โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

หลงรักทนายคนเลว

บทที่199 ที่แท้เขาก็มีด้านนี้

บทที่199 ที่แท้เขาก็มีด้านนี้

หนานฉิงรู้สึกลิงโลดในใจ แต่ต่อหน้าก็ยังคงแสร้งทำเป็นพูดอย่างไม่พอใจ “พี่ชายพี่อย่าพูดพล่อยๆ เวยเวยจะทำเรื่องอย่างนั้นได้ยังไงกัน”

“พี่พูดพล่อยๆ พี่เป็นถึงรองประธานบริษัทนะ จะไปชอบผู้หญิงชั้นต่ำแบบนี้ได้ยังไง” จางเจิ้งกวางกลัวว่าเป้ยฉ่ายเวยจะแว้งกัดตนก่อน ยังไงก็ยังอยู่ในอาณาบริเวณของตระกูลหนาน ยังไงคนเหล่านี้ก็ต้องไว้หน้าตระกูลหนานอยู่บ้างล่ะ

ยังไงรอบตัวก็ยังมีคนคอยสนับสนุน

“ใช่แล้ว ฉันก็ว่าจางเจิ้งกวางพูดมีเหตุผล ผู้หญิงคนนี้ชื่อเป้ยฉ่ายเวยมีใครรู้จักบ้าง บางทีอาจจะเข้ามาตีสนิทกับเสี่ยวชิงเพื่อที่จะหาโอกาสนี้ก็ได้”

“ใช่แล้วล่ะ เสี่ยวชิงเธอใจดีเกินไปแล้ว เธอไม่รู้อะไรว่าผู้หญิงบางคนไม่สนใจอะไรก็ทำเรื่องน่าอายอย่างนี้ได้ เห็นที่หล่อนน่าจะหลอกใช้เธอแล้วล่ะ”

หลี่จื่อเชียนอยากจะต่อสู้เพื่อเป้ยฉ่ายเวยเขาอดไม่ได้ที่จะแผดเสียงขึ้นมา “พอแล้ว พวกคุณทุกคนหุบปาก”

ถ้าหากไม่ใช่เพราะว่าเวยเวยดึงเสื้อเขาเอาไว้ตลอดเพื่อไม่ให้เขาพูดอะไรแล้วล่ะก็ เขาเปิดปากไปตั้งนานแล้ว ใครจะคิดว่าคนพวกนี้ไม่มีความเห็นอกเห็นใจคนอื่นเลยสักนิด พูดไปพูดมาก็เริ่มจะมโนกับไปเรื่อย

ทุกคนที่นั่นรู้ว่าหลี่จื่อเชียนเป็นคนอ่อนโยนและไม่ค่อยโกรธใคร เมื่อโมโหก็ทำเอาทุกคนรอบตัวพากันตกใจ

เฉินเฟยเอ๋อร์โกรธมากจนแทบจะทำเล็บตัวเองหัก เธอสะกดกลั้นจิตใจอันสกปรกเอาไว้ไม่ได้ “จื่อเชียนคุณอย่าไปหลงกลนังผู้หญิงชั้นต่ำนี่ หล่อนเป็นผู้หญิงที่ชอบอ่อยไปเรื่อย คุณก็เห็นว่าเรื่องมันยังคลุมเครือ บอกไม่ได้ว่าจริงๆแล้วเกิดอะไรขึ้น”

“เฉินเฟยเอ๋อร์ผมขอเตือนคุณไว้ก่อนนะว่าข้าวไม่ต้องเลือกทานก็ได้ แต่คำพูดจะพูดพล่อยๆไม่ได้ เรื่องนี้ยังไม่จบ” หลี่จื่อเชียนไม่ได้อ่อนโยนเหมือนหยกอีกต่อไป เขามองฝูงชนด้วยความโกรธ เมื่อเดินถึงข้างกายฉูเจ๋อหยางเขาหยุดครู่หนึ่งก่อนที่จะออกไปอย่างรวดเร็ว

เขาคำรามเสียงดังสนั่น “เรื่องนี้ถ้าหากว่าไม่มีใครให้คำอธิบายอะไรได้ อย่าหาว่าผมไม่ไว้หน้าก็แล้วกัน”

หนานฉิงไม่คิดว่าหลี่จื่อเชียนจะออกตัวแรงเช่นนี้ เขาเหลือบมามองเธอครู่หนึ่งราวกับจะพูดว่า ถ้าหากตระกูลหนานคิดจะปกป้องจางเจิ้งกวางแล้วล่ะก็ เขาหลี่จื่อเชียนจะเอาเรื่องนี้ให้ถึงที่สุดแน่

“คุณคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน หลี่จื่อเชียนผมว่าคุณอย่ายุ่งเรื่องนี้เลย เห็นอยู่แล้วว่าผู้หญิงมันอ่อยผมเอง ตอนนี้ทำมาเป็นไรเดียงสา ได้ ลองถามพวกเขาดูสิว่าพวกเขาเชื่อคำพูดของใคร”

จางเจิ้งกวางพูดโดยไม่เกรงกลัว เขามั่นใจว่าตระกูลหนานจะต้องไม่อยู่เฉย เขาเป็นทายาทคนเดียวของตระกูลจาง ถ้าหากว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาที่ตระกูลหนาน ไม่เพียงแต่พ่อแม่ของเขาจะยอม ปู่และป้าของเขาก็ไม่มีทางหาคำอะไรมาอธิบายได้

หน้าหนานฉิงเจื่อนไปบ้าง เธอเห็นเป้ยฉ่ายเวยในอ้อมแขนของหลี่จื่อเชียนก็มีแผนในใจ เธอพูดอย่างน่าสงสาร “เวยเวยเธอพูดอะไรหน่อยสิ ถ้าหากว่าพี่ชายฉันรังแกเธอจริงๆ ฉันจะได้ให้คุณป้าจัดการให้เธอ”

เมื่อเป้ยฉ่ายเวยได้ยินเสียงหนานฉิง ร่างเธอสั่นโดยไม่รู้ตัว เธอแค่อยากไป อยากหายตัวไปให้พ้นๆจากตรงนั้น

เธอรู้ว่าฉูเจ๋อหยางมาแล้ว เธอรู้ว่าเขาต้องอยู่ไม่ไกลจากตรงนั้นแน่นอน เพียงแต่ว่าลมหายใจของเขารุนแรงเกินไป

แต่เขาไม่ได้พูดอะไรตั้งแต่ต้นจนจบ ปล่อยให้คนอื่นราดน้ำสกปรกใส่เธอ เขาอดกลั้นไว้อยู่ใช่หรือไม่ คำพูดของพวกหล่อน ทำให้เขารู้สึกว่าเธอเป็นผู้หญิงแพศยาราคาถูกหรือ

ช่างมัน ช่างมัน ไม่ว่าเขาจะคิดอย่างไรก็ช่าง มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเธอ

แต่ทำไมหัวใจเธอรู้สึกเจ็บปวด มันเจ็บเสียยิ่งกว่าบาดแผลบนตัวเธอจนแทบทนไม่ได้

ต่อให้รักลึกซึ้งแค่ไหน เขาก็ไม่ได้สนใจเธอสักนิด ก็เหมือนกับมีดน้ำแข็งอันหนาวเหน็บ แทงเข้าตรงๆสู่กลางหน้าอกเธอ แผ่กระจายเข้าสู่เส้นเลือดและทุกเซลล์ในร่างกาย

“ไป…”

ถ้าหากไม่ใช่เพราะหลี่จื่อเชียนกำลังอุ้มเป้ยฉ่ายเวยอยู่ เขาก็คงแทบจะไม่ได้ยินเสียงอันอ่อนแอของเป้ยฉ่ายเวย สายตาที่มองไปรอบๆอย่างหวาดกลัว เขาจึงเข้าใจว่าการที่ยังคงอยู่ที่นี่ เป็นเรื่องที่โหดร้ายสำหรับเธอ

“หนานฉิงเธอไม่ต้องไปถามเวยเวย เวยเวยเป็นแฟนของผม คุณกับทนายฉูก็รู้เรื่องนี้ดีไม่ใช่หรอ เวยเวยจะไปชอบผู้ชายอย่างจางเจิ้งกวางได้ยังไง”

“จื่อเชียน ฉันก็ไม่ได้บอกว่าเวยเวยเป็นอย่างนั้นนะ แต่ว่าตอนนี้เรื่องมันเกิดขึ้นมาแล้ว เราจัดการมันให้เรียบร้อยก่อนดีไหม” หนานฉิงรอคอยโอกาสนี้มานาน เธอจะปล่อยให้หลี่จื่อเชียนพาเป้ยฉ่ายเวยหนีไปได้อย่างไร

คราวนี้ถ้าไม่ลากเป้ยฉ่ายเวยลงไปให้จมโคลน ครั้งต่อไปอาจจะไม่มีโอกาสอีกก็ได้

ในแววตาหลี่จื่อเชียนเปี่ยมล้นด้วยความโกรธจนเห็นได้ชัด เขาไม่สุภาพอีกต่อไป “ได้ ในเมื่อคุณพูดอย่างนี้ ผมเชื่อว่าในสวนคงจะมีกล้องวงจรปิดอยู่เป็นจำนวนไม่น้อย ไม่อย่างนั้น พรุ่งนี้ค่อยคุยกับทนายผมก็แล้วกัน”

พูดแล้วเขาก็หันไปเหลือบมองฉูเจ๋อหยางซึ่งนิ่งเงียบเป็นทองไม่รู้ร้อน พลางยิ้มเยาะ “และแน่นอนว่าคุณสามารถขอให้ทนายฉูมารับเรื่องคดีความนี้ได้ แต่ว่าคุณวางใจเถอะ พวกคุณไม่มีทางชนะแน่”

หนานฉิงไม่อยากเอาตัวเองไปเกี่ยวข้อง ในใจเธอมีความปรารถนา ถ้าหากอาเจ๋อยินดีรับคำท้าของหลี่จื่อเชียน เธอเชื่อว่าจางเจิ้งกวางต้องไม่เป็นอะไรแน่

แต่ไม่ว่าเธอจะเห็นว่าอย่างไร สายตาของผู้ชายข้างๆกลับไม่ได้สนใจมองเธอเลยแม้สักนิด คิ้วหนาของเขาถูกยกขึ้น สายตาเย็นชาลอยเคว้งจับจ้องไปที่หลี่จื่อเชียน และเบนออกในไม่ช้า

ราวกับว่าสายตานั้น ปะทะกันโดยบังเอิญ

มีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่รู้ว่าสายตาที่ปะทะกันนั้นรุนแรงแค่ไหน

หลี่จื่อเชียนบอกกับเขาอีกครั้ง ว่าคราวนี้เขาจะไม่ถอย

ริมฝีปากบางเฉียบราวกับคมมีดของฉูเจ๋อหยาง ความเย็นยะเยือกในดวงตาราวกับจะบดขยี้หลี่จื่อเชียน

หลี่จื่อเชียนละสายตาแต่ไม่ยอมอ่อนข้อ

คนหนึ่งที่เย็นชาและเมินเฉย อีกคนหนึ่งอ่อนโยนและสง่างาม ชายอันดีงานทั้งสองกำลังฟาดฟันกัน ผู้คนรอบตัวรู้สึกได้ถึงบรรยากาศของความตึงเครียด

ทุกคนคิดว่านี่เป็นความสงบก่อนที่พายุกำลังจะก่อตัว ลมหายใจค่อยๆสงบลงหนานฉิงพบว่าบรรยากาศผิดปกติ เธอจึงแทรกขึ้น “จื่อเชียนคุณอย่าโกรธไปเลย ในสวนมีกล้องวงจรปิด แต่ว่าเพิ่งจะเสียเมื่อเช้านี้ ยังไม่ทันได้ซ่อมเลย”“เสียหรอ” เหอะ นั่นเป็นข้อแก้ตัวชั้นดีหลี่จื่อเชียนมองหนานฉิงอย่างผิดปกติ แต่ก็แสร้งทำเป็นพยักหน้าอย่างสงบ “ใช่แล้ว ฉันเชื่อว่าเวยเวยไม่ได้ทำอย่างนั้นแน่ แต่เมื่อเรื่องถึงตรงนี้ เราทุกคนก็ไม่มีทางเลือก”“น้องสาว น้องไม่ต้องไปพูดกับเขาให้มากความแล้ว ใครก็รู้ว่าหล่อนมายั่วพี่ก่อน พี่ไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะทำอะไรพี่ได้” จางเจิ้งกวางเอามือทุบหน้าอกตัวเองอย่างดุดันขณะพูด หลี่จื่อเชียนมองอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะตีหน้าซื่อได้ขนาดนี้ผ่านไปนานหน้าอกของเขาน่าจะยังคงเจ็บอยู่“พี่ชาย พี่ไม่ต้องพูดแล้ว รีบขอโทษเวยเวยซะ พี่ดื่มเยอะไปใช่ไหมล่ะ” หนานฉิงเดินถึงตรงหน้าจางเจิ้งกวาง เธอหลบเลี่ยงคนอื่นและส่งสายตาให้เขา เป็นการส่งสัญญาณให้เขาอย่าพูดมากความไปตอนนี้ทุกคนเห็นว่าเรื่องของเป้ยฉ่ายเวยและจางเจิ้งกวางยังไม่ชัดเจน ขอแค่จางเจิ้งกวางขอโทษ เธอพูดอีกเล็กน้อย ด้วยนิสัยของเป้ยฉ่ายเวย เธอจะต้องไปถือสาหาความแน่นอนดังนั้นถ้าหากว่าเธอไม่พูด พรุ่งนี้ก็ต้องมีคนไปพูดโพนทะนา

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์