โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

หลงรักทนายคนเลว

ตอนที่29 ชื่อนั้นเป็นของใคร

ตอนที่29ชื่อนั้นเป็นของใคร

เป้ยฉ่ายเวยพึ่งเดินไปถึงจุดที่สว่างหน่อยยังไม่ทันได้กรี๊ดก็มีแขนที่มีแรงโผล่เข้ามาดึงเธอเข้าไปในที่มืดต่อแล้วกอดตัวให้พิงกับต้นไม้

จมูกได้กลิ่นที่คุ้นเคยวินาทีก่อนหน้านี้ที่ยังตื่นเต้นอยู่ก็หมดระแวงไปหมดแต่แค่เป้ยฉ่ายเวยไม่คิดว่าคนที่มาคือเชา

——ฉูเจ๋อหยาง

“ตื่นเต้นอะไรทำเรื่องไม่ดีกลัวใครรู้หรือไง” เสียงต่ำทุ่มของฉูเจ๋อหยางดังขึ้นข้างบนหัวเธอชะงักไปสักแป๊บแล้วพูดต่อ “หรือว่าเธอกลัวใครบางคนรู้เรื่องระหว่างเราสองคน”

เป้ยฉ่ายเวยชะงักสักแป๊บแล้วเก็บอาการความตื่นเต้นก่อนหน้านี้เธอก็คงไม่อยากเสียแรงไปบอกฉูเจ๋อหยางว่าเมื่อกี้เธอเหมือนไปเจอคนไม่ดีมา “ฉันไม่มีอะไรให้กลัว”

“เธอกลัวหลี่จื่อเชียนมาเห็นพวกเราแบบนี้หรือไง”

ถึงแม้อยู่ในที่มืดแต่เป้ยฉ่ายเวยก็รู้สึกได้ถึงตาของฉูเจ๋อหยางมองมาที่ตัวเองยังไงหลังที่อิงกับต้นไม้อยู่ก็ตรึงขึ้นมา “ขนาดนายยังไม่กลัวที่หนานฉิงรู้เรื่องระหว่างเราสองคนแล้วฉันจะกลัวทำไม”

“เป้ยฉ่ายเวยนี่เธอยิ่งอยู่ยิ่งกล้าแล้วนะ” ถึงแม้ฉูเจ๋อหยางรู้ว่าที่เป้ยฉ่ายเวยพูดแบบนี้เพื่อที่จะประชดเขาแต่สายตาก็หยีขึ้นมาอย่างอันตราย

นี่เธอกลับมากับหลี่จื่อเชียนงั้นหรอ

เป้ยฉ่ายเวยหันหน้าไปอีกทางทำท่าต่อต้านอย่างไม่มีเสียงเขามีสิทธิ์อะไรตอนบ่ายกินข้าวกับเพื่อนสนิทตัวเองพอกลางคืนก็มาหาเธอ

ฉูเจ๋อหยางเหมือนพึ่งรู้ครั้งแรกว่าเป้ยฉ่ายเวยก็เป็นคนที่มีนิสัยผู้หญิงตัวเล็กที่อยู่ข้างหน้านี้ตามตัวเองเงียบๆมาสามปีไม่เคยสร้างปัญหาให้ตัวเองอยู่ข้างเขาเงียบๆตลอด

ไม่ว่าเขาจะกลับมาดึกขนาดไหนในห้องรับแขกก็จะมีแสงไปสว่างบนโซฟาจะมีคนหนึ่งที่นั่งรอเขาไม่ว่าจะนอนหรือตื่น

ความรู้สึกพิเศษแบบนี้เขาไม่เคยรู้สึกอะไรจนกระทั่งเธอจากไป

ความเงียบในระยะสั้นก็ไม่ได้ทำให้เป้ยฉ่ายเวยปล่อยตัวเธอรู้สึกทุกที่บนร่างกายเธอตื่นเต้นขึ้นมาเพราะผู้ชายที่อยู่ข้างหน้านี้แถมยังมีความดีใจที่บอกไม่ถูก

ความเคยชินที่มีมาสามปีมันไม่ได้เปลี่ยนง่ายๆความรู้สึกที่เธอมีต่อฉูเจ๋อหยางก็เหมือนยาเสพติดที่ซึมเข้าไปในสายเลือดเข้าไปในกระดูกแม้กระทั่งตอนนี้กระทำของเขายังมีผลต่อเธอ

เป้ยฉ่ายเวยกลัวแล้วกลัวถ้าอยู่แบบนี้ต่อไปอีกเธอจะยิ่งอ่อนแอไปอีก “ฉูเจ๋อหยางถ้านายมาเพราะจะพูดเรื่องพวกนี้ฉันได้ยินแล้วตอนนี้นายไปได้แล้ว”

นิ้วมือเรียวและฝ่ามือของเขาวางลงข้างหูเธอระยะของทั้งสองคนใกล้จนได้ยินเสียงหายใจต่างฝ่ายอีกคนหายใจเร็วอีกคนนิ่งๆเขารู้ว่าเธอตื่นเต้นเพราะเขา

จุดนี้ทำให้เขารู้สึกพึงพอใจ “เป้ยฉ่ายเวยนี่เธอลืมตอนเที่ยงแล้วใช่ไหม”

สีหน้าเป้ยฉ่ายเวยเปลี่ยนแล้วมองผู้ชายที่อยู่หน้านี้อย่างระแวง “ฉูเจ๋อหยางนายหมายความว่าไงเรื่องพวกเราสองคนจบไปแล้วนายก็น่าจะรู้ว่าแฟลชไดร์ฟนั้นฉันไม่เคยสำรองไว้”

ตอนพูดคำว่าเฟลชไดร์ฟอยู่ฟในหัวของเป้ยฉ่ายเวยก็โผล่ลมหายใจที่ทำให้คนคิดมากพวกนั้นขึ้นมาใบหน้าก็แดงขึ้นอย่างไม่รู้ตัว

เธอรู้สึกโชคดีที่ตอนนี้เป็นกลางคืน

“เธอลืมไปหนึ่งเรื่องว่าใครเป็นคนช่วยเธอ” สายตาของฉูเจ๋อหยางดีถึงแม้จะมืดแต่เขาก็เห็นได้ชัดว่าใบหน้าเล็กของเธอเพราะตื่นเต้นเลยดูร่าเริงและโกรธด้วย

เหมือนกับเปลี่ยนไปอีกคนเมื่อก่อนเธอเป็นแต่ที่คนเชื่อฟังตลอด

——-เป้ยฉ่ายเวยนี่เธออยากซ่อนอะไรไว้อีก

เป้ยฉ่ายเวยรู้สึกโมโหอะไรคือช่วยเธอน่าจะเป็นได้ผลประโยชน์ทั้งสองฝ่ายมากกว่า “ฉันว่ามันควรเรียกว่าช่วยกันและกัน”

“ฉันไม่ยอมรับคำพูดแบบนี้อย่าลืมไปสิว่าใบเช็คธนาคารของเธอยังไม่ได้ไปเปลี่ยนเป็นเงินสด” น้ำเสียงนิ่งๆของฉูเจ๋อหยางที่มีความกดดันไปด้วย

“แล้วนายจะเอายังไง” เป้ยฉ่ายเวยถามเสียงสั่นเธอพบว่าตอนเธออยู่ต่อหน้าฉูเจ๋อหยางเธอไม่เคยรอดเลย

แค่เขาไม่ยอมเธอถอยออกมาไม่ได้

“ข้อแลกเปลี่ยน3ข้อ” ฉูเจ๋อหยางยังคิดไม่ออกว่าจะให้เธอทำอะไรแต่แค่ขอไปก่อน

ถึงแม้ในใจของเป้ยฉ่ายเวยรู้ว่าปฏิเสธไม่ได้แต่ก็อดที่จะถามไม่ได้ “ฉันมีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธไหม”

ฉูเจ๋อหยางยกยิ้มขึ้นอย่างมองไม่เห็นแล้วตอบ “ไม่ได้”

ทั้งตัวเป้ยฉ่ายเวยก็อิงลงไปที่ต้นไม้ก้มหัวไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่

ทั้งตัวเป้ยฉ่ายเวยก็อิงลงไปที่ต้นไม้ก้มหัวไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่แต่ก็ไม่อยากมองใบหน้าที่ทำให้เธอหลงใหล

เธอไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าคนที่ฉูเจ๋อหยางรักเป็นหนานฉิงไม่ใช่หรือไงถึงแม้เธอเอาไปห้าล้านแต่สำหรับรายได้เขามันไม่มีผลกระทบต่อเขาเลยสักหน่อย?

เป็นแค่การแลกเปลี่ยนกันจากนั้นทั้งสองคนก็ไม่ติดต่อกันอีก

“ฉูเจ๋อหยางพวกเราไม่ต้องทำต่อแล้วได้ไหมฉันไม่อยากให้เพื่อนสนิทของฉันต้องมาเสียใจ” เป้ยฉ่ายเวยรู้ว่าที่เธอพูดมาทั้งหมดนี้คือข้ออ้างทั้งนั้นแต่เธอรับไม่ได้ที่ผู้ชายที่ตัวเองรักไปอยู่กับเพื่อนสนิทตัวเอง

ทุกครั้งที่ทำตัวเข้มแข็งมีแต่ตัวเองเท่านั้นที่เจ็บปวดเธอไม่อยากทำแบบนี้อีกแล้ว

ฉูเจ๋อหยางดันตัวเป้ยฉ่ายเวยไปติดกับต้นไม้ร่างสูงบางร่างเล็กไปหมดสายตาเย็นชาที่ดูน่ากลัวและเสียงต่ำทุ่มที่เย็นชา “เป้ยฉ่ายเวยเธอพูดอีกรอบสิ”

ถึงแม้เป้ยฉ่ายเวยจะโง่ขนาดไหนก็รู้ได้ว่าฉูเจ๋อหยางกำลังโมโหอยู่และโมโหมากๆแต่เธอไม่รู้ว่าเขาโมโหเรื่องอะไร “ฉันไม่อยาก......”

เป้ยฉ่ายเวยยังพูดไม่ทันจบลมหายใจก็โดนใครบางคนแย่งไปความสัมผัสบนปากกำลังเตือนเธออยู่ปากบางเย็นของผู้ชายคนนั้นมันเร่าร้อนขนาดไหนราวกับอยากกินเธอลงไปให้หมด

เธอรู้สึกแบบนี้และฉูเจ๋อหยางก็ทำแบบนั้นเขาพุ่งตรงเข้ามาเปิดปากเธอลิ้นที่อ่อนเลียไปทั่วปากที่หวานแหววของเธอราวกับอยากกินเธอลงไปในท้อง

เป้ยฉ่ายเวยทนรับความเร่าร้อนที่ได้มาจากฉูเจ๋อหยางเหมือนเป็นเรือรำเล็กในท้องทะเลพริ้วไปตามทะเลยื่นมืออยากจับอะไรไว้ไม่ให้ตัวเองตกลงไปและเสียงสายโทรเข้าทำให้ความสัมพันธ์นี้หายไปและทำให้เป้ยฉ่ายเวยที่เกือบจะหลงใหลตื่นขึ้นมาทันทีนี่เธอกำลังทำอะไรอยู่เธอเกือบจะ......ทั้งๆที่เธอเตือนตัวเองว่าห้ามโดนฉูเจ๋อหยางพาไปแต่ร่างกายเธอก็ไปก่อนแล้วเหมือนที่ชอบลือกันในเน็ตปากบอกไม่เอาแต่ร่างกายไปก่อนเพราะว่าโทรศัพท์ฉูเจ๋อหยางเลยไม่ได้ทำต่อไม่อย่างงั้นเรี่ยวแรงของเป้ยฉ่ายเวยไม่สามารถทำอะไรเธอได้หรอกเห็นแค่เป้ยฉ่ายเวยเอาโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าแล้วเห็นชื่อคนโทรสีหน้าก็เปลี่ยนทันทีไม่สนสายตาของฉูเจ๋อหยางแล้วรีบทิ้งท้ายด้วยประโยคเดียวแล้ววิ่งเข้าไปในคอนโด “ฉันมีเรื่องด่วนถ้าเธอคิดได้แล้วค่อยมาบอกฉันนะ”ฉูเจ๋อหยางมองเป้ยฉ่ายเวยที่วิ่งหนีไปอย่างคุ้นคิดโทรศัพท์ของใครโทรเข้ามาถึงสำคัญขนาดนี้ขนาดข้อแลกเปลี่ยนที่ยุ่งยากของเขายังตกลงอย่างว่าง่ายเขาจำได้ว่าบนหน้าจอโทรศัพท์มันแสดงตัวเลขหนึ่งหรือว่าเป็นสัญญาณลับ?จะเป็นใครกันหลี่จื่อเชียน? หนานฉิง? หรือยังมีคนอื่นอีกแต่ไม่ว่ายังไงเป้าหมายของเขาก็ทำสำเร็จ

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์