บทที่ 353 ตัวละครลึกลับ
ข่าวที่ฉูเจ๋อหยางได้รับบาดเจ็บเข้าพักที่โรงพยาบาลกระจายออกไปอย่างรวดเร็ว ทุกคนรู้แค่ว่าเขาได้รับบาดเจ็บ แต่ไม่ทราบสาเหตุที่เขาได้รับบาดเจ็บ
คนใหญ่คนโตของเมืองจิ่นอันนั้นไม่เหมือนกัน ตั้งแต่เช้าผู้คนต่างหลั่งไหลกันมา ดอกไม้ของเยี่ยมแทบจะล้นโต๊ะลงมา แต่ก็ยังมีคนส่งมาอยู่ไม่ขาดสาย
ฉูเจ๋อหยางส่วนมากก็นอนพักอยู่บนเตียง ดูการแสดงของคนที่มาๆไปๆเหล่านั้นอย่างไร้อารมณ์ ก่อนจะเห็นพวกเขารีบกลับออกไปอย่างเขินๆ
คนเหล่านี้ก็แค่มาตามมารยาทเท่านั้น หรือว่ามาขอความช่วยเหลือจากเขา ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการเปลืองแรงเปลืองพลังงานกับคนเหล่านี้มากนัก
ห้องของทั้งสองคนอยู่ใกล้มาก การเคลื่อนไหวของห้องข้างๆนั้นเป้ยฉ่ายเวยได้ยินชัดแจ๋ว เธอเผลอทำปากจู๋อยู่ก็บ่อย แอบเม้าส์ในใจ สงสัยคนส่งของขวัญมาท่าจะเยอะ
ถ้าไม่รู้คงนึกว่าผู้นำของประเทศไหนมาเข้าโรงพยาบาลรึเปล่า เหอะ ไม่ใช่แค่ทนายความคนหนึ่ง ไร้สาระ อาจจะรับเงินใต้โต๊ะมาเยอะล่ะมั๊ง
“แม่ครับ แม่เป็นอะไร” รุ่ยรุ่ยดูสดชื่นกว่าเมื่อวานมาก เขาลุกขึ้นมานั่งพิงเตียงเองได้ แต่เมื่อเขาเห็นเป้ยฉ่ายเวยหน้าตาบูดบึ้ง ก็เลยถามอย่างอยากรู้อยากเห็น
เป้ยฉ่ายเวยได้สติและกลับมาอมยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน “แม่ไม่ได้เป็นอะไร เด็กดีนอนรอแม่อยู่บนเตียงก่อนนะครับ แม่จะออกไปเอาน้ำ”
“ครับ” รุ่ยรุ่ยตอบด้วยเสียงเด็กน้อย
เป้ยฉ่ายเวยลูบหัวเขาเหมือนเป็นการชมเชย จากนั้นก็หยิบกระติกขึ้นมาเตรียมออกไปเอาน้ำ
พอออกจากห้องผู้ป่วยไป เธอก็เห็นชายวัยกลางคนคนหนึ่งเดินมาพร้อมเหล่าบรรดาบอดี้การ์ด นี่เป็นชั้นห้องพักวีไอพี คนที่พักอยู่ชั้นนี้ได้ล้วนฐานะไม่ธรรมดา คงจะมีคนไม่ธรรมดามาเยี่ยมบ้างก็คงเป็นเรื่องปกติ
แต่ว่าเหล่าทหารเช่นนั้น นี่เป็นครั้งแรกที่เป้ยฉ่ายเวยได้เห็น เธอไม่ได้มองอะไรมาก เธอเบี่ยงตัวหลบ ให้คนเหล่านั้นเดินผ่านไปก่อน
เมื่อเห็นคนเหล่านั้นเดินไปถึงห้องผู้ป่วยข้างๆห้องเธอจากนั้นก็หยุดลง มีคนเคาะประตูแทนชายวัยกลางคนคนนั้น เสียงเย็นยะเยือกของฉูเจ่อหยางแว่วมาจากทางด้านใน
“เข้ามา”
ประตูเปิดออก หางตาเป้ยฉ่ายเวยเหลือบไปเห็นฉูเจ๋อหยางตอนที่เห็นว่าใครมา ร่างครึ่งท่อนของเขาก็ค่อยๆลุกขึ้นนั่งตัวตรง ราวกับว่ามองเห็นเงาของเธอ เขาหยุดนิ่ง จากนั้นก็ทำเฉยๆเหมือนว่าไม่เห็น
ชายกลางคนที่กำลังจะเดินเข้าไปก็ดูเหมือนจะสังเกตเห็นอาการหยุดชะงักของฉูเจ๋อหยางนี้ ก่อนจะเข้าไปเขาจึงเหล่มองเป้ยฉ่ายเวยอย่างมีความหมายลึกซึ้ง จากนั้นก็ค่อยๆก้าวเข้าสู่ห้องพักผู้ป่วย
ประตูห้องพักถูกปิดลงอีกครั้ง
เป้ยฉ่ายเวยยังคงนิ่งอึ้งอยู่ เธอรู้สึกเหมือนเคยพบกับชายวัยกลางคนคนนั้นมาก่อน แต่ว่ากลับคิดไม่ออก แน่นอนว่าเธอไม่ได้รู้จัก น่าจะเคยเห็นจากนิตยสารหรือว่าเห็นจากโทรทัศน์นั่นแหละ
เธอไม่เก็บเรื่องนี้มาใส่ใจ ได้แต่เดินพูดพึมพำไปตามทาง “ฉูเจ๋อหยางไปรู้จักคนใหญ่คนโตแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”
ช่างเถอะ ไม่ใช่เรื่องของเธอสักหน่อย
เป้ยฉ่ายเวยเอากระติกน้ำไปยังห้องน้ำชาและเติมน้ำกลับไป
พอเธอกลับถึงห้องพัก บอร์ดี้การ์ดสิบกว่าคนยืนคุ้มกันอยู่หน้าห้องฉูเจ๋อหยางไม่ไหวติงเหมือนท่อนไม้ ดูเหมือนว่าชายคนนั้นจะยังไม่ไปสินะ
เป้ยฉ่ายเวยรู้ว่าอะไรควรมอง อะไรไม่ควรมอง เธอผลักประตูกลับเข้าห้องตัวเอง พอเงยหน้าก็เห็นว่าบนโต๊ะ บนพื้น มีภูเขาของขวัญ เยอะแบบที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ก็สามารถจำแนกได้จากลักษณะบรรจุภัณฑ์
ราคาต้อง “สวยงาม” มากแน่
“รุ่ยรุ่ย นี่มันเรื่องอะไรกัน” เป้ยฉ่ายเวยพูดพลางขมวดคิ้ว
รุ่ยรุ่ยกำลังแทะผลไม้ในมือซึ่งไม่รู้เรียกว่าอะไร พร้อมพูดเสียงอู้อี้ “ข๋อง พั่ว นี้ พ่อ ให้ โคน อาว มา ห้าย”
เป้ยฉ่ายเวยไม่พูด ได้แต่จับจ้องไปที่ของขวัญกองโตพวกนั้น สีหน้านั้นไม่รู้ว่ายอมรับหรือว่าโมโห
รุ่ยรุ่ยเห็นการแสดงออกของเป้ยฉ่ายเวย เขาก็รีบกลืนผมไม้ในปากอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพูดอย่างระมัดระวังและไร้เดียงสา “แม่โมโหหรอครับ”
“เปล่า” ใจเป้ยฉ่ายเวยไม่มีความสุข แต่ไม่สามารถแสดงออกต่อหน้าเด็กได้
รุ่ยรุ่ยได้ยินว่าเป้ยฉ่ายเวยไม่ได้โกรธ เขาก็พูดอย่างมีความสุข “พ่อบอกว่าของพวกนี้ให้เรา พ่อใส่อะไรมาเยอะแยะ พวกนี้ก็ไม่ได้เป็นของขวัญที่แพงอะไรนัก แม่รับไว้ก็พอ”
“ไม่ได้แพงอะไรนัก” รึ เป้ยฉ่ายเวยเห็นมีแต่เคาเตอร์แบรนด์ บางอย่างก็เห็นแต่ในห้างสรรพสินค้า ดูเผินๆก็รู้ว่าหลายหมื่น นี่เรียกว่าไม่ว่าแพง แน่นอนว่าความยากจนของเธอคงทำให้มันเกินระดับความเข้าใจ เธอจึงไม่เข้าใจโลกของคนมีเงิน
ถ้าอย่างนั้นของขวัญมูลค่าแพงๆนี่คงจะต้องหลายแสน หรือไม่ก็เป็นล้าน อย่างนั้นหรอ
ทนายคนหนึ่งได้รับของขวัญมูลค่าแพงขนาดนี้ มันใช่เรียกว่าสินบนรึเปล่า! โลกนี้คงไม่หลงเหลือความยุติธรรมอยู่อีกแล้ว
เป้ยฉ่ายเวยหายใจเข้าออกลึกๆอยู่หลายครั้ง ในใจทั้ง “อิจฉาและเกลียดชัง” เธอฝืนยิ้ม “แม่รู้แล้ว”
เธอคิดดีแล้ว ให้ฟรีทำไมจะไม่เอา อีกอย่างที่ห้องพักฉูเจ๋อหยางก็ยังมีอีกเป็นกอง เธอแค่ช่วยเขากำจัดมันเท่านั้น อีกอย่างรุ่ยรุ่ยก็เป็นลูกชายเขา ได้รับผลพลอยได้หน่อยก็ไม่เรียกว่าเกินไปหรอก
“แม่ครับ แม่ลองทานดู ผลไม้นี่มันหวานมากเลยนะ” รุ่ยรุ่ยยื่นผลไม้ในมือให้
เป้ยฉ่ายเวยส่ายศีรษะพร้อมพูดว่า “แม่ไม่ทาน รุ่ยรุ่ยทานเถอะ”น้อยหน่าผลไม้นำเข้า แพงขีดละร้อยกว่า เธอซื้อไม่ไหวแม้แต่ลูกเดียว เธอเห็นกระเช้าผมไม้ที่พื้นถูกเปิดออก ไอ้ที่รุ่ยรุ่ยเลือกออกมาทานยังนับว่าถูก ยังมีผลไม้อีกหลายอย่างที่เธอไม่รู้แม้กระทั่งชื่อเรียกของมันคิดแล้วหลายปีมานี้ เธอต้องคอยจ่ายค่ายาแพงๆให้รุ่ยรุ่ย แน่นอนว่าเป็นหนี้เพราะลูกอยู่จำนวนมาก ของกินจึงทานได้แต่ของพื้นๆ ผลไม้ราคาแพงก็ซื้อได้เป็นครั้งคราว เพียงแค่พอให้เขาได้ลิ้มรส ไม่เหมือนกับฉูเจ๋อหยางที่เงินหนา ที่จะหาอะไรให้เขาทานก็ได้นี่ทำให้เธอต้องยอมรับความเป็นจริง รุ่ยรุ่ยอยู่กับฉูเจ๋อหยางดีกว่าใช้ชีวิตอยู่กับเธอหลายต่อหลายเท่าเป้ยฉ่ายเวยเริ่มจะกังวลใจ เธอเห็นท่าทางรุ่ยรุ่ยมีความสุข เธอก็อดที่จะถามด้วยความกังวลไม่ได้ “รุ่ยรุ่ย ลูกอยากใช้ชีวิตอยู่กับพ่อรึเปล่า”รุ่ยรุ่ยรีบวางผลไม้ในมือลงทันที น้ำตาไหลพรากจ้องมองเป้ยฉ่ายเวย ท่าทางน่าสงสารจับใจ เขาถามด้วยความหวาดกลัว “แม่ครับ แม่ไม่อยากอยู่กับรุ่ยรุ่ยแล้วหรอ”เป้ยฉ่ายเวยไม่คิดว่าคำพูดของเธอเท่านั้นจะทำให้รุ่ยรุ่ยมีปฏิกิริยาเช่นนี้ เธอยื่นมือออกไปดึงเขามากอด และพูดปลอบใจ “จะเป็นแบบนั้นได้ยังไง แม่ไม่มีทางไม่ต้องการรุ่ยรุ่ย รุ่ยรุ่ยเป็นสุดที่รักของแม่ แม่จะยอมปล่อยรุ่ยรุ่ยไปให้คนอื่นได้ยังไง”“แต่ว่าแม่อยากให้ผมอยู่กับพ่อ” เสียงน้อยใจอันไร้เดียงสาของรุ่ยรุ่ย เขาคิดถึงท่าทีของตัวเองเมื่อครู่ เขากลัวว่าแม่จะลังเลสงสัยในจุดยืนของเขา เขาจึงรีบแสดงเจตจำนงที่แท้จริงในใจ “ผมไม่อยากได้ผลไม้นั่นแล้ว แม่อย่าทิ้งรุ่ยรุ่ยนะ”“แม่ไม่ทิ้งรุ่ยรุ่ยหรอก แม่ไม่ได้โกรธที่รุ่ยรุ่ยทานผลไม้ แม่ไม่ดีเองแม่ไม่ควรพูดแบบนั้น” เป้ยฉ่ายเวยก้มหัวลงจูบที่หน้าผากของลูกชาย เธอรู้สึกผิดที่พูดออกไป
copy right hot novel pub