี้ยังไม่พอนะ”

ถ้าพิจารณาหูตาจมูกปากดูดีๆก็ยังดูออก ไม่ต้องพูดถึงเรื่องรายละเอียด ไม่สามารถซ่อนตัวจากฉูเจ๋อหยางได้แม้เพียงครึ่งวินาที

รุ่ยรุ่ยใส่แว่นดำเพื่อปกปิดใบหน้าของเขา มันดูฮิปฮอปมากๆ เธอพูดขึ้นอย่างใจเย็น “ยังมีอีกอย่างนะ”

“อื้อ ไม่เลวนี่ เดี๋ยวป้าเพิ่มบางอย่างให้” อวี๋ซือซือมีไอเดียดีๆขึ้นมา เธอวิ่งไปที่ห้องอย่างมีความสุขและหยิบอายไลเนอร์กันน้ำออกมา เธอวางไฝถัดจากปากของรุ่ยรุ่ย

อวี๋ซือซือมองซ้ายมองขวาและพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ แม้ว่าจะหล่อน้อยลงหน่อยแต่ดูไม่ค่อยเหมือนคนเดิมนัก

“เอาล่ะ แบบนี้ไม่พลาดแน่”

“ต่อให้แม่อยู่ตรงหน้าก็น่าจะจำเขาไม่ได้หรอก” รุ่ยรุ่ยแค่เขย่าหัวของตัวเอง ระเบิดก็สั่นคลอน มันลายตามาก แต่ใครกับทำให้เขาสืบทอดยีนส์อันสมบูรณ์แบบนี้ ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ

“วางใจได้ แม่หนูเห็นก็คงจำหนูไม่ได้หรอก” อวี๋ซือซือตบหน้าอก อย่าบอกว่าเวยเวยจำไม่ได้เลย แม้แต่ตัวเธอเองที่ช่วยแต่งหน้าก็ยังจำแทบไม่ได้

รุ่ยรุ่ยดูมีความสุขสุดๆ

ทุกอย่างพร้อมแล้ว ขาดเพียงเหตุผลที่จะนัดพบ “ป้าครับ เราจะไปเรียกพ่อออกมาได้อย่างไรครับ”

อวี๋ซือซือขมวดคิ้ว ใช่แล้ว ไม่สามารถที่จู่ๆจะนัดฉูเจ๋อหยางได้ ผู้ชายคนนั้นทำงานค้าเขี้ยวลากดิน นี่เป็นเรื่องง่ายที่เขาจะสงสัย

ทำอย่างไรดี เอาล่ะ อวี๋ซือซือยืดคิ้วออกเหยียดยาว และกล่าวอย่างมีความสุข “เมื่อวานนี้ฉันยังสัมภาษณ์ฉูเจ๋อหยางไม่เสร็จ วันนี้มีโอกาสพอดี”

“ป้าครับ เราต้องเลี่ยงช่วงเวลาพักของแม่” รุ่ยรุ่ยเตือน

“ช่างฉลาดและรอบคอบสมกับเป็นบ้านเราจริงๆ” อวี๋ซือซือคว้ารุ่ยรุ่ยมา “จุ๊บ” เสียงดังที่ใบหน้าของเขา

ฉันชอบซาลาเปาไส้ครีม ชอบมาก

“เป้าครับ ปล่อยผมเถอะ ผมของผมยุ่งหมดแล้ว” รุ่ยรุ่ยส่งเสียงหวานพูดประท้วงขึ้น

“เอาล่ะ อย่าแตะต้องผม แม่หัววิก” อวี๋ซือซือทำหน้าผิดหวังไม่อยากปล่อย เธอรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคุณย่าหมาป่า

มีคนไม่มากมาทำงานในวันหยุดสุดสัปดาห์ เสี่ยวหยาก็ไม่อยู่ ตอนกลางวันเป้ยฉ่ายเวยได้แต่ไปทานข้าวที่โรงอาหารเพียงคนเดียว

มีคนรอเธออยู่ที่ประตู “เวยเวย พี่ก็อยู่ที่นี่”

“หวางเหมิง เธออยู่ที่นี่ได้อย่างไร” เป้ยฉ่ายเวยจำได้ว่าเมื่อวานเสี่ยวหยายังเตือนเธอว่า หลวี่อารหรานเรียกหวางเมิงออกไปแล้ว แต่ว่าหวางเหมิงก็ไม่ได้ทำเรื่องอะไรให้เธอ เธอไม่สามารถทำตัวห่างเหินเกินไป

“หนูรอพี่อยู่นะ หนูคิดว่าพี่เสี่ยวหยาไม่ได้อยู่ที่นี่ หนูเลยจะอยู่เป็นเพื่อนพี่เวยเวย” หวางเหมิงยังเป็นเด็กฝึกงาน ตามอายุแล้วหล่อนควรจะเรียกเธอว่าพี่เป้ยฉ่ายเวย

แต่เป้ยฉ่ายเวยก็ยังรู้สึกอึดอัด ไม่ใช่เพราะคนอื่น แต่เป็นเพราะใบหน้าอันไร้เดียงสาของหวางเหมิง เธอแกล้งทำเป็นพูดปรกติ “ขอบคุณหวางเหมิง จริงๆแล้วเธอไม่ต้องลำบากรอพี่ก็ได้”

“ไม่ลำบากเลยค่ะ ที่จริงหนูอยากจะทานข้าวเป็นเพื่อนพี่เวยเวย แต่ว่าหาเวลาไม่ได้เสียที ตอนนี้พอดีเลย พี่เสี่ยวหยาไม่อยู่ หนูทานข้าวเป็นเพื่อนพี่เวยเวยแล้วกันนะคะ” หวางเหมิงเหมือนเด็กสาวตัวเล็กๆที่ไม่ค่อยรู้เรื่องราวใดบนโลก เธอเอ่ยขึ้นด้วยความบริสุทธิ์ใจ

หาเวลาไม่ได้ ก็เพราะว่าเสี่ยวหยาจงใจไม่ให้เธอมาทานด้วยรึเปล่า ช่าง “ไร้เดียงสา” เสียจริง “ครั้งหน้าพี่จะถามพี่เสี่ยวหยาให้แล้วกันนะ ว่าทำไมตอนทานข้าวไม่ไปทานกับเธอ”

“ไม่ต้องค่ะ เรื่องเล็กแค่นี้เองพี่เวยเวย พวกเรารีบไปกันเถอะค่ะ” หวางเหมิงผายฝ่ามือออกเล็กน้อย เธอแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง

เป้ยฉ่ายเวยไม่ได้พูดเรื่องนี้ต่อไป เธอยังคงเดินไปกับหวางเหมิง เธอหวังว่าหวางเหมิงคงจะไม่ใช่อย่างที่เธอคิด

รอคนคนในออกฟิตเหลือน้อยแล้ว เงาทั้งสองคนจึงปรากฎตัวขึ้นที่ประตู เมื่อเดินผ่านประตูเข้าไปก็ยังทำเป็นเดินอย่างเย็นอกเย็นใจ

หญิงสาวพนักงานต้อนรับเห็นอวี๋ซือซือไม่ใช่คนแปลกหน้า เธอแค่เหลือบตามอง ใครคือเจ้าตัวน้อยนั่นล่ะ แม้ว่าจะมีข้อสงสัยในใจ แต่ความเป็นมืออาชีพทำให้เธอไม่สามารถถามออกมาได้

“คุณอวี๋ ไม่ทราบว่ามีธุระอะไรคะ”

“ฉันยังสัมภาษณ์ทนายฉูไม่เสร็จ ไม่ทราบว่าทนายฉูมีเวลาว่างหรือไม่” อวี๋ซือซือถามอย่างจริงจัง ดูเหมือนเธอเพิ่งสังเกตเห็นสายตาของพนักงานต้อนรับเธอจึงอธิบายอย่างใจเย็น “ที่เป็นลูกของญาติฉันค่ะ ไม่มีคนเลี้ยง เลยฝากฉันไว้ จะไม่รบกวนการทำงานแน่นอน”

เมื่อวานมีนัดดังนั้นพนักงานต้อนรับจึงพาคนเข้าไปได้เลย แต่ตอนนี้อวี๋ซือซือไม่ได้นัด เธอเลยไม่สามารถเข้าไปได้ในทันที “คุณอวี๋โปรดรอสักครู่ค่ะ”

“ไม่มีปัญหาค่ะ ฉันแค่โทรไปถามเท่านั้นล่ะ” อวี๋ซือซือโบกมือทำท่าทางใจกว้าง ทั้งที่ดวงตาเต็มไปด้วยความกังวล

ฉูเจ๋อหยางเป็นถึงประธานบริษัทนะ จะพบก็ต้องแจ้งไปตามขั้นตอน

อย่างไรก็ตามเธอรออย่างอดกลั้นเพื่อให้พนักงานต้อนรับโทรเสร็จสิ้น

“ได้ ทราบแล้วค่ะ” พนักงานต้อนรับวางสายและพูดกับอวี๋ซือซือ “ทนายฉูยอมให้คุณเข้าพบค่ะ”

“อื้อ ขอบใจ” อวี๋ซือซือไขว้มือทางด้านหลัง

รุ่ยรุ่ยจับมือเธอไปด้วยใจเต้นตึกตัก

อวี๋ซือซือลากจูงรุ่ยรุ่ยให้เข้าไปด้านใน

ระหว่างทางทั้งสองตกลงกัน ว่ารุ่ยรุ่ยเป็นลูกของญาติห่างๆของเธอ ชื่อว่าปู้ติง ชื่อจริงไม่จำเป็นหรอกปีนี้รุ่ยรุ่ยอายุห้าขวบ ร่างสูงใหญ่ของรุ่ยรุ่ยก็ไม่ได้ผิดสังเกตอะไรเพอร์เฟ็คมาก“พร้อมรึยังคนดี” ก่อนที่จะเคาะประตูอวี๋ซือซือกระซิบถามรุ่ยรุ่ยที่ข้างกาย“อื้อ” รุ่ยรุ่ยพยักหน้าและกุมมือของอวี๋ซือซือเอาไว้แน่นอวี๋ซือซือรู้ว่ารุ่ยรุ่ยตื่นเต้น เธออดอมยิ้มไม่ได้ “ไม่ต้องเป็นห่วง ป้าอยู่นี่ ไม่ปล่อยให้คนใจร้ายกินหนูหรอก”“ป้าครับ ระวังชื่อผมด้วย” รุ่ยรุ่ยเตือน“เรียนรู้ไวมาก รู้แล้วหลานชายคนโตของป้า” อวี๋ซือซือพูดพร้อมเคาะประตู“เข้ามา”ครั้งแรกที่รุ่ยรุ่ยได้ยินเสียงของฉูเจ๋อหยาง เขายังรู้สึกประหม่าอยู่บ้าง

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์