บทที่ 351 ข้อตกลงหนึ่งปี
ร้อน แล้วไง จะให้เธอเป่าแล้วป้อนให้ถึงปากหรอ เป้ยฉ่ายเวยนึกถึงฉากอันน่าสะพรึงนั้น เธอก็อดไม่ได้ที่จะหนาวสั่น เธอพูดอย่างเสียไม่ได้ “ร้อนก็เอาช้อนคนเอาไม่ได้หรอ ถ้าฉันไม่ป้อนแล้วคุณกินเองไม่ได้หรือไง”
เธอเห็นฉูเจ๋อหยางไม่พูดไม่จา นัยน์ตาดำขลับนั้นจับจ้องเขม็งไปที่เธอ เธอเลยพูดออกมาชัดๆ “คุณอย่าคิดว่าจ้องอย่างนี้แล้วฉันจะทำให้ ไม่มีทาง ฉันซื้อให้ก็บุญแล้ว”
และนั่นเอง โจ๊กถุงนี้เธอตั้งใจซื้อเผื่อเขา ไม่ใช่ว่าเหลือ คิ้วของฉูเจ๋อหยางยืดเหยียดยาวออกไป แต่ก็ยังคงพูดอย่างไม่ชอบใจ “ไม่เห็นหรอว่าผมเจ็บ”
เป้ยฉ่ายเวยเห็นท่าทางของฉูเจ๋อหยางทำอย่างกับเจ้านายออกคำสั่ง ขนคิ้วเธอก็กระตุกขึ้นทันที ผู้ชายคนนี้เห็นเขาเป็นลูกน้องตัวเองหรือยังไง ต้องสั่งสอนซะหน่อย เธอพูดด้วยใบหน้ามึนตึง “ที่คุณเจ็บคือขา ไม่ใช่มือ”
ฉูเจ๋อหยางพูดอย่างมั่นหน้า “ไม่ถนัด”
“ฉูเจ๋อหยาง คุณ!” เป้ยฉ่ายเวยคิดว่าจะพูดยังไงกับเขาดี ตาโตคู่นั้นหรี่เล็กลง จ้องมองพวกเขาทั้งคู่อย่างน่าสนใจ เธอพยายามสะกดกลั้นความโมโหเอาไว้ ไม่อยากทำลายภาพพจน์ต่อหน้าเด็กน้อย
เธอนั่งลงทานข้าวของตนเอง ปล่อยให้เขาอดตาย
ฉูเจ๋อหยางไม่ได้โกรธ เขายังคงใช้นัยน์ตาดำขลับนั้นจ้องเขม็งไปยังเธอต่อไป
ไม่กี่วินาทีผ่านไป เป้ยฉ่ายเวยก็อดทนต่อความรู้สึกที่โดนจับจ้องอยู่ตลอดเวลาอย่างนี้ไม่ได้ ไอ้บ้าฉูเจ๋อหยาง ทำไมต้องหาแต่เรื่อง น่าจะเข็นไปทิ้งซะจริงๆ
ผ่านไปหลายวินาที เป้ยฉ่ายเวยวางช้อนในมือลงดัง “ปัง” จากนั้นก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ บึ้งตึงเดินไปยังฉูเจ๋อยหยาง เธอหยิบช้อนขึ้นมา ถึงแม้ว่าหน้าจะบูดบึ้ง แต่ว่าท่าทางนั้นเป็นปรกติมาก
ไม่มีไอของความโกรธ แต่เธอก็ไม่มองใบหน้าอันหล่อเหลาของฉูเจ๋อหยางซึ่งสมบูรณ์แบบพอที่จะขจัดปัดเป่าความไม่พอใจของบรรดาเหล่าสรรพสัตว์บนโลกนี้ได้ กลิ่นไอของความเป็นชายของเขาลอยมาเตะเข้าที่จมูกเธอ
เธอไม่อยากมองก็ไม่ได้ ยิ่งบวกกับตาคู่นั้นที่คอยจับจ้องเธออยู่ตลอดเข้าไปอีก ทำเอาคนจะเป็นบ้า
เป้ยฉ่ายเวยเห็นสีหน้ารุ่ยรุ่ยเหมือนจะมีคำว่า “มึนงง” อยู่สองสามวินาที เธอปล่อยช้อน ทำหน้าโหด และพูดอย่างเฉยเมย “คราวนี้ทานได้แล้ว อย่าทำตัวเป็นคนไร้ประโยชน์ สู้แม้กระทั่งเด็กก็ไม่ได้”
ฉูเจ๋อหยางเลิกคิ้วขึ้น คราวนี้เขาไม่พูดอะไรอีก หยิบช้อนขึ้นมา และเริ่มทานอาหารอย่างสง่างาม
รู้สึกเหมือนว่าโดนปั่นหัวจนแทบจะระเบิด แต่เมื่อเห็นว่าขาฉูเจ๋อหยางมีเฝือกอยู่ ความโกรธก็จางหายไปอีกครั้ง ใครใช้ให้เขามาเจ็บตัวเพื่อเธอกันนะ….
เป้ยฉ่ายเวยนั่งกลับไปที่โซฟาเพื่อทานโจ๊กต่อ แต่ก็ฉุนฉูเจ๋อหยางจนหมดความอยากอาหาร เธอรีบๆทานจากนั้นก็เก็บกวาดจนเรียบร้อย ฉูเจ๋อหยางทางนั้นก็วางช้อนแล้ว ท่าทางอย่างกับท่านเจ้าสัว ราวกับว่ารอให้เธอไปเก็บกวาดให้อยู่
ทำไงได้ นี่เป็นห้องพักของรุ่ยรุ่ย เธอจะปล่อยไว้ก็ไม่ได้ จึงได้แต่เก็บกวาดเสีย
เป้ยฉ่ายเวยเอาขยะไปทิ้งและกลับมาที่ห้อง ฉูเจ๋อหยางยังไม่มีท่าทีว่าจะไป เธอจึงอดถามขึ้นมาไม่ได้ “ฉูเจ๋อหยาง คุณทานโจ๊กเสร็จแล้ว คนก็เยี่ยมแล้ว จะไปได้รึยัง”
“เรามาคุยกันก่อน” ฉูเจ๋อหยางเหลือบไปทางรุ่ยรุ่ย และพูดขึ้นลอยๆ
เป้ยฉ่ายเวยอยากจะตะคอกใส่ฉูเจ๋อหยางด้วยความโมโห ให้เขาไสหัวไป เธอไม่ต้องการคุยอะไรทั้งนั้น คิดแล้วก็อยากเอามือไปบิดที่ต้นขา ดูซิตาเจ้าเล่ห์นี่ยังมีอะไรจะพูดอีก
“แม่ครับ ผมอยากเงียบสักพัก” ประจวบกับที่รุ่ยรุ่ยรู้สึกเหนื่อย ตั้งแต่ฟื้นขึ้นมาเขาฝืนมาได้ถึงตอนนี้ก็นับว่าไม่เลวแล้ว ถ้าหากไม่ใช่เพราะเห็นฉูเจ๋อหยางมา ลูกอาจจะหลับไปตั้งนานแล้วก็ได้
เป้ยฉ่ายเวยเดินถึงข้างเตียง ก่อนจะลูบหัวเขาอย่างอ่อนโยน พร้อมพูดอย่างนุ่มนวล “อื้อ ลูกงีบก่อนสักหน่อย แม่จะออกไปข้างนอก อีกครู่หนึ่งจะกลับมาอยู่เป็นเพื่อน”
“ครับ” รุ่ยรุ่ยพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง สายตาเผลอไปมองทางฉูเจ๋อหยางโดยไม่ตั้งใจ
พ่อไปแล้ว จะไม่กลับมาอีกใช่รึเปล่า
ดูเหมือนว่าฉูเจ๋อหยางจะรู้ความในใจของรุ่ยรุ่ย เขาจึงกล่าวด้วยเสียงอ่อนโยน “วางใจ พ่อจะอยู่ข้างๆ”
“พูดบ้าอะไร รุ่ยรุ่ยหลับแล้ว ฉันก็จะเข็นคุณออกไป” เป้ยฉ่ายเวยถลึงตาใส่ฉูเจ๋อหยางไม่ให้เขาพูดจาเพ้อเจ้ออีก อะไรคืออยู่ข้างๆ เขาอยากจะมาเยี่ยมทุกวันอย่างนั้นหรอ
เขายุ่งตัวเป็นเกลียว จะเป็นไปได้ยังไง
ดวงตาฉูเจ๋อหยางลุ่มลึกและไม่ได้เถียงอีกต่อไป ห้องเขาเองก็อยู่ข้างๆ นั่นก็คืออยู่ข้างๆไม่ใช่หรอ
ถ้าหากว่าเป้ยฉ่ายเวยรู้ว่าฉูเจ๋อหยางคิดอะไรทั้งหมดล่ะก็ เธอคงจะโมโหเขาควันออกหูแน่
เธอเข็นฉูเจ๋อหยางออกมา จากนั้นก็ค่อยๆปิดประตูเบาๆ ไม่กล้าเดินไปไกลมาก โถงทางเดินก็เงียบปราศจากผู้คน คุยกันตรงโถงทางเดินก็เหมือนกันนั่นล่ะ
“พูดมา ฉูเจ๋อหยาง คุณจะเอายังไง”
“คุณอยากได้สิทธิ์เลี้ยงดูลูกรึ” ฉูเจ๋อหยางถาม
เป้ยฉ่ายเวยเงยหน้ามองเขา “ใช่ คุณเลยต้องวางมือซะ”
เธอนิ่งไปครู่หนึ่งเหมือนว่ามีอะไรผิดปกติ ไอ้บ้านี่คงไม่ได้ต้องการให้คำแนะนำเธอใช่มั๊ย เขาคงทำเรื่องนี้มาไม่น้อย อาจเป็นไปได้ว่า เธออาจจะต้องต่อสู้กันแล้วล่ะ
“สิทธิ์การเลี้ยงดูลูกเป็นของฉัน ฉันจะไม่ห้ามคุณมาหาเขา รุ่ยรุ่ยโตแล้วถ้าหากเขาอยากจะไปหาคุณ ฉันก็จะไม่ห้าม คุณได้รับอนุญาตให้มาหาเขาได้สัปดาห์ละหน”
นี่เป็นการเสียสละอันยิ่งใหญ่ที่เธอจะสามารถทำให้ได้
กลายเป็นว่าจะยังแต่งงานแล้วยกลูกชายของเขาไปให้เป็นของคนอื่น เดี๋ยวก่อนนะ ใจฉูเจ๋อหยางโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แต่หน้าเขายังคงนิ่งเฉย “ให้เวลาผมหนึ่งปี ถ้าหากว่าลูกยังอยากจะอยู่กับคุณ ผมก็จะไม่พูดอะไรอีก”“ฉูเจ๋อหยางคุณพูดเรื่องอะไร อะไรหนึ่งปี” เป้ยฉ่ายเวยสายตาระแวดระวังฉูเจ๋อหยางพูดหน้าตาเฉย “ผมต้องการเวลาอยู่กับลูกหนึ่งปี ให้ลูกเป็นคนเลือกว่าเขาจะอยู่กับใคร”“ไม่มีทาง คุณเลิกคิดไปได้เลย” เป้ยฉ่ายเวยตอบโดยไม่ต้องคิด ล้อเล่นรึเปล่า จะให้รุ่ยรุ่ยห่างเธอหนึ่งปี เธอไม่มีทางยอมแน่ฉูเจ๋อหยางไม่รีบร้อน เสียงเขายังคงสงบนิ่งหนักแน่น “เป้ยฉ่ายเวย ว่าไง คุณกลัวหรอ กลัวว่าอีกหนึ่งปีลูกจะเลือกผมอย่างนั้นหรอ”“คุณเพ้อเจ้อ ฉันกลัวที่ไหน รุ่ยรุ่ยไม่มีวันเลือกคุณแน่” เป้ยฉ่ายเวยเสียงดัง ใจเธอรู้สึกโหวงเหวง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องปะทะสายตากับฉูเจ๋อหยางซึ่งรู้ทุกอย่างโดยทะลุปรุโปร่ง เธออดตื่นตระหนกไม่ได้ฉูเจ๋อหยางกระแทกมือลงตรงที่วางแขน จากนั้นก็ยิ้มอย่างมีเสน่ห์ สายตาท้าทายจ้องไปที่เธอ “ถ้าไม่กลัว ก็แปลว่าตกลงแล้วนะ” “คุณ….” เธอไปตกลงด้วยตอนไหน
copy right hot novel pub