โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

หลงรักทนายคนเลว

บทที่165 กลับมาคุยกัน

บทที่165 กลับมาคุยกัน

หมอรู้สึกว่าตัวเองพูดมากเกินไป เขากระแอมขึ้นครั้งหนึ่ง จากนั้นก็ทักทายทุกคนในวอร์ดก่อนที่จะจากไป

พยาบาลหลายคนที่เดินเข้ามาเห็นหนุ่มหล่อที่ประตู พวกหล่อนก็ถอนหายใจด้วยความเสียดายและจ้องมองฉูเจ๋อหยางไม่ละสายตาและพยายามเรียกร้องความสนใจจากเขา

แต่เขากลับไม่ได้เหลียวแลพวกหล่อนแม้แต่น้อย พวกหล่อนจึงจำต้องออกไปดื้อๆ

เป้ยฉ่ายเวยมองผู้คนเดินออกไปด้วยความวิตกกังวล เธอคิดอยากจะให้พวกหล่อนพาเธอออกไปด้วยจัง น่าเศร้าที่ดูเหมือนพวกหล่อนจะไม่ได้ยินเสียงตะโกนเรียกในใจของเธอ

หลังจากที่ทุกคนออกไปแล้ว เขาก็ปิดประตูอย่างมิดชิด

ในวอร์ดนิ่งเงียบจนเป้ยฉ่ายเวยรู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในห้องเก็บศพ แขนเธอตะกายให้ยืนตัวตรง

เมื่อชายผู้นั้นเดินเข้ามาใกล้ เป้ยฉ่ายเวยก็หลั่งเหงื่อออกมาทางด้านหลัง เธอพยายามจะปลีกตัวห่างจากเขา

สายตาของฉูเจ๋อหยางทั้งคมลึกและเยือกเย็น ริมฝีปากที่ไร้อารมณ์นั้นพ่นคำออกมาไม่กี่คำ “หล่อนมาแล้ว”

“เปล่า ไม่มีใครมา ฉันเผลอโดนมันเอง” เป้ยฉ่ายเวยพูดขณะที่มือน้อยๆเลื่อนออกจากผ้าห่ม เธอพยายามที่จะเก็บบัตรเชิญที่สะดุดตาแผ่นนั้นเข้าไป

“ทำไมไม่สู้” ฉูเจ๋อหยางโมโหผู้หญิงตรงหน้าที่ไม่รู้จักรักตนเอง มันน่าจะบีบคอเธอให้ตายไปเสียเลย

“คุณพูดอะไรน่ะ” เป้ยฉ่ายเวยยังแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจและมองไปทางอื่น แววตาอึดอัด

สู้หรอ จะเอาอะไรไปสู้ เธอไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไปหยุดหล่อนได้

ฉูเจ๋อหยางเบียดตัวเข้ามาใกล้ แม้แต่ลมหายใจก็พ่นออกมาด้วยความโกรธ “เป้ยฉ่ายเวย คุณอย่ามาเปลี่ยนเรื่องกับผม ครั้งต่อไปถ้าผมเห็นคุณถูกคนรังแกแล้วยังไม่สู้อีกล่ะก็ ผมจะจัดการคุณก่อนเลยเป็นคนแรก”

“คุณดุฉันทำไม ฉันบาดเจ็บอยู่ไม่มีแรงแล้ว” เป้ยฉ่ายเวยรู้สึกน้อยใจอยู่พักหนึ่ง จมูกก็เริ่มฟุตฟิตขึ้นมา

ฉูเจ๋อหยางจ้องไปที่มือที่บาดเจ็บของเธอ เกิดความกังวลขึ้นในสายตาเขา แต่เขาก็ยังกล่าวอย่างแน่วแน่ “คุณตะโกนเรียกคนช่วยไม่เป็นหรืออย่างไร หรือปากมีไว้ประดับเฉยๆ”

“ฉันบอกแล้วไงว่าครั้งต่อไปจะระวังให้มากกว่านี้” ให้ตายเป้ยฉ่ายเวยก็ไม่ยอมรับเรื่องที่หนานฉิงมาเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา

ฉูเจ๋อหยางหยิบบัตรเชิญที่ซ่อนอยู่ในผ้าห่มขึ้นมาและโยนมันอย่างแรงตรงหน้าเธอ “นี่อะไร”

เมื่อเห็นว่าถูกจับได้ เป้ยฉ่ายเวยก็ไม่ได้ปิดบัง เธอหันไปตะคอกใส่เขา “แล้วคุณจะให้ฉันทำอย่างไร จะให้ต่อยเธอกลับไปหรืออย่างไร ที่จริงก็เป็นความผิดฉันเอง ฉันเองที่ไม่ควรไปคบกับคุณ”

ซวยแล้ว ทำไมเธอถึงพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกไปแบบนี้

เมื่อเรื่องมาถึงตรงนี้แล้ว เป้ยฉ่ายเวยหลังชนฝาแล้ว เธอมองชายสูงใหญ่ตรงหน้าด้วยทิฐิ ถ้าเป็นอย่างนี้ก็ขอให้พวกเราจบกันตรงนี้เลยแล้วกัน

จะโกรธก็โกรธ จะโมโหก็โมโห

แต่ความเกรี้ยวโกรธที่คิดไว้นั้นกลับไม่ได้เกิดขึ้น เปลวไฟใต้ดวงตาคู่นั้นดูเหมือนจะปะปนไปด้วยอารมณ์บางอย่าง มันทำให้เธอหวั่นไหว นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน

ก่อนที่เธอจะเข้าใจความหมายในดวงตาของเขา แววตาฉูเจ๋อหยางก็กลับมาสงบนิ่งอีกครั้ง เขาพูดอย่างเฉยเมย “จำไว้เป้ยฉ่ายเวย ถ้าคุณยินยอมให้คนอื่นทำร้าย ใครก็ช่วยคุณไม่ได้”

พูดจบเขาก็หันกลับไปอย่างเย็นชา

เป้ยฉ่ายเวยมองอึ้งต่อการเดินหายไปของฉูเจ๋อหยาง ราวกับว่าของสำคัญที่สุดในชีวิตเธอได้หายลับไปพร้อมกับร่างกายของเขา แววตาเธอขมขื่น

ฉูเจ๋อหยางพูดไว้ไม่ผิด เธอรู้สึกละอายใจจริงๆ ดังนั้นไม่ว่าหนานฉิงจะทำอะไรเธอก็ไม่คิดสู้ เธอรู้สึกว่านี่เป็นการชดใช้ให้หล่อน

เธอไม่สามารถกำจัดความรู้สึกผิดออกไปจากใจได้ จะให้เธอทำอย่างไร ใครบอกทีว่าเธอต้องทำเช่นไร

คนหนึ่งคือคนที่เธอรักแต่ไม่สามารถครอบครองเขาได้ อีกคนคือเพื่อนที่เรียนด้วยกันมาสามปี อาจจะเป็นเธอที่เป็นส่วนเกิน

ไม่รู้ว่าตอนไหนที่หน้าประตูมีคนมาอยู่สองคน หลังจากที่พวกเขากล่าวทักทายเป้ยฉ่ายเวยแล้ว พวกเขาก็ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูไม่ได้เข้ามา

น่าจะเป็นคนที่ฉูเจ๋อหยางให้ถังฉีตงจัดหามาให้

เป้ยฉ่ายเวยนั่งอยู่บนเตียงอยู่เป็นเวลานานไม่ขยับเขยื้อน ขาเธอเป็นเหน็บโดยไม่ทันรู้ตัว จนกระทั่งโทรศัพท์ที่อยู่ข้างๆสั่นขึ้น เธอจึงได้สติกลับมา

ซือซือโทรมา

มีความผันผวนในสายตาของเป้ยฉ่ายเวย เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหู

เสียงเด็กน้อยทั้งอ่อนโยนและอ่อนหวานดังออกมาจากโทรศัพท์ “แม่ครับ รุ่ยรุ่ยคิดถึงแม่มากเลยครับ”

ทันใดนั้น น้ำตาเป้ยฉ่ายเวยก็เอ่อล้นขึ้นทันที แค่กระพริบตาลง น้ำตาที่คับคั่งอยู่นั้นก็ไหลทะลักออกจากดวงตา เธอกัดริมฝีปากล่างอย่างแรงเพื่อทำให้ตัวเองสงบสติอารมณ์ เสียงแหบห้าวน้อยๆอันแสนอบอุ่นแว่วดังขึ้นมา “รุ่ยรุ่ย แม่ก็คิดถึงลูกมากครับ”

ตอนนี้เธอกำลังทำอะไรอยู่ เธอเริ่มจะฟุ้งซ่านอยากละทิ้งทุกสิ่ง เธอยังมีรุ่ยรุ่ยนะ

ลูกรักของเธอกำลังรอให้เธอกลับไปหา รอให้เธอพาไปทำการผ่าตัด เขากำลังรอให้เธอไปปกป้องเขา

ทุกคนล้วนบอกว่าแม่ลูกผูกสัมพันธ์ เมื่อรุ่ยรุ่ยได้ยินเสียงเป้ยฉ่ายเวยเขาก็รู้ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น เขาจึงถามอย่างระมัดระวัง “แม่ครับ แม่กำลังเศร้าอยู่ใช่ไหม”

“เปล่า แม่ไม่ได้เศร้า แค่แม่ได้ยินเสียงรุ่ยรุ่ยแม่ก็มีความสุขมาก” เป้ยฉ่ายเวยพยายามทำให้ตัวเองยิ้ม รุ่ยรุ่ยเป็นเหมือนแสงตะวันในชีวิตเธอ เพราะว่าเขา ทุกสิ่งที่เธอทำจึงมีความหมาย

“แม่อย่าเสียใจไปเลย รุ่ยรุ่ยจะไม่ทำให้แม่เป็นห่วง พรุ่งนี้รุ่ยรุ่ยจะกลับไปอยู่กับยาย” เขารู้ว่าแม่กลัวพ่อจะรู้ว่ามีเขาอยู่ เขาพยายามหยุดความคิดถึงเอาไว้จนค่ำถึงจะโทรศัพท์มาหา

เป้ยฉ่ายเวยพยายามทำเสียงตัวเองให้ผ่อนคลายมากที่สุด “อื้อ รุ่ยรุ่ยกลับไปก่อน แม่หายงานยุ่งเมื่อไหร่แล้วจะรีบไปหารุ่ยรุ่ย”

“ครับ รุ่ยรุ่ยจะรอแม่กลับมา” รุ่ยรุ่ยตอบอย่างรู้ความ

เป้ยฉ่ายเวยรู้สึกเศร้าใจ “รุ่ยรุ่ยโกรธแม่รึเปล่าครับ”

รุ่ยรุ่ยเลียนคำพูดของผู้ใหญ่ เขาพูดเบาๆอย่างน่ายกย่องว่า “ไม่ครับ แม่เป็นเด็กโตผู้เข้มแข็ง ไม่เอานะ ไม่ร้องไห้นะครับ”

เป้ยฉ่ายเวยอดอมยิ้มไม่ได้ เธอถูกลูกชายวัยสามขวบของตัวเองแซวเข้าแล้ว ความฟุ้งซ่านในใจเธอลดหายลงไปมาก “อื้อ แม่จะพยายามอย่างหนักเพื่อที่จะเป็นแม่ผู้เข้มแข็ง”เพื่อเขาแล้วอะไรเธอก็ไม่หวั่นทั้งนั้น“อื้อ รุ่ยรุ่ยก็จะเป็นเด็กดีเหมือนกัน แม่ครับมันดึกมากแล้ว รุ่ยรุ่ยจะไปเข้านอนแล้ว” ถึงแม้ว่าเขาจะไม่อยาก แต่ว่าลูกผู้ชายพูดคำไหนคำนั้น เขาจะไม่ทำให้แม่เป็นห่วง“ครับ รีบไปเถอะ” เป้ยฉ่ายเวยรู้สึกโล่งใจขึ้นพอวางสาย เป้ยฉ่ายเวยรู้สึกว่าทั้งร่างกายมีเรี่ยวมีแรงขึ้นมา ถึงแม้ว่าชายคนที่เพิ่งจะออกไปจะไม่กลับมาอีกใจเธอยังมีแสงตะวันน้อยๆคอยให้ความอบอุ่น ใจเธอจะไม่หลงทางอีกเลยรุ่ยรุ่ยนอนละเมอ เขาดึงการ์ดใบเล็กๆออกมาจากกระเป๋า เขาเปิดไฟขึ้นและถ่ายรูปมันไว้ ปากพลางบ่นพึมพำไปด้วย “181...และ9อีกหลายตัว ช่างเถอะ โทรไปถามเอาแล้วกัน”สักพักหลังจากนั้นโทรศัพท์ของฉูเจ๋อหยางก็ดังขึ้นเมื่อเห็นเบอร์ที่โทรเข้ามาเป็นเบอร์ที่ไม่คุ้น ปฏิกิริยาครั้งแรกของเขาก็คือตัดสายทิ้ง ไม่รู้เป็นเพราะว่าวันนี้โมโหเป้ยฉ่ายเวยจนเป็นบ้ารึเปล่า เขาหยิบหูฟังบลูทูธของเขาใส่หูและกดรับสายเสียงอันหนาวเหน็บเหมือนสายลมในฤดูหนาว เย็นเข้าไปถึงกระดูก “ทางที่ดีขอให้เป็นเรื่องด่วนจริงๆ”ไม่อย่างนั้นอย่ามาโทษเขาเพราะวันนี้เขาอารมณ์ไม่ดี

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์