โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

หลงรักทนายคนเลว

บทที่ 333 เปิดเผยออกมาตรงๆ

บทที่ 333 เปิดเผยออกมาตรงๆ

เป็นครั้งแรกที่ฉูเจ๋อหยางคิดว่าเส้นทางสายนี้ช่างแสนยาวไกล เขาอยากจะไปถึงที่นั่นให้เร็วๆ

ในหัวมีแต่คำพูดของอวี๋ซือซือ ที่ว่าเป้ยฉ่ายเวยมีลูก ทั้งยังเป็นลูกของเขาด้วย เมื่อลองหวนกลับไปนึกถึงแววตาที่ปู้ติงมองมาที่เขา รวมถึงคำพูดหยั่งเชิงของเด็กน้อยอีกหลายๆครั้ง

เขาก็รู้สึกว่าตัวเองช่างโง่เง่านัก ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย

หรืออาจจะรู้ แต่เพราะว่าทุกครั้งเขาก็ผิดหวังมาตลอด เลยไม่กล้าคิดไปไกลกว่านั้น เขากลัวว่าถ้าหวังมากเท่าไหร่ก็ยิ่งผิดหวังมากเท่านั้น

แต่ว่าตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นกำลังจะแต่งงานกับผู้ชายคนอื่นทั้งๆที่มีลูกของเขาอยู่ด้วย อย่าคิดว่าเขาจะยอม ยิ่งตอนนี้เขารู้เรื่องลูกแล้วเขายิ่งไม่มีทางยอม

เพราะฉูเจ๋อหยางรีบร้อนเกินไป เลยลืมถามถึงเหตุผลที่เป้ยฉ่ายเวยต้องมาอยู่ที่โรงพยาบาลเลย

จนกระทั่งเท้าของเขาเหยียบลงบนพื้นหินอ่อนอันเย็นเฉียบที่เป็นเงาวับจนสะท้อน บนนั้นยังมีคราบเลือดจางๆอยู่ด้วย เห็นแบบนี้หัวใจของเขาก็พลอยหนักอึ้งไปด้วย

เขาก้าวเท้าเดินไปยังแผนกผู้ป่วยในเรื่อยๆ

ในระหว่างที่ฉูเจ๋อหยางเดินทางมาที่นี่ เขาได้สั่งให้คนสืบหาแล้วว่าเป้ยฉ่ายเวยยู่ตรงส่วนไหนในโรงพยาบาล ตอนนี้เขายืนอยู่ตรงบันได เขาที่เป็นคนนิ่งสุขรุมมาตลอด ในเวลานี้ฝ่ามือของเขากลับบีบแน่นไปหมด

เขามีลูกอายุสามขวบ

ณ เวลานี้มีคนเฝ้าหน้าห้องไอซียูอยู่สองคน คนหนึ่งคือแม่ของเด็กที่กำลังรอคอยอย่างกระวนกระวาย ส่วนอีกคนก็คือผู้ชายที่มีท่าทางเป็นกังวลไม่ต่างกัน ทั้งสองกำลังอิงแอบลูบหลังกัน ราวกับสามีภรรยาที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน เป็นภาพที่บาดตาบาดใจมาก

เมื่อฉูเจ๋อหยางเห็นภาพเบื้องหน้า ความบ้าคลั่งในดวงตาดำมืดก็แผ่ลามไปจนถึงเบื้องลึก ริมฝีปากบางเม้มจนกลายเป็นเส้นตรง ความรู้สึกที่อธิบายออกมาไม่ได้ในเบื้องลึก ก็มลายหายไปหมด

“เป้ยฉ่ายเวย คุณกล้ามากนะ”

เป้ยฉ่ายเวยที่ตอนแรกเอาแต่มองทะลุผ่านกระจกใสเข้าไปเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ทั้งร่างก็แข็งทื่ออยู่กับที่ แม้แต่หันหน้ากลับไปมองก็ยังไม่กล้า ในใจเอาแต่พูดประโยคเดียวซ้ำๆว่า

เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง!

ราวกับฉูเจ๋อหยางอ่านใจเธอออก เขาค่อยๆก้าวเดินเข้าไปใกล้เธอช้าๆ ความนิ่งเงียบของเขาบ่งบอกว่าจะมีพายุลูกใหญ่ตามมา จึงทำให้ในใจของเธอเกิดหวาดผวาขึ้นมา

“ทำไม ไม่กล้ามองหน้าผมหรอ” แม้เสียงของเขาจะเบามาก แต่ก็พกความข่มขู่ในน้ำเสียงมาด้วย

หลี่จื่อเชียนสัมผัสได้ถึงมือเล็กๆของผู้หญิงข้างกายที่สั่นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว เขาเอียงตัวไปยืนบังฉูเจ๋อหยางไว้ “ทนายฉู มีเรื่องอะไรเอาไว้ค่อยคุยกันดีกว่าไหมครับ”

ราวกับฉูเจ๋อหยางเพิ่งรับรู้ถึงการมีอยู่ของหลี่จื่อเชียน ในนัยน์ตาดำมืดจึงเต็มไปด้วยความเยือกเย็น “ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่คุณหลี่ชื่นชอบการเป็นพ่อเลี้ยงคนอื่น ไม่รู้ว่าแม่คุณจะคิดยังไงนะ”

“ฉูเจ๋อหยาง ระวังคำพูดด้วย นี่มันเป็นเรื่องของผมกับเวยเวย” แววตาของหลี่จื่อเชียนวูบไหว แต่ก็ไม่ยอมละจากการสบตากับเขา

แม้จะไม่รู้ว่าทำไมฉูเจ๋อหยางถึงมาโผล่ที่นี่ได้ แต่ว่าเขาเชื่อว่าถ้าจบเรื่องพวกนี้แล้ว เวยเวยจะไม่มีทางกลับไปหาผู้ชายคนนี้อีกแน่

ต่อให้ผู้ชายคนนี้จะเป็นพ่อของเด็กก็ไม่มีทางที่เธอจะกลับไปหาเขา

เพราะว่าเขาไม่คู่ควรเลยสักนิด

ฉูเจ๋อหยางเหยียดยิ้มขึ้น เป็นเหมือนรอยยิ้มของอสูรกายที่มาจากขุมนรก เสียงทุ้มเต็มไปด้วยความหนาวเย็นยะเยือก “แล้วผมพูดผิดหรือไง ไม่คิดเลยนะว่าคุณหลี่จะมีรสนิยมแบบนี้”

“ฉูเจ๋อหยางมันจะมากเกินไปแล้วนะ เด็กไม่ได้รู้เรื่องด้วย อีกอย่างคุณเองก็ไม่เคยรู้เลยว่ารุ่ยรุ่ยมีตัวตน แล้วคุณคิดว่าคุณสมควรที่จะเป็นพ่อคนแล้วหรอ?” หลี่จื่อเชียนถากถางกลับ

เหมือนมีลูกธนูยิงเข้าที่หัวใจของฉูเจ๋อหยางอย่างจัง เขาไม่ได้โต้ตอบอะไรออกมามีเพียงแค่ความโกรธเคืองเท่านั้น ถ้าไม่ใช่ว่าเป้ยฉ่ายเวยปิดบังเขาเอาไว้ เขาจะก็คงไม่พลาดโอกาสที่จะได้ดูแลลูกหรอก “หลี่จื่อเชียน เรื่องนี้มันไม่ควรเข้ามายุ่ง”

“ถ้าเป็นเรื่องของเวยเวยกับรุ่ยรุ่ย ผมก็จะเข้าไปยุ่งหมดนั่นแหละ”

ฉูเจ๋อหยางแสยะยิ้ม “เกรงว่าคุณจะไม่สามารถน่ะสิ”

หลี่จื่อเชียนไม่รู้เล่ห์เหลี่ยมของฉูเจ๋อหยาง แต่เป้ยฉ่ายเวยรู้ดี ในใจของเธอกระตุกไหว มือก็บีบเข้าหากันแน่น เธอหันหลังกลับไปมองผู้ชายที่เธอเกลียดชัง “ฉูเจ๋อหยาง นี่มันเป็นเรื่องระหว่างเรา อย่าดึงคนอื่นมาเกี่ยวด้วย”

ฉูเจ๋อหยางเพิ่งจะเห็นว่าผู้หญิงตรงหน้ามีแค่ดวงตาเท่านั้นที่ไม่เปลี่ยนไป นอกนั้นทั้งตัวก็มีแต่แผล เสื้อยืดสีขาวที่ใส่อยู่ก็ขาดวิ่นเป็นรู

ไม่ อย่าเรียกว่าเสื้อยืดสีขาวเลย ต้องบอกว่าเศษผ้าผสมปนเปไปด้วยคราบเลือดถึงจะถูก

บนเท้าที่สวมใส่รองเท้าแตะของโรงพยาบาลก็มีผ้าพันแผลพันเอาไว้ ทั้งเนื้อทั้งตัวดูน่าเวทนาไปหมด

ทำไม ทำไมไม่มีใครบอกเขา ว่าเธอเจ็บหนัก

“เวยเวย อย่าไป” เขาไม่กลัวที่ฉูเจ๋อหยางขู่เลยสักนิด

เป้ยฉ่ายเวยยิ้มให้หลี่จื่อเชียนแล้วพูดขึ้นมา “ไม่เป็นไรหรอก อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ฉันคอยพะว้าพะวังมาหลายปีแล้ว มันคงถึงเวลาที่ต้องพูดออกไปแล้วล่ะ”

จากที่เธอเครียดมาตลอดก็ค่อยๆผ่อนคลาย ใช่ เธอเก็บงำมาสี่ปีแล้ว ทุกๆคืนเธอต้องมากลัวว่าตัวเองจะเผลอหลุดปากพูดออกไป ต้องคอยเตือนตัวเองอยู่ตลอดทุกครั้ง ในที่สุดก็ถึงเวลาสักที ครั้งนี้เธอไม่ต้องทนเก็บมันเอาไว้อีกแล้ว

เจ๋อหยางที่แต่ไหนแต่ไรไม่รู้จักคำว่าล้าถอย ในเวลานี้เห็นเป้ยฉ่ายเวยเดินเข้ามาหาตัวเองทีละก้าว ในใจของเขาก็เกิดป๊อดไม่กล้ามองหน้าเธอซะงั้น แต่เมื่อมาลองคิดตามดู ก็พบว่ามันเป็นปัญหาของเป้ยฉ่ายเวยทั้งหมด ดังนั้นเขาจึงกลับมาใจแข็งอีกครั้ง

“มาสิ คุณอยากรู้ไม่ใช่หรอ ฉันจะบอกคุณทั้งหมดเลย” หวังแค่ว่าถ้าคุณได้รู้ความจริงแล้วจะยอมออกห่างจากฉันนะ เป้ยฉ่ายเวยลากเท้าเดินไปข้างหน้าอย่างแน่วแน่และมุ่งมั่น

ฉูเจ๋อหยางเม้มปาก จากนั้นก็เดินตามเธอไป ใช่ เรื่องระหว่างเขากับเธอจะให้คนอื่นเข้ามายุ่งไม่ได้

แต่ทุกครั้งที่เห็นเป้ยฉ่ายเวยเกือบจะล้มลงไป หัวใจของฉูเจ๋อหยางก็ร้อนรนราวกับมีไฟมาเผา ต้องคอยควบคุมไม่ให้ตัวเองวู่วามยื่นมือออกไปประคอง บอกกับตัวเองในใจว่านี่คงเป็นมารยาของเธอที่ใช้ประจำ

ถ้าไม่ใช่แบบนี้ ตลอดสี่ปีที่ผ่านมาเขาคงไม่ถูกปั่นหัวเล่นจนเป็นเกลียวแบบนี้หรอกเป้ยฉ่ายเวยเดินออกมาได้แค่นิดเดียวก็หอบหนักแล้ว ทางเดินของห้องไอซียูเงียบจนได้ยินเสียงฝีเท้าของเธอและเขา หนึ่งคือเสียงจากรองเท้าแตะ อีกหนึ่งคือเสียงรองเท้าหนังที่กระทบลงบนพื้น เสียงทั้งสองดังขึ้นทับซ้อนกันเป็นระยะๆก่อเกิดเป็นอีกเสียงเรียกว่าเสียงของความหมางเมิน“เราคุยกันอยู่ตรงนี้แหละ” เป้ยฉ่ายเวยหยุดเดินกะทันหัน แล้วหันหลังพิงกับกระเบื้องผนังเย็นๆตรงทางเดิน อาศัยความแข็งแรงของผนังค้ำจุนร่างกายของตัวเองเอาไว้“ทำไมต้องปิดบังผม” นัยน์ตาของฉูเจ๋อหยางจดจ้องใบหน้าขาวนวลของเธออย่างไม่กระพริบตา ราวกับอยากจะมองทะลุให้เห็นว่าในใจของเธอคิดอะไรอยู่ แต่ใจของเขาเองก็สับสน จึงไม่สามารถตีความหมายของความอ้างว้างในแววตาเธอออกต้องผิดหวังแค่ไหนหรอ ถึงได้มีความเศร้าและความอ้างว้างอยู่ในแววตาแบบนี้เขาไม่กล้ามองให้ละเอียดไปมากกว่านี้เป้ยฉ่ายเวยดึงมุมปากขึ้น พยายามทำให้ตัวเองไม่ดูตื่นตระหนกกับตรึงเครียดเท่าที่จะทำได้ “ฉูเจ๋อหยาง คุณยังจำคำที่ฉันเคยถามได้ไหม”นัยน์ตาของฉูเจ๋อหยางวูบไหวแต่ไม่ได้ตอบรับคำแต่อย่างใดเป้ยฉ่ายเวยก็เหมือนจะไม่ได้ถือสาอะไร ละสายตาจากใบหน้าหล่อเหลาของเขา ย้ายไปมองภาพเบื้องหน้าที่อยู่ไกลๆ ราวกับว่าถ้าทำแบบนี้ เธอถึงจะใจสงบพอที่จะเผชิญหน้ากับเขาได้ “ฉันถามคุณว่าคุณชอบฉันไหม แต่คุณก็ไม่เคยตอบคำถามฉันเลย”

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์