โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

หลงรักทนายคนเลว

บทที่139 ปลาคราฟตายสองตัว

บทที่139 ปลาคราฟตายสองตัว

เธอมีเพียงสองทางเลือกตรงหน้า จะนัดบอดตามใจคนที่บ้าน หรือว่าจะยึดมั่นในอาเจ๋อ แน่นอนหนานฉิงเลือกอย่างหลังโดยไม่ลังเล “แม่หนูจะไม่นัดบอด หนูรักอาเจ๋อจริงๆ”

“ในเมื่อลูกชอบเขามาก ถ้าอย่างนั้นลูกก็ต้องเรียนรู้ที่จะอดทน ทนทุกข์อย่างขมขื่นเพื่อผู้ชายคนนั้น”

นี่เป็นประสบการณ์ตรงของคนในฐานะแม่ ไม่ว่าจะอย่างไร ความเจ็บปวดทุกชนิดเธอก็ต้องกลืนกินมันลงไปให้ได้ เพราะเช่นนี้เธอเดินมาถึงจุดนี้ได้

“แม่คะ ถ้าหากว่าอาเจ๋อยกโทษให้หนูนั่นแปลว่าเขายังสนใจเป้ยฉ่ายเวยอยู่ใช่ไหมคะ” หนานฉิงอึดอัดใจอยู่พักหนึ่ง เธอไม่อยากแสดงความอ่อนแอต่อหน้าเป้ยฉ่ายเวย ไม่อยากจะเอาหน้าตัวเองไปให้หล่อนเหยียบย่ำ

เหาเสว่ฉินวิเคราะห์ให้เธอ “ก็ไม่แน่ ผู้ชายสนใจพลังในการควบคุมของเขาและไพ่ที่เขาถืออยู่ในมือ ลูกก็รู้แล้วว่าหล่อนมีความสัมพันธ์กับเสี่ยวฉู ลูกยังไปตบตีคนเข้าอีก นี่มันเหมือนกับการเหยียบหน้าเขาใช่ไหม”

หนานฉิงลองคิดดูก็เห็นว่าเป็นไปได้ ถ้าหากว่าอาเจ๋อชอบเป้ยฉ่ายเวยเขาจะตกลงคบกับเธอทำไม เมื่อคิดแล้วก็เป็นเธอเองที่ตอนนั้นรู้สึกเสียหน้า ถ้าหากว่าจะต้องแสร้งสตรอเบอรี่ทำดีกับเป้ยฉ่ายเวยต่อไป

เธอทุกข์ใจมาก

ที่จริงแล้วเป็นเธอเองที่ทำชิ้นเนื้อตกไป เมื่อเห็นท่าทีของหนานฉิงเหาเสว่ฉินก็รู้ว่าลูกคิดอะไรอยู่

“เสี่ยงชิงรู้สึกตะขิดตะขวงใจที่จะเล่นบนพี่สาวน้องสาวล่ะก็ ลองเปลี่ยนวิธีคิดดูก็ได้นะ ให้หล่อนต้องทนเห็นลูกกับเสี่ยวฉูอยู่ด้วยกัน นั่นเป็นการแก้แค้นที่ยอดเยี่ยมที่สุดเลยไม่ใช่รึ”

หลังจากที่เหาเสว่ฉินให้สติ หนานฉิงก็คิดได้ในทันที เธอกอดแขนแม่อย่างมีความสุขและพูดด้วยความยโส “แม่คะ แม่ช่างร้ายกาจ รู้วิธีจัดการกับเป้ยฉ่ายเวย ขอแค่หนูกับอาเจ๋อคบกัน หล่อนคงเป็นบ้าไปเลย”

“ตอนนี้ไม่ต้องทรมานปลาของพ่อแล้วล่ะ” ใบหน้าของเหาเสว่ฉินเผยให้เห็นรอยยิ้ม

หนานฉิงตะโกนขึ้นอย่างไม่เกรงใจ “แม่อย่าบอกพ่อนะ แม่ก็รู้ว่าพ่อรักปลาอย่างกับอะไร ถ้ารู้เข้าว่าหนูแกล้งปลาของเขา พ่อต้องดุหนูแน่นอน”

“ลูกน่ะเจอเรื่องอะไรก็เอาแต่ใจร้อน ลองหัดใจเย็นแล้วคิดดู ความจริงแล้วไม่มีอะไรต้องเป็นกังวล ไม่ว่าเรื่องจะหนักหนาแค่ไหนก็มีทางออกเสมอ ลูกอย่าลืมว่าตัวเองเป็นใคร ใครหน้าไหนก็ไม่สามารถมาเทียบชั้นกับลูกได้”

เหาเสว่ฉินเป่าหูอีกประโยค เธอฉุดเป้ยฉ่ายเวยลงไปยังจุดต่ำสุดของชนชั้น

“ทราบแล้วค่ะแม่” หนานฉิงยิ้มอย่างหวานหอม ในแววตาเต็มไปด้วยความชั่วร้าย เป้ยฉ่ายเวยเป็นแค่ชนชั้นต่ำ ถ้าหากไม่ใช่เพราะความเมตตาของเธอ เป้ยฉ่ายเวยคงไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นเพื่อนเธอได้

ตอนนี้กลับต้องมาแย่งผู้ชายกับเธอ คนชั้นต่ำก็คือคนชั้นต่ำ อย่างไรกำพืชก็คงไม่มีวันกำจัดออกไปได้

สายตาของหนานฉิงเหลือบลงไปมองในสระ ใบหน้าของเธอเปลี่ยนสี เธอรีบดึงแขนเสื้อของเหาเสว่ฉินและกล่าวด้วยความกลัว “แม่ แย่แล้ว ปลาสองตัวท่าจะกินมากไป มันหงายท้องแล้ว”

เมื่อได้ยินสายตาของเหาเสว่ฉินก็เปลี่ยนเป็นกังวลเล็กน้อย เธอรีบยื่นหน้าเพื่อตรวจสอบอย่างรวดเร็ว ปลาคราฟสองตัวนั้นเป็นตัวที่ค่อนข้างโต จำนานปลาในบ่อนับไปนับมาก็ไม่ได้มาก ตายไปสองตัวเห็นแวบเดียวก็รู้ จะไปซื้อตอนนี้ก็สายเกินไปเสียแล้ว

อีกอย่างปลาคราฟพันธุ์นี้ไม่มีขายในเมืองนี้ เลี้ยงมาหลายปีแล้วจงได้เติบโตมาถึงวันนี้

“แม่คะ ทำยังไงดี พ่อกำลังจะกลับมาแล้ว ถ้าหากเห็นว่าปลาตายสองตัว หนูซวยแน่”

พ่อห่วงบ่อปลานี้มากแค่ไหนหนานฉิงก็รู้ ตอนนั้นอารมณ์เสียเลยไม่ได้คิดอะไร ตอนนี้ความตายมาเยือนแล้ว เธอกลัวขึ้นมาจริงๆ

เป็นเพราะว่าปลาตัวหนึ่งเกิดป่วยขึ้นมา พ่อเรียกคนรับใช้มาสอบ หลังจากนั้นก็ไล่ออกไป ไม่มีใครกล้าถามว่าคนรับใช้คนไหน

แม้ว่าจะไม่ได้มีความสุข แต่เธอก็รู้สึกว่านั่นเป็นสิ่งที่คนรับใช้คนนั้นสมควรได้รับ ใครให้เขาไม่ใส่ใจ เรื่องนี้ทำให้เขาเข้าใจว่าปลาเหล่านี้สำคัญกับพ่อเธอมากแค่ไหน

ถ้าหากว่าเป็นเวลาปกติ เธอคงจะได้ไม่สะเพราะทำเล่นๆ

“ลูกเอ๋ย เป็นเหตุสุดวิสัยน่าอย่าหงุดหงิดไป เดี๋ยวก็ลืมแล้ว คนใช้ให้อาหารปลาเหล่านี้มากเกินไป ทำไมลูกไม่จำ” เหาเสว่ฉินรีบเข้ามาแก้ปัญหาอย่างรวดเร็ว เธอพูดจับแพะชนแกะกรอกหูคน

เมื่อหนานฉิงได้ยินก็เข้าใจเจตนาของเหาเสว่ฉินก็พยักหน้าตาม “หนูเข้าใจแล้วค่ะแม่”

ตลอดมาเธอคิดว่าแม่ของเธอเป็นเพียงภรรยาที่ออกหน้าออกตาทางสังคม ตอนนี้จึงได้เห็นว่าแม้แต่เรื่องเล็กน้อยก็จัดการได้ แม่สามารถนั่งอยู่ในตำแหน่งนี้ได้ไม่ใช่เพราะวันวันเอาแต่ไปร้านเสริมสวย แต่ไปดื่มชาเท่านั้น

ทุกก้าวล้วนเป็นแผนการ

อีกหน่อยเธอจะต้องฟังแม่ให้มากขึ้นแล้ว

เมื่อหนานเทียนหยางกลับบ้านและทราบว่าปลาสุดที่รักของเขาตายสองตัว เขาโกรธขึ้นทันทีและลากตัวคนรับใช้ออกมาจัดการ

เพื่อนร่วมงานของเขาเป็นคนมอบปลาสองตัวนี้ให้เขาเลี้ยง ตอนนี้เพื่อนร่วมงานคนนั้นเป็นหัวหน้าของเขา ถ้าหากเขารู้ว่าปลาที่เขามอบให้ถูกฆ่า แน่นอนว่าเขาจะต้องถามหาความรับผิดชอบ

คนแบบนี้อยู่ไปก็ไร้ประโยชน์

เขาจะต้องรีบหาทางติดต่อหาซื้อสองตัวที่มีลักษณะเหมือนกันกลับมา แม้ว่ามันจะไม่เหมือนกันเป๊ะ แต่ก็ต้องหาที่คล้ายกันอยู่บ้าง

หนานฉิงกลัวจนแอบสบตาเหาเสว่ฉิน ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นลูกตระกูลหนาน แต่เมื่อเห็นท่าทีขึงขังของพ่อ ถ้าหากเขารู้ว่าเธอเป็นคนทำ แน่นอนว่าเขาต้องตบบ้องหูเธอแน่

โชคดีที่แม่มองการณ์ไกล

เหาเสว่ฉินมองเธอด้วยสายตาปลอบโยน เธอไม่ต้องการให้ลูกแสดงพฤติกรรมผิดสังเกต

เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้น ในที่สุดหนานเทียนหยางก็มีเวลาที่จะถามเรื่องหนานฉิง “เสี่ยงชิง เรื่องของลูกกับฉูเจ๋อหยางเป็นอย่างไรบ้าง เขาจะหมั้นกับลูกไม่ใช่รึ ทำไมนานแล้วยังไม่เห็นมาคุยกับที่บ้าน”

หนานฉิงพูดอย่างอึกๆอักๆ “พ่อคะ ลูกสาวพ่อก็ยังไม่ได้แก่สักหน่อย จะรีบร้อนไปไหน หรือว่าพ่อไม่อยากให้ลูกสาวอยู่ในบ้านอีกต่อไปแล้วคะ”

เขามองลูกสาวคนเดียวของเขา คิ้วอันจริงจังของเขาก็ค่อยๆคลายตัวลง “พ่อไม่เข้าใจลูกจริงๆ ยังไงก็แล้วแต่เรื่องของลูกกับฉูเจ๋อหยางทางที่ดีรีบนัดวันมา”

“หนูยังไม่ได้คุยกับอาเจ๋อเลยค่ะ” หนานฉิงไม่ได้บอกว่าฉูเจ๋อหยางไม่มา เธอได้แต่บอกปัดว่าตัวเองยังไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องนี้หนานเทียนหยางเตือนสติเธอ “ตอนนี้พ่ออยู่ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวาน เสี่ยวชิงลูกอย่าก่อเรื่องอะไรล่ะ”เมื่อเหาเสว่ฉินได้ยินคำของหนานเทียนหยาง หน้าตาเธอก็เปี่ยมสุข เธออดไม่ได้ที่จะก้าวไปข้างหน้าและเอ่ย “เทียนหยาง เรื่องที่คุณพูดถึงมีกำหนดการแล้วรึคะ”“ทำนองนั้น” เมื่อพูดถึงเรื่องทางการเมืองของตนเอง ใบหน้าของหนานเทียนหยางแสดงออกถึงความภาคภูมิใจ เขาอายุยังไม่ถึงห้าสิบปี ได้ขึ้นสองขึ้นภายในระยะเวลาห้าปี ไม่ใช่ทุกคนจะมีโชคเหมือนอย่างเขานี่เป็นเหตุผลที่เขาใส่ใจปลาคราฟที่เลี้ยงในบ้านข้าราชการมีความเชื่อเรื่องโชคลางและเกือบจะงมงายเล็กๆเหาเสว่ฉินรีบประนมมือและหันไปทางทิศตะวันออกอย่างตื่นเต้นพร้อมพูดขึ้นว่า “ยอดเยี่ยมที่สุด เป็นเพราะบรรพบุรุษค้ำจุน”“คุณอย่าเพิ่งดีใจให้มาก เรื่องนี้ยังไม่ได้ออกมา อย่าเพิ่งพูดกับคนนอกไป”หนานเทียนหยางแม้ว่าปากจะพูดเช่นนั้น แต่ก็ไม่อาจจะห้ามเหาเสว่ฉินได้ เขาเหลือบไปมองลูกสาวและกล่าวขึ้นอีกประโยค “เรื่องนี้ต้องลำบากเสี่ยวชิงแล้ว”

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์