บทที่ 349 แต่ว่าแม่มีคุณอาหลี่อยู่แล้วนะ
ฉูเจ๋อหยางเม้มปากแน่น ก่อนอื่นเขาหันไปจ้องเขม็งที่เป้ยฉ่ายเวยที่แกล้งทำเป็นโง่ซื่อบื้อ จากนั้นก็หันไปจ้องรุ่ยรุ่ยบนเตียง สายตามืดหม่นจนดูน่ากลัว เสียงเข้มนั้นนุ่มละมุนอย่างหาฟังได้ยาก “พ่อเป็นพ่อของลูก”
“แม่ครับ นี่เป็นเรื่องจริงหรอ” รุ่ยรุ่ยแสร้งทำเป็นถามด้วยสีหน้าประหลาดใจ
อยู่ๆเป้ยฉ่ายเวยก็ปวดหัว อยากเอามือก่ายหน้าผาก พ่อลูกคู่นี้แสดงกันพอรึยัง ก็รู้ๆกันอยู่แล้วว่าใครเป็นใคร ยังจะมาแกล้งทำเป็นไม่รู้อีก
เห็นเธอโง่หรือยังไงนะ ถึงได้ทำตัวงี่เง่า “เอาล่ะ ทั้งคู่ไม่ต้องแสดงแล้ว รุ่ยรุ่ยก็เคยเจอพ่อแล้วไม่ใช่หรอ”
“อ้อ ใช่แล้ว ใช่แล้ว ผมนึกออกแล้ว อื้ออื้อรู้แล้ว” รุ่ยรุ่ยทำท่าพยักเพยิด แสดงมาขนาดนี้ ก็เพราะกลัวแม่จะเขินอะแหละ
ฉูเจ๋อหยางนึกขึ้นได้เมื่อเจอรุ่ยรุ่ยหลายครั้งก่อน ลูกมักจะมองเขาด้วยสายตาไม่พอใจซึ่งเขาเองก็ไม่เข้าใจ ตอนนี้สามารถอธิบายเป็นเหตุเป็นผลได้แล้ว เขาก็คือคนที่รุ่ยรุ่ยชอบเรียกว่า “คนใจร้าย” นั่นเอง อีกอย่างคนที่ตัวเขาเองมักจะตำหนิอยู่เสมอก็คือตัวเขาเองอีกเช่นกัน
เป็นลูกชายตัวแสบของเขาจริงๆ ไม่เพียงแค่ฉลาดเท่านั้น ยังรู้จักวิธียั่วโมโหแม่ของเขาอีก
“รอให้ร่างกายลูกดีขึ้นหน่อย แล้วพ่อจะพาลูกกลับบ้าน” ฉูเจ๋อหยางใช้สายตายียวนมองเป้ยฉ่ายเวย
เป้ยฉ่ายเวยฮึดฮัดขึ้นในทันที “ฉูเจ๋อหยางฉันไม่มีวันยอมให้คุณเอาตัวรุ่ยรุ่ยไปหรอก คุณอย่าฝันกลางวันไปหน่อยเลย!”
“ผมฝันกลางวันรึเปล่า คุณย่อมรู้อยู่แก่ใจ” คำพูดฉูเจ๋อหยางนั้นเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ
ฉูเจ๋อหยางแข็งข้ออยู่ตรงหน้า แต่ว่าเธอก็ไม่มีวันประนีประนอมเด็ดขาด “ถ้าคุณไม่เชื่อฟัง ฉันจะแทงคุณให้ตาย”
เป้ยฉ่ายเวยเชิดคางขึ้น พร้อมกับชี้ไปยังเฝือกที่ต้นขาของเขา ถ้าหากว่าฉูเจ๋อหยางคิดจะแย่งลูกไปจากเธอ เธอลงมือแน่
ฉูเจ๋อหยางกังวลใจ ผู้หญิงคนนี้ใจเด็ดนัก มิน่าถึงไม่พูดคำหวานสักคำ มิน่าเขาถึงดูไม่ออกเลยว่าเขามีทายาท “อย่าลืม ผมเป็นพ่อของเขา สิทธ์การเลี้ยงดูไม่ได้เป็นของคุณเพียงคนเดียว”
“ทำไมจะเป็นของฉันคนเดียวไม่ได้ คุณเคยเลี้ยงเขาสักวันไหม เคยจ่ายค่าเลี้ยงดูสักบาทรึเปล่า หรือว่าเคยมอบความรักให้เขาสักนิดไหม!” เป้ยฉ่ายเวยขึ้นเสียงตั้งข้อกล่าวหา เธอเลี้ยงดูลูกมาด้วยความยากลำบาก พ่อมักง่ายคนนี้อยู่ดีๆมาบอกจะเอาไปก็จะเอาไปอย่างนั้นหรอ จะเป็นไปได้อย่างไร
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าลุ่ยลุ่ยจะเลือกใคร ไม่มีใครสู้เธอได้หรอก
ฉูเจ๋อหยางยิ่งฟังก็ยิ่งโมโห เขารู้ดีว่าคนที่เป้ยฉ่ายเวยใส่ใจก็คือลูกชายของตน แต่ทำไมเขายังรู้สึกไม่พอใจนะ ใช่เพราะว่าสำหรับเธอแล้วนอกจากลูกชาย คนอื่นๆเธอล้วนสามารถสละได้รวมถึงเขาด้วย อย่างนั้นใช่รึเปล่า
“ผมให้คุณไปห้าล้าน นั่นไม่นับหรอ” เขาเคยให้คนไปสืบหาสาเหตุที่เป้ยฉ่ายเวยหนีออกจากประเทศไป ตอนนี้เขาทนไม่ได้แล้วที่เธอพูดจาเหลวไหล
เป้ยฉ่ายเวยสูดลมหายใจ และตอบอย่างหนักแน่น “นี่เป็นสิ่งที่คุณควรให้ นอกจากเงินจำนวนนี้ คุณเคยให้อะไรบ้าง อีกอย่างเงินจำนวนนี้ก็เป็นข้อเรียกร้องของฉัน!”
พูดแล้วนี่ก็เป็นความอัปยศ
ดวงตาฉูเจ๋อหยางเปล่งประกายวาบ แต่ในไม่ช้าดวงตาก็กลับมืดมิดลงอีกครั้ง ราวกับว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เขาพูดหน้าตาเฉย “ผมถึงจะเอารุ่ยรุ่ยกลับมา ชดใช้ให้ตลอดชีวิต”
ราวกับเป้ยฉ่ายเวยได้ยินเรื่องตลก เธอหัวเราะออกมาสามครั้ง “ฮ่าฮ่าฮ่า ฉูเจ๋อหยางคุณล้อเล่นใช่มั๊ย สนใจแต่เรื่องของตัวเองไปเถอะ อย่าลืมว่าทำไมรุ่ยรุ่ยถึงต้องเข้าโรงพยาบาล”
เธอเตือนสติฉูเจ๋อหยาง ให้ไปจัดการกับหนานฉิงระเบิดเวลาลูกนั้นให้เรียบร้อยก่อน ค่อยมาคุยกับเธอเรื่องดูแลลูก
“ผมไม่มีทางยอมให้ลูกผมไปเรียกคนอื่นว่าพ่อ” ฉูเจ๋อหยางตอบอย่างประชดประชัน
เขาฉูเจ๋อหยางยังไม่ตายนะ เป็นไปไม่ได้ที่จะยกลูกชายของตนให้คนอื่น
รุ่ยรุ่ยที่นั่งอยู่บนเตียงเฝ้ามองคนทั้งคู่เปิดสงครามแย่งชิงเขากันอย่างสนอกสนใจ เถียงกันไปเถียงกันมา ไม่เหมือนทะเลาะกันเลยสักนิด แต่เหมือน “คู่รักกัดกัน” ซะมากกว่า
ทันใดนั้นทั้งคู่ก็หันไปมองเขาอย่างพร้อมเพรียง
“รุ่ยรุ่ย ลูกอยากกลับบ้านไปกับแม่ไหมครับ”
“รุ่ยรุ่ย ที่บ้านพ่อมีเปียโนหลังใหญ่เลยนะ แล้วก็มีรถ หุ่นยนต์…” ฉูเจ๋อหยางพูดลอยหน้าลอยตา
เป้ยฉ่ายเวยอดค้อนฉูเจ๋อหยางไม่ได้ ผู้ชายหน้าไม่อาย ใช้ของมาหลอกล่อเด็ก
“รุ่ยรุ่ยเด็กดี อย่าไปฟังพ่อเขา เดี๋ยวแม่จะซื้อให้เหมือนกัน เหอะ ของเล่นรถบังคับ”
เป้ยฉ่ายเวยไม่มีเงิน เธอไม่กล้าซื้อทีเดียวเป็นชุด เธอรู้ว่าแต่ละรุ่นราคาแตกต่างกันไป รุ่นหายากบางทีเป็นหมื่น ถ้าซื้อทั้งชุดอาจจะต้องหลายร้อยดอลล่าร์
ฉูเจ๋อหยางจ้องเป้ยฉ่ายเวย สายตาของเขาบ่งบอกถึง “การดูถูก” ทำไมขี้เหนียวกับลูกชายของเขาขนาดนี้
เป้ยฉ่ายเวยค้อนกลับอย่างไม่สบอารมณ์ เขาจะไปรู้อะไร หลายปีมานี้เธอเก็บหอมเงินทุกบาททุกสตางค์มาอย่างยากลำบาก
รุ่ยรุ่ยเห็นพวกเขาถลึงตาใส่กัน เขาก็ทำเหมือนกับผู้ใหญ่ตัวน้อยพ่นลมหายใจออกมาอย่างเหลืออด “พ่อครับ แม่ครับ พ่อกับแม่กำลังทะเลาะกันอย่างกับคู่สามีภรรยา”
“...”
“...”
เป้ยฉ่ายเวยจ้องฉูเจ๋อหยางจนเริ่มหน้าแดงอ่อนๆ เธอหมุนตัวไปอีกทางอย่างเสียอารมณ์ จะไปทะเลาะกันฉันท์สามีภรรยากับผู้ชายคนนี้ได้ยังไง ล้อเล่นรึเปล่า!
ฉูเจ๋อหยางเหงื่อตกอยู่พักหนึ่ง เขาหลุดจากการรักษาความสงบนิ่งเคร่งขรึมตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำอย่างกับเป็นวัยรุ่นหัวร้อนทะเลาะกับเป้ยฉ่ายเวย
แต่จะว่าไปก็บังเอิญเหมือนกัน พวกเขาทั้งสามคนพ่อแม่ลูกได้มาอยู่โรงพยาบาลพร้อมกันด้วยอาการบาดเจ็บ ใครจะไปนึก
“รุ่ยรุ่ยเด็กดี แม่จะออกไปหาอะไรให้ลูกทานก่อนนะ” เป้ยฉ่ายเวยตัดสินใจที่จะหนีไปให้พ้นจากบรรยากาศแปลกๆนี้ ยิ่งฉูเจ๋อหยางในวันนี้ เขาแปลกไปจนทำให้คนรู้สึกอึดอัด ไหนจะเอามีดปักตัวเองอีก
รุ่ยรุ่ยรับปากอย่างว่าง่าย “ครับ”
เป้ยฉ่ายเวยเดินถึงข้างกายฉูเจ๋อหยาง เธอหยุดครู่หนึ่งและพูดเบาจนได้ยินกันเพียงแค่สองคน “ฉันไม่อยากทะเลาะต่อหน้ารุ่ยรุ่ย รอให้คุณว่าง เราค่อยมาคุยกันเป็นการส่วนตัว”ฉูเจ๋อหยางพยักหน้าไม่ได้คิดปฏิเสธ เขาก็ไม่ได้อยากทะเลาะกันต่อหน้าเด็กเมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้ว่าอะไร เป้ยฉ่ายเวยจึงเดินออกไป ใครใช้ให้เธอเป็นคนที่ได้รับบาดเจ็บน้อยที่สุดล่ะ ที่เห็นอยู่ก็เป็นเช่นนั้นนะในห้องผู้ป่วยเหลือเพียงแค่พวกเขาสองพ่อลูก อยู่ๆก็นึกขึ้นมาได้ รุ่ยรุ่ยตื่นตกใจ“รุ่ยรุ่ยกลัวพ่อรึ” ฉูเจ๋อหยางดูออกว่าเขาตื่นเต้น การแสดงออกของเขาก็อ่อนโยนมากขึ้นรุ่ยรุ่ยส่ายหัว จากนั้นก็พยักหน้า เขาพูดอย่างสับสน “ผมไม่ได้กลัวพ่อ แต่ว่าผมจะไม่ไปกับพ่อ”เขายังไม่ลืม ว่าพ่อรังแกแม่ไว้อย่างไร ดังนั้นเขาจะต้องยืนหยัดอยู่ข้างแม่เสมอ“พ่อไม่รู้ว่ามีลูกอยู่” ฉูเจ๋อหยางรู้ตัวว่าทำร้ายความรู้สึกลูก แต่ถ้าเขารู้ว่ามีลูกอยู่ เขาจะไม่มีวันทำเรื่องที่ทำร้ายพวกเขาแม่ลูกเป็นอันขาดรุ่ยรุ่ยกระพริบตา ดูเหมือนเขากำลังคิดถึงสิ่งที่พ่อพูด ถ้ารู้ว่ามีเขาอยู่แล้วจะไม่รังแกแม่ใช่รึเปล่า แต่ว่าแล้วทำไมแม่ถึงไม่บอกล่ะ“แต่ว่า แม่มีคุณอาหลี่แล้วนะ”
copy right hot novel pub