บทที่ 345 ทุกสิ่งนั้นคุ้มค่า
ครู่หนึ่งเลือดสีแดงสดก็พุ่งสาด ดั่งดอกไม้ที่กำลังผลิดอกบานอยู่กลางอากาศ ร่วงโรยลงบนพื้นหินอ่อนอันเย็นเยือก กระจัดกระจายดูสะดุดตาน่าตกใจ ใต้ฝ่าเท้าของเขาเต็มไปด้วยหยาดเลือดซึ่งรวมตัวกันเป็นเหมือนแอ่งน้ำตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
เป้ยฉ่ายเวยตกใจจนสั่น ในตาเธอเห็นแต่เลือดสีแดงเต็มไปหมด แดงชัดจนแสบตา แสบไปถึงหัวใจ เธอไม่คิดว่าฉูเจ๋อหยางจะหยิบมีดขึ้นมาแทงต้นขาของตัวเองโดยไม่ลังเล
ความเด็ดขาดเช่นนั้น การกระทำอันไม่สนไม่แคร์เช่นนั้น
น้ำตาอาบสองแก้มของเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เธอแผดเสียงคำรามใส่เขา “ฉูเจ๋อหยาง คุณบ้าไปแล้ว คุณบ้าไปแล้ว!”
ฉูเจ๋อหยางไม่ได้เปิดปาก มุมปากของเขากลับเผยยิ้มขึ้นเล็กน้อย ด้วยมีดปอกผลไม้ที่ปักอยู่อย่างนั้น เขาค่อยๆเดินเข้าหาหญิงสาวบนเตียงซึ่งตื่นตระหนกจนเสียสติ ทุกก้าวย่างของเขา รอยเลือดที่พื้นก็จะถูกลากตามเขาไปด้วย กลายเป็นเส้นทางเลือด
เป็นเพราะการเดินของเขา มีดปอกผลไม้ที่ปักที่ต้นขาจึงเสียดสีที่ปากแผลอย่างต่อเนื่อง ความเจ็บปวดบนร่างกายนั้นทำให้เขารู้สึกสุขใจ เมื่อเปรียบกับความเจ็บปวดทุกข์ทรมานที่เธอได้รับ การบาดเจ็บเท่านี้จะเทียบอะไรได้
ขอแค่เธอกลับมาอยู่กับเขา ทุกอย่างล้วนคุ้มค่า
เป้ยฉ่ายเวยเห็นว่าฉูเจ๋อหยางได้รับบาดเจ็บแล้วยังจะยิ้มให้เธออีก เห็นๆอยู่ว่าที่ขาเขามีมีดปอกผลไม้ปักอยู่ แต่เขาก็ยังเดินได้อย่างมั่นคงปกติ เมื่อเห็นรอยเลือดเป็นทางยาว ใจเธอก็เจ็บแปลบและสั่นไหว
ร่างเขาเคลื่อนตัวมายังเตียงโดยไม่รู้ตัว ไม่ นี่ต้องเป็นภาพหลอนแน่ นี่ไม่ใช่เรื่องจริง ฉูเจ๋อหยางไม่มีทางปฏิบัติกับเธออย่างนี้แน่ ต้องเป็นเพราะว่าเธอไม่ได้พักผ่อนนานเกินไปแน่ๆ
จึงได้เกิดภาพหลอนอันไร้สาระนี้ขึ้น ต้องเป็นอย่างนั้นแน่ “หายไป หายไป ฉูเจ๋อหยางคุณหายไปจากฉันเดี๋ยวนี้ ฉันไม่อยากเห็นคุณแล้ว! ฉันไม่อยากเห็นคุณแล้ว”
ฉูเจ๋อหยางไม่ได้หายไปเพราะโวยวายของเธอ กายเขากลับเข้าใกล้ขอบเตียงเรื่อยๆ ใบหน้าหล่อเหลาไม่แสดงความสะทกสะท้านใดๆ แต่เหงื่อเย็นบนหน้าผากกลับบอกให้รู้ว่าตอนนี้เขากำลังประสบกับความยากลำบากอยู่
“เป้ยฉ่ายเวย….”
“ไม่ อย่าเรียกฉัน นี่ไม่ใช่เรื่องจริง….” เป้ยฉ่ายเวยหลับตาลงและส่ายศีรษะสุดชีวิต ราวกับว่าทำเช่นนี้แล้วเธอจะสามารถสลัดความเจ็บปวดออกจากฉูเจ๋อหยางได้ เธอจะได้ไม่ต้องเจ็บปวดใจ
ขอร้องล่ะ คุณรีบหายไปเถอะ!
ในสายตาฉูเจ๋อหยางมีรัศมีของความอ่อนโยน เสียงเขานุ่มลึกพูดออกมาอย่างอ่อนแรง “เจ็บ….”
เมื่อได้ยินว่าชายหนุ่มเจ็บปวด เป้ยฉ่ายเวยที่ปิดตาอยู่ก็ลืมตาขึ้นในทันที น้ำตาไหลนองในขณะที่เห็นชายคนนั้นกำลังอมยิ้มให้เธออยู่
ในที่สุดก็สะกดอารมณ์เอาไว้ไม่อยู่ น้ำตายิ่งไหลพรากลงมาราวกับก๊อกเสียกดปิดมันไม่ได้อีกต่อไป “ทำไม คุณทำอย่างนี้ทำไม ฉูเจ๋อหยางคุณทำอย่างนี้กับฉันทำไม!”
“ไม่โกรธแล้วนะ”
อยู่ๆฉูเจ๋อหยางก็เสียเลือดเป็นจำนวนมาก ใบหน้าเขาขาวซีด แต่เขาก็ยังยกมือขึ้นปาดน้ำตาให้เธอด้วยความนุ่มนวลอบอุ่น เขาไม่ต้องการเห็นน้ำตาของเธอ เพราะทุกครั้งที่เห็นน้ำตาของเธอ มันเหมือนมีมีดปลายแหลมมาจ่อที่หัวใจของเขา เมื่อเทียบกับความเจ็บที่ต้นขาแล้ว นั่นเจ็บปวดกว่านัก
เป้ยฉ่ายเวยโกรธและปัดมือเขาออกอย่างไม่พอใจ เธอกล่าวเสียงดัง “คุณตอบฉันมา ทำอย่างนี้กับฉันทำไม ทรมานฉันอย่างนี้สนุกนักใช่ไหม ฉูเจ๋อหยาง!”
วินาทีต่อมาชายหนุ่มที่ถูกเธอปัดมือออกเบาๆกลับเหมือนถูกกระแทกเข้าอย่างแรง เขาเซกายเอนไปกระแทกข้างเตียง คิ้วคู่นั้นบิดเป็นเกลียวเข้าหากันเหมือนว่าจะได้รับความเจ็บปวดอย่างใหญ่หลวง
เป้ยฉ่ายเวยเห็นฉูเจ๋อหยางอยู่ๆก็เซล้มไป ผ้าปูที่นอนมีรอยแดงของเลือด หน้าเธอก็ถอดสี ดวงตาทั้งคู่ตกตะลึงจ้องมองไปยังปากแผลของฉูเจ๋อหยาง ไม่ว่าเธอจะช่วยเขาห้ามเลือดอย่างไรแต่เลือดมันก็ไหลออกจากหว่างนิ้วเธอราวกับจะไม่มีวันหยุดไหล
“ฉูเจ๋อหยาง ฉูเจ๋อหยาง คุณต้องไม่เป็นอะไรนะ คุณต้องไม่เป็นไร ฉันยกโทษให้คุณ ฉันยกโทษให้คุณแล้ว”
เมื่อพูดถึงตรงนี้เป้ยฉ่ายเวยก็ร้องห่มร้องไห้ เธอไม่เคยเห็นฉูเจ๋อหยางเปราะบางเช่นนี้ ไม่รู้ว่านิ้วของเธอเลื่อนไปติดกับใบมีดตอนไหน แต่กลับไม่รู้สึกเจ็บ
ทำยังไงดี เขาตกเลือดมากขนาดนี้จะตายไหม….
เป้ยฉ่ายเวยมัวแต่สนใจบริเวณต้นขาของเขาที่มีเลือดออก เธอไม่ทันได้สังเกตว่าประกายในดวงตาสีเข้มของชายคนนั้นได้หายวับไปแล้ว หายวับไปราวกับไม่เคยมีมาก่อน เขากลับหัวเราะไม่ออกจะร้องไห้ก็ไม่ออก เขาเสียเลือดมากขนาดนี้ ผู้หญิงคนนี้ยังไม่ตามหมอมาให้เขาอีก
สงสัยเขาจะต้องเสียเลือดมากเกินไปจนช็อคแล้วมั๊ง ทำอย่างไรได้ ผู้หญิงคนนี้กำลังตกอยู่ในภวังค์ในห้วงจินตนาการว่าเขากำลังจะตาย เขาไม่ได้คิดถึงมันมาก่อน ว่าถ้าเขาเสียเลือดไปเยอะขนาดนี้ก็อาจจะตายขึ้นมาจริงๆได้เลย
ดังนั้นเพื่อที่จะได้ไม่ต้องตายตั้งแต่ยังหนุ่มยังแน่น เขาจึงแกล้งทำเป็นเอ่ยปากอย่างอ่อนแรง “กดออด เรียกหมอสิ”
จู่ๆเหมือนเป้ยฉ่ายเวยตื่นขึ้นมาจากความฝัน เธอตื่นตระหนกจนลืมตามหมอให้ฉูเจ๋อหยาง เธอรีบคลานทุลักทุเลไปที่หัวเตียง ตัวนี่แทบจะแนบกับใบหน้าฉูเจ๋อหยาง กดกริ่งไปก็ยังสั่นไป
จมูกฉูเจ๋อหยางกระพือออกเมื่อได้กลิ่นนมอันหอมหวาน ผ่านเสื้อผ้าชั้นบางๆของหญิงสาว ฉูเจ๋อหยางรู้สึกว่าตัวเองติดหนึบอยู่กับร่องหุบเหวลึก สายตาเขาเคลื่อนตามหญิงสาวไป เป็นการเคลื่อนไหวที่ “น่าทึ่ง” มาก เสียดสีไปมากับแก้มของเขา
วินาทีถัดไป เขาเกิดมีอารมณ์ขึ้นมาอย่างน่าอาย เรื่องนี้จะโทษเขาไม่ได้ ตั้งแต่เป้ยฉ่ายเวยย้ายออกไป เขามีโอกาสแค่ไม่กี่ครั้งที่ได้สัมผัสเธอ และด้วยพละกำลังของเขา โอกาสเล็กน้อยนี้ก็เหมือนกับละอองฝน ที่พร่างพรมลงระหว่างพวกเขาทั้งสองซึ่งไม่ได้ใกล้ชิดกันมาเป็นเวลาหลายเดือน
โทษเขาไม่ได้ที่ “พี่ชายใหญ่” ของเขาขยายตัวขึ้น
แต่ว่าความหอมหวนนั้นก็อยู่แค่เพียงช่วงสั้นๆ เป้ยฉ่ายเวยกดออดเรียกแล้ว เธอก็ลุกขึ้นจากฉูเจ๋อหยาง จากนั้นเธอก็มองค้อนฉูเจ๋อหยางราวกับเห็นนัยน์ตาหมาป่าเจ้าเล่ห์ของเขา เธอนิ่งครู่หนึ่ง ก่อนที่จะเข้าใจและโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ
ไอ้บ้านี่ สถานการณ์อย่างนี้ ยังจะคิดลามกได้อีกเป้ยฉ่ายเวยไม่รู้ว่าโมโหหรือว่าอาย เธอออกแรงตีไปที่ต้นขาที่บาดเจ็บอยู่ของฉูเจ๋อหยาง “ฉูเจ๋อหยาง อยากตายใช่ไหม”เดิมทีฉูเจ๋อหยางเสียเลือดไปมาก ผนวกกับที่เป้ยฉ่ายเวยตีไปอย่างไม่เกรงใจ ความเจ็บปวดที่แสร้งทำตรงหน้า ตอนนี้กลับกลายเป็นเจ็บปวดขึ้นมาจริงๆแล้วเมื่อเป้ยฉ่ายเวยเห็นสีหน้าเขาเธอก็รู้สึกผิด แต่เมื่อนึกถึงพฤติกรรมของเขา เธอก็อดไม่ได้ที่จะตีซะอีกครั้ง ดูเหมือนเขาจะไม่ตายง่ายๆหรอกไม่นานพยาบาลก็รีบเข้ามา เมื่อเห็นรอยเลือดบนพื้นและชายที่บนเตียง หล่อนยังคิดว่านี่เป็นฉากฆาตกรรม เธอตกอกตกใจ แต่เมื่อเป้ยฉ่ายเวยได้บอกกล่าวหล่อน พยาบาลถึงได้รู้ว่าเกิดจากแผลที่ต้นขาของฉูเจ๋อหยาง เธอจึงรีบวิ่งพร้อมตะโกนเรียกคุณหมอสำหรับเป้ยฉ่ายเวยแล้วทุกวินาทีผ่านไปด้วยความยากลำบาก แต่คนที่เกิดเรื่องกลับสงบนิ่งไม่มีปฏิกิริยาใด ราวกับไม่ได้มีมีดปอกผลไม้ปักอยู่ที่ตนเองอย่างนั้นฉูเจ๋อหยางสงบลงได้ แต่เป้ยฉ่ายเวยกลับไม่สามารถนิ่งเฉย รอยังไม่ถึงหนึ่งนาที เธอเห็นหมอยังไม่มา เธอนั่งไม่ติดอยู่บนเตียง พร้อมจะลุกขึ้นจากเตียงเพื่อที่จะเดินไปดูเองคนยังไม่ทันได้ขยับ แขนก็ถูกคนคว้าจับเอาไว้
copy right hot novel pub