โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

หลงรักทนายคนเลว

บทที่137 เรียนรู้และนำมาใช้

บทที่137 เรียนรู้และนำมาใช้

ไม่คาดคิดว่ารุ่ยรุ่ยจะเรียนรู้และนำมาใช้ได้เร็วมาก ฉูเจ๋อหยางมองเขาด้วยสายตาแห่งความชื่นชม แต่ไม่นานสายตานั้นก็มลายหายไป “เธออยากถามอะไร”

ฉูเจ๋อหยางพบว่าพฤติกรรมของเขาแปลกไป แต่เขาก็ไม่ได้คิดมาก แค่เร็วๆนี้ตัวเองยุ่งเกินไปได้พบกับเรื่องสนุกเล็กน้อยถือโอกาสนี้เพื่อผ่อนคลายสักหน่อย

รุ่ยรุ่ยได้ยินฉูเจ๋อหยางบอกตนว่าให้ถาม ปากของเขาจึงอดไม่ได้ที่จะขยับ เขายิ้มอย่างไม่มีพิษภัย “ลุงฉูคิดว่าผู้ชายคนหนึ่งทำไมถึงสามารถทิ้งภรรยาและลูกของเขาได้ครับ”

ฉูเจ๋อหยางมองรอยยิ้มของรุ่ยรุ่ยอยู่เป็นเวลานาน ที่แท้เป็นปัญหาของพ่อแม่ผู้ปกครอง เขาจึงพูดขึ้นอย่างเนิบๆ “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับผู้ชายคนนั้น ไม่มีเหตุผลอะไรที่สมควรให้เขาละทิ้งภรรยาและลูก ถ้าหากว่าแม้แต่เรื่องนี้ผู้ชายคนนั้นยังไม่สามารถมีความรับผิดชอบ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เรียกว่าลูกผู้ชายแล้วล่ะ”

“ที่แท้เป็นเช่นนี้ ผมเข้าใจแล้ว” รุ่ยรุ่ยพยักหน้าในทันที ถ้าอย่างนั้นแสดงว่าพ่อจะบอกว่าตัวเองไม่ใช่ลูกผู้ชาย เขาก็ไม่มีอะไรจะพูดอีกต่อไปแล้ว

ฉูเจ๋อหยางเดินถึงข้างกายรุ่ยรุ่ย เขายกมือขึ้นราวกับจะแตะหัวอันยุ่งเหยิงของรุ่ยรุ่ย

รุ่ยรุ่ยตกใจยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่ได้ตอบสนองใดๆ ราวกับจะทำให้หวนนึกถึงการสัมผัสที่แตกต่างจากของแม่

การถูกพ่อสัมผัสที่แท้เป็นเช่นนี้ มือของพ่อทั้งใหญ่และร้อน สถานที่ที่พ่อสัมผัสทำให้เขาอยากจะเอื้อมมือออกไปเกาสักสองสามครั้ง เมื่อนึกถึงหัวหยิกหยอยของตัวเองแล้ว

มีอายไลเนอร์ที่น่าสงสัยอยู่บนใบหน้าของเจ้าก้อนขนมปังนี่ เขาจะไม่ยอมแพ้อย่างง่ายๆหรอก

“ถ้าเธอเป็นลูกผู้ชาย จงเข้มแข็งเพื่อปกป้องแม่ของเธอ” ฉูเจ๋อหยางหยุดนิ่งไปนาน เขายกเท้าและเดินกลับไปที่โซฟา

หัวใจของรุ่ยรุ่ยกระพือขึ้น เขากัดริมฝีปากน้อยๆของตนเองไว้ ไม่สามารถระงับความตื่นเต้นในหัวใจเอาไว้ได้ เขาตามฉูเจ๋อหยางไปนั่งด้านข้าง ดวงตาอันมีประกายมองร่างของฉูเจ๋อหยางผ่านแว่นกันแดด

พ่อทั้งสูงทั้งตัวโต อีกหน่อยเขาจะสูงใหญ่เหมือนพ่อรึเปล่าจะได้ปกป้องแม่ได้

แต่ว่าทำไมเขาจะต้องอยากเป็นเหมือนคนใจร้ายนี่ด้วยนะ

“ลุงฉูมีแฟนรึยังครับ”

ฉูเจ๋อหยางหรี่ตาลงมองใบหน้าน้อยๆซึ่งกำลังรอคำตอบจากเขา เขาตอบอย่างไม่ทราบความนัย “ป้าของเธอให้เธอมาถามรึ”

“เปล่า แค่ผมอยากรู้ ลุงฉูเก่งขนาดนี้ น่าจะมีผู้หญิงมาชอบเยอะนะ”

รุ่ยรุ่ยส่ายหัว เขาเลียนแบบลักษณะท่าทางของฉูเจ๋อหยาง อยากที่จะเอนกายลงบนโซฟา เพราะร่างกายมีขนาดเล็กเกินไป เมื่อเอนหลังลง ขาสั้นๆก็ลอยโด่ขึ้นมา

ช่างดูน่ารักปนน่าขัน รุ่ยรุ่ยรู้สึกอับอายต่อหน้าฉูเจ๋อหยาง หน้าของเขาแดงก่ำ เขาโมโหจนอยากจะปีนลงไป

ทันใดนั้นร่างก็ลุกขึ้น และเอนกายลงบนโซฟา เขาปล่อยให้เท้าน้อยๆพากอยู่ที่ขอบโซฟา เขาเพิ่งจะรู้ตัวว่าพ่อของเขาโอบเขาเพื่อนั่งขึ้นบนโซฟา

ฮึ่ม น่าเบื่อ ทำไมต้องพิงเขาใกล้ขนาดนี้ด้วยนะ

รุ่ยรุ่ยไม่รู้ว่าปากขยับไปเพราะว่าเขินอายหรือไม่ หูของเขาร้อนขึ้นมา แต่ก็ไม่ได้ขัดขืนการกระทำของฉูเจ๋อหยาง

โอบร่างน้อยไว้บนโซฟา ฉูเจ๋อหยางพูดขึ้นอย่างไม่ช้าไม่เร็ว “นี่ไม่ใช่เรื่องที่เธอควรจะใส่ใจ ผู้ชายควรให้ความสำคัญกับการเรียนการศึกษา”

“ผมทราบ อีกไม่นานผมก็จะกระโดดไปเรียนชั้นประถมแล้ว ผลการเรียนก็ไม่เลว” รุ่ยรุ่ยกระตือรือร้นที่จะแสดงให้เห็นว่าตัวเองจะอยู่ในชั้นเรียนอนุบาลอีกไม่นานเท่านั้น และรีบอวดอ้างว่าตัวเองได้ข้ามชั้น

ด้วยความรู้ของเขา มันเป็นธรรมดาที่จะได้ข้ามชั้น แต่แม่ไม่ต้องการให้เขาลำบากมากนัก เธอต้องการให้เขาได้มีความสุขในชั้นเรียนอนุบาลหลายๆปี

ถึงแม้ว่ามันจะไม่ค่อยสนุกเท่าไร แต่เพื่อแม่แล้ว เขาต้องแสร้งทำเป็นมีความสุข

ฉูเจ๋อหยางไม่รู้สึกแปลกใจเท่าไร เพราะว่าเขาเองก็ได้ข้ามชั้นอยู่เสมอตอนเรียนประถม เขารู้สึกว่านี่เป็นเรื่องที่ถูกต้อง “อ่านหนังสือเยอะๆ หาความรู้ใส่ตัว”

แต่ว่าเขาลืมไปเล็กน้อย เด็กธรรมดาทั่วไปแล้วจะมีกี่คนเท่านั้นที่ได้ข้ามระดับชั้น

มีคนประเภทหนึ่งที่คิดว่าตัวเองเป็นเทพในการเรียน เขามองคนอื่นก็เห็นเป็นเช่นนั้น

เมื่อไม่ได้รับคำชมที่เขาควรจะได้รับ รุ่ยรุ่ยรู้สึกหลงทางเล็กน้อย เขาพึมพำออกมาว่า “ผมยังเป็นเด็กอยู่ ต้องเรียนอย่างหนักแล้วอย่างนี้จะดีรึเปล่า”

เมื่อแม่รู้ว่าเขาสามารถกระโดดข้ามชั้นได้ ถึงแม้ว่าเธอจะออกปากชมเขาหลายต่อหลายครั้ง แต่ตอนเย็นก็ยังให้รางวัลเขาด้วยการพาออกไปเล่น

ฉูเจ๋อหยางเห็นใบหน้าเล็กๆของหัวฟูด้านข้าง รูปลักษณ์ที่หายไป มุมปากของเขายิ้มขึ้นโดยไม่ได้พูดอะไร เขารู้ว่าปู้ติงอยากได้รับรางวัล แค่เพียงรางวัลจากพ่อแม่ก็เพียงพอแล้ว เขาต้องรู้จักปรับตัวอีกมากเพื่อที่จะเติบโตขึ้นไป

ในเวลานี้อวี๋ซือซือกำลังถือกล่องเค้กเอาไว้ในมือ เธอรีบวิ่งเข้ามาจากนอกประตู เมื่อเธอเห็นว่ารุ่ยรุ่ยนั่งพิงอยู่ข้างฉูเจ๋อหยาง ดวงตาของเธอเกือบที่จะจ้อง โชคดีที่เธอตอบสนองไว เธอเดินเข้ามาเหมือนไม่ได้เกิดอะไรขึ้น

“ปู้ติงเอ๋ย พ่อแม่เธอโทรมาบอกให้ฉันพาเธอกลับไปก่อน”

รุ่ยรุ่ยเข้าใจในทันทีว่าสมควรแก่เวลาที่จะต้องไปแล้ว เขารู้สึกว่าเวลาผ่านไปเร็วมาก เร็วมากที่ตอนนี้เขามีความรู้สึกไม่อยากจากชายคนที่อยู่ข้างๆไป

เขาลืมความตั้งใจเดิมที่จะมาหาฉูเจ๋อหยางไปหมดสิ้น

ฉูเจ๋อหยางพูดพร้อมกับยื่นดวงตากลมโตเข้ามาหาเธอ “คุณไม่ต้องสัมภาษณ์แล้วรึ”

“ขอโทษด้วยจริงๆค่ะทนายฉู แม่ของปู้ติงร้อนใจอยากจะพบเขา ดูเหมือนว่าจะมีเรื่องอะไรเร่งด่วน ไม่อย่างนี้เราสัมภาษณ์กันพรุ่งนี้ดีไหมคะ” อวี๋ซือซือหัวเราะขึ้นสองครั้ง และเปลี่ยนเป็นเสียงเบาที่ปรกติไม่ได้ใช้พูดกับฉูเจ๋อหยาง

นี่ไม่ใช่เพื่อรุ่ยรุ่ย

รุ่ยรุ่ยปีนลงจากโซฟาอย่างว่าง่าย มือน้อยทั้งคู่กำแน่น ดูเหมือนเขากำลังเก็บอารมณ์ความรู้สึกบางอย่างเอาไว้ เขาพูดขึ้นอย่างอึดอัดใจ “ลุงฉูผมไปก่อนนะครับ ครั้งหน้า ครั้งหน้าถ้ามีโอกาสคงได้พบกันอีก”

ไม่รู้ว่าครั้งหน้าคือเมื่อไหร่ หรือว่าอาจจะไม่มีโอกาสอีกเลยต่อไปก็ได้

ฉูเจ๋อหยางเห็นรุ่ยรุ่ยก้มหน้าอย่างนั้น ใจเขาเหมือนโดนกระแทกเบาๆ เมื่อเขารู้ตัวอีกครั้ง มืองของเขาก็ตกลงบนไหล่ของรุ่ยรุ่ยเขายังไม่ได้ชักกลับในทันที เขาหยิบนามบัตรออกจากกล่องนามบัตรและวางบนมือของรุ่ยรุ่ย มันเป็นเรื่องยากที่จะพูดอย่างอบอุ่น “อยากมาหาลุงฉูเมื่อไหร่ ก็โทรหาลุงฉูได้เลย”การเคลื่อนไหวนี้ของฉูเจ๋อหยางแทบทำให้อวี๋ซือซือใจหาย สถานการณ์เช่นนี้คืออะไร เธอเพิ่งจะออกไปไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ความสัมพันธ์ของทั้งสองคืบหน้าไปเร็วเกินไปหรือไม่นี่เรียกว่าพลังแห่งความรักรึเปล่า“อื้อ ผมทราบแล้วครับลุงฉู” รุ่ยรุ่ยยิ้มให้อย่างมีความสุขในทันที พยายามพยักหน้าสองครั้ง และเก็บนามบัตรนั้นอย่างระมัดระวัง“รุ่ยรุ่ยเร็วหน่อยเถอะ ไม่อยากนั้นแม่ของเธอจะต้องรออย่างร้อนใจ” อวี๋ซือซือเริ่มโวยวาย รู้สึกว่าถ้ายิ่งรอต่อไป อาจจะเกิดเรื่องราวน่ากลัวขึ้นก็ได้รุ่ยรุ่ยพยักหน้าและโบกมือให้ฉูเจ๋อหยาง “ลาก่อนลุงฉู”ฉูเจ๋อหยางก็พยักหน้าตอบรับรุ่ยรุ่ยจูงมืออวี๋ซือซืออย่างมีความสุขเป้ยฉ่ายเวยยืนหลบอยู่ตรงหัวมุม เธอมองดูรอยยิ้มบนใบหน้าของรุ่ยรุ่ย เธอแอบเจ็บปวดใจขึ้นมา บางทีเธอควรจะฟังซือซือและต่อสู้เพื่อรุ่ยรุ่ยนะ

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์