โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

หลงรักทนายคนเลว

ตอนที่32 เหนื่อย

ตอนที่32 เหนื่อย

มีแต่ตอนที่เห็นครอบครัวอื่นอยู่ด้วยกันสามคนสายตาก็จะดูเศร้าแต่พอเธอหันไปก็จะปิดบังมันที

แต่ยังไงเขาก็เป็นเด็กถึงจะปิดบังได้ดี แต่เป้ยฉ่ายเวยก็ดูออกแต่เธอก็บอกความจริงให้เขาไม่ได้รอให้โตกว่านี้ก่อนเธอจะบอกเขาทั้งหมด

รอให้รถจอดอยู่ที่หน้าโรงพยาบาลเป้ยฉ่ายเวยเก็บความอ่อนโยนตัวเองไว้แล้วทำตัวเข้มแข็งต่อเธอเอาเงินห้าร้อยหยวนออกมาจากกระเป๋าแล้วเอาให้คนขับรถ “คุณลุงคะคืนนี้รบกวนแล้วนะคะ”

“ไม่ต้องเยอะขนาดนั้น สองร้อยค่าน้ำมันก็พอแล้วเธอยังเลี้ยงลูกอยู่มีที่ต้องใช้เงินเยอะ” คนขับรถเกรงใจไม่กล้าเอาเยอะขนาดนี้ก็แค่เอาเป็นหน้าเป็นตาตามมารยาทก็จบ

“ไม่เป็นไรคุณลุงอันนี้เป็นของที่ลุงควรได้” รบกวนเขาเยอะแยะเป้ยฉ่ายเวยรู้สึกเกรงใจ

“ไม่เป็นไรหนูเก็บหนูสองร้อยก็ถือว่าได้กำไรแล้วพวกเราเติมลมไม่เติมน้ำมันไม่มีตังอะไรมากแถมเด็กยังเป็นไข้อยู่รีบไปโรงพยาบาลเถอะ”

คนขับรถอายุห้าสิบแถมในบ้านยังมีเด็กที่อายุพอๆกับเป้ยฉ่ายเวยนึกถึงที่คนอื่นโตขนาดนี้ก็ทำอะไรเองได้แล้วแล้วหันมาดูเด็กในบ้านตัวเองที่เอาแต่ยื่นมือขอตังก็รู้สึกสงสารขึ้นมา

เป้ยฉ่ายเวยเห็นคนขับรถไม่ยอมเอาเงินสักทีก็ไม่ได้บังคับเขาพอขอบคุณเสร็จก็ปฏิเสธความหวังดีของคนขับรถแล้วก็อุ้มรุ่ยรุ่ยลงรถแล้วเข้าโรงพยาบาล

กลางคืนมีแต่ห้องฉุกเฉินที่ยังมีคนเฝ้าเวรเป้ยฉ่ายเวยอุ้มเด็กแล้วถือกระเป๋าไว้แถมยังต้องไปๆมาๆคนเดียวไปจ่ายเงิน ต่อคิวแล้วไปหาหมอ

พอเสร็จหมดตัวเธอก็มีเหงื่อออกถึงแม้เหนื่อยจนข้อเท้าเจ็บแต่เธอก็ไม่ได้แสดงออกมา

เป้ยฉ่ายเวยรอคุณหมอตรวจรุ่ยรุ่ยจนเสร็จก็ถาม “คุณหมอคะลูกของฉันเป็นยังไงบ้างคะ”

“ไม่ได้เป็นอะไรมากก็แค่ไข้ขึ้นนิดหน่อย ปกติร่างกายก็อ่อนแออยู่แล้วไข้เลยไม่ลดสักทีฉีดยาหนึ่งเข็มแล้วใส่น้ำเกลือไม่กี่วันก็ได้แล้วครับ”

ตอนที่หมอพูดถึงตรงนี้ก็ชะงักแล้วพูดอย่างเห็นใจ “คุณก็น่าจะรู้ว่าลูกคุณมีโรคหัวใจเรื่องเป็นหวัดเป็นไข้แบบนี้ต้องรีบส่งมาไม่งั้นถ้ากลายเป็นโรคปอดบวมนะครับ”

“ฉันรู้ค่ะฉันทำผิดเองคราวหลังฉันจะแลให้ดีกว่านี้” เป้ยฉ่ายเวยได้ยินที่หมอพูดแบบนี้ก็รู้สึกกลัวถ้ารุ่ยรุ่ยจากเป็นไข้กลายเป็นโรคปอดบวมก็คงจะเลื่อนเวลาผ่าตัด แบบนั้นถึงแม้มีตังมากขนาดไหนก็คงจะไม่มีโอกาสนี้อีก

คุณหมอเห็นเป้ยฉ่ายเวยที่ดึกขนาดนี้แล้วยังมาเด็กมาคนเดียวแถมยังเหงื่อท่วมหัวไม่ได้พักก็รู้สึกดูไม่ลงแล้วสั่งพยาบาลไปช่วย

เป้ยฉ่ายเวยรีบขอบคุณแล้วอุ้มรุ่ยรุ่ยตามพยาบาลไปที่ห้องผู้ป่วย

รุ่ยรุ่ยทั้งฉีดเข็มทั้งใส่น้ำกระหว่างที่ทำรุ่ยรุ่ยไม่ได้ร้องไห้เลยตอนที่เข็มทิ่มเข้าแขนเพื่อที่จะไม่ให้เป้ยฉ่ายเวยเป็นห่วงก็แค่ขมวดคิ้วเฉยๆ

กลางคืนในห้องผู้ป่วยรวมกับพวกเขาสองคนก็มีผู้ป่วยแค่สองคน

เป้ยฉ่ายเวยโทรไปว่าคุณยายว่าปลอดภัยแล้วถึงได้มีเวลาพักสักทีตอนที่เดินและยืนไม่ได้รู้สึกอะไรแต่ตอนนั่งลงมาข้อเท้าก็เหมือนโดนเข็มแทง

แต่เห็นรุ่ยรุ่ยมองตัวเองด้วยตาโตบนใบหน้าไม่ได้แสดงท่าทีอะไรเยอะ

“รุ่ยรุ่ยเจ็บไหม?” เป้ยฉ่ายเวยชี้ไปที่หน้าอก

“ไม่เจ็บครับ” รุ่ยรุ่ยเขย่าหัว

เขารู้ตลอดว่าร่างกายตัวเองไม่ดีไม่สามารถเล่นกีฬาเหมือนเพื่อนคนอื่นได้การฉีดเข็มกินยากลายเป็นกิจวัตรประจำวันไปแล้วแต่เขาไม่อยากให้แม่เป็นห่วงเลยทำเข้มแข็งตลอด

“อือ รุ่ยรุ่ยง่วงหรือยังถ้าอยากดื่มน้ำหรือกินผลไม้ก็บอกแม่นะ” เป้ยฉ่าน้วยถอดหายใจขอแค่หัวใจยังสบายอยู่อย่างอื่นก็คงจะไม่มีอะไรมากแล้ว

เสียงน้อยๆของรุ่ยรุ่ย “แม่ครับผมไม่หิว ไม่ง่วงครับ”

เป้ยฉ่ายเวยมองสายตาของรุ่ยรุ่ยก็รู้ได้ว่าเขาอยากทำแต่ก็ไม่กล้าเธอคิดไปคิดมาก็นึกบึ้นได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่เลยทำเป็นถาม “รุ่ยรุ่ยแม่ขอกอดลูกนอนนะ”

รุ่ยรุ่ยดีใจมากๆแต่ต่อหน้าก็ทำเป็นหน้านิ่งแล้วพยักหน้า “อือ”

เป้ยฉ่ายเวยยิ้มแล้วถอดรองเท้าแล้วเข้าไปในใต้ผ้าห่มเตียงประมาณหนึ่งเมตรยี่สิบมีคนตัวเล็กและคนตัวใหญ่นอนด้วยกันก็ยิ่งแอร์อัดและทั้งสองคนติดกันมาก

ใกล้จนรุ่ยรุ่ยยิ้มอย่างไม่รู้ตัวแล้วดมกลิ่นแม่ในใจก็รู้สึกปลอดภัย

เป้ยฉ่ายเวยหลีกไม่ให้ไปโดนแขนที่มีเข็มของรุ่ยรุ่ยอิงไว้ที่หัวเตียงแล้วกอดคนน้อยและห่มผ้าให้เขาถึงแม้รุ่ยรุ่ยแค่เป็นไข้แต่ว่าโดนลมอีกไม่ได้แล้ว

หน้ารุ่ยรุ่ยที่เหมือนซาลาเปาอยู่ต่อหน้าเป้ยฉ่ายเวยแล้วถาม “แม่คุณหมอบอกต้องเติมน้ำเกลือหลายวัน......”

ถ้าอย่างนั้นเขาก็คงได้อยู่กับแม่หลายวันสินะ

“อือ ลูกพักอยู่กับที่แม่ก่อนรอให้หายดีแล้วค่อยกลับ” เป้ยฉ่ายเวยก็กำลังคิดเรื่องนี้ยังดีที่เธอย้ายออกจากคอนโดนั้นแล้วและเธอก็พึ่งทะเลาะกับฉูเจ๋อหยางในระยะเวลาสั้นฟนี้ผู้ชายเย็นชาคนนั้นคงจะไม่อยากเจอตัวเอง

และยิ่งตอนนี้ฉูเจ๋อหยางและหนานฉิงยังอยู่ในช่วงโปรโมชั่นก็ยิ่งไม่มีเวลา

ก็แค่ระมัดระวังหน่อยก็น่าจะไม่รู้

ในใจรุ่ยรุ่ยทำท่าผู้ชนะดีจังเลยมีแม่อยู่เป็นเพื่อนด้วยหลายวันที่แท้การเป็นไข้บางครั้งมันก็ดีนะอย่างน้อยมีแม่อยู่เคียงข้าง

ถึงแม้อยากไม่สบายต่อไปแต่ถ้าแบบนั้นแม่คงกังวลตายช่างเถอะอยู่ได้กี่วันก็อยู่กี่วัน

“อือ ผมจะเชื่อฟังแม่”

เสียงเล็กของรุ่ยรุ่ยเหมือนแมวน้อยที่กลัวถูกโยนทิ้งเป้ยฉ่ายเวยก็รู้สึกเจ็บใจไปอีกบนใบหน้าก็ทัเป็นยิ้มอย่างสบาย “รอพรุ่งนี้รุ่ยรุ่ยเติมน้ำเกลือเสร็จพวกเราไปสวนสัตว์ด้วยกัน”

“ได้ครับ ไปสวนสัตว์กับแม่” รุ่ยรุ่ยพูดอย่างดีใจ

“อือ ตอนนี้รุ่ยรุ่ยนอนได้แล้วพรุ่งนี้จะได้มีชีวิตชีวาออกไปกับแม่ไง” เป้ยฉ่ายเวยยิ้มต่อ“อือผมจะนอนเช้าๆนะครับแม่ก็ต้องนอนเช้านะครับ” ได้ยินว่าจะได้ไปสวนสัตว์กับแท่พรุ่งนี้เช้าเสียงของรุ่ยรุ่ยดูร่าเริงขึ้นเป้ยฉ่ายเวยพยักหน้าแล้วโผล่เข้าไปกอดคนร่างเล็กตอนเช้าตอนเป้ยฉ่ายเวยตื่นคนในอ้อมกอดยังนอนอยู่เลยอดที่จะยกยิ้มไม่ได้เธอเลยไปหาพยาบาลฝากแลลูกแป๊บนึงแล้วออกไปซื้ออาหารเช้าคนเดียวจากนั้นก็ลางานที่ร้านไปด้วยรอเธอกลับมาถึงที่ห้องผู้ป่วยก็เห็นรุ่ยรุ่ยตรึงหน้านั่งอยู่บนเตียงรอบข้างยังมีพยาบาลล้อมรอบอยู่“ผมต้องเชื่อฟังนะครับเดียวแม่ก็กลับมาแล้ว”“ใช่พวกเราเติมน้ำเกลือก่อนดีไหม”“เดียวพี่ตะทำอย่างระมัดระวังไม่ทำให้เจ็บนะ”รุ่ยรุ่ยก็ไม่ตอบสักคำราวกับถ้าเป้ยฉ่ายเวยไม่ออกมาเขาก็จะไม่เติมน้ำเกลือแถมพยาบาลหลายคนก็เอาเด็กน่ารักคนนี้ไม่อยู่เป็นเพราะรุ่ยรุ่ยมันแปลกคนจริงๆ

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์