โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

หลงรักทนายคนเลว

บทที่ 360 เร็วเกินไปไหม

บทที่ 360 เร็วเกินไปไหม

ฉูเจ๋อหยางยิ้ม “ถ้าอย่างนั้นผมเลี้ยงข้าวคุณ สนใจไหมล่ะ”

เป้ยฉ่ายเวยลูบศีรษะน้อยๆของรุ่ยรุ่ย “ยังไงก็ต้องทาน มีคนเลี้ยงทำไมจะไม่เอา คุณจะเลี้ยงอะไรพวกเราล่ะ”

ตอนนี้รุ่ยรุ่ยกระพริบตาโต เจาจ้องมองพ่อกับแม่ต่อปากต่อคำกันอย่างดุเดือด ก่อนจะคร่ำครวญออกมา “ผมไม่อยากเป็น ก ข ค ของพ่อกับแม่นะ รุ่ยรุ่ยไม่ไปทานกับพ่อแม่หรอก อย่างนั้นน่าอึดอัดแย่”

ฉูเจ๋อหยางและเป้ยฉ่ายเวยนิ่งอึ้งไป ไม่เพียงแต่ใจกว้างเท่านั้นยังทำยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อีก เจ้าตัวเล็กนี่ฉลาดเป็นกรดจริงๆ

ด้วยสติปัญญาของรุ่ยรุ่ย ทำให้บรรยากาศอันตึงเครียดเบาบางลง สายตาที่เป้ยฉ่ายเวยจ้องมองฉูเจ๋อหยางตอนนี้ก็ไม่เกรี้ยวกราดอีกต่อไปแล้ว

เป้ยฉ่ายเวยกอดรุ่ยรุ่ยไว้ในอ้อมแขนก่อนจะถามด้วยความเอ็นดู “รุ่ยรุ่ยไม่ไปทานข้าว ถ้าหิวท้องร้องแล้วจะทำยังไงดีล่ะ”

รุ่ยรุ่ยทำท่าทำทางเหมือนผู้ใหญ่ตัวน้อย พูด “ไม่ทานข้าวก็ไม่เป็นไร พ่อกับแม่แฮปปี้ก็พอ รุ่ยรุ่ยง่วงแล้ว รุ่ยรุ่ยจะนอน”

เป้ยฉ่ายเวยจะไม่รู้ได้ยังไงว่ารุ่ยรุ่ยจงใจ แววตาของพ่อหนุ่มน้อยสุกใสมากขนาดนั้น ไม่เหมือนคนง่วงนอนเลยสักนิด เขาแค่อยากให้เธอและฉูเจ๋อหยางได้อยู่กันตามลำพัง ต้องบอกว่าถึงแม้ว่ารุ่ยรุ่ยจะยังเด็กอยู่ แต่ความคิดความอ่านของเขาไม่ได้เด็กตามไปด้วยเลย

ฉูเจ๋อหยางอมยิ้ม “ที่แท้รุ่ยรุ่ยก็อยากพักผ่อน งั้นเราก็อย่าไปรบกวนเขาเลย ที่โรงพยาบาลก็มีหมอและพยาบาลอยู่ ไม่เป็นไรหรอก ผมจะพาคุณไปเลี้ยงข้าว คุณคงไม่ปฏิเสธหรอกใช่มั๊ย”

น้ำเสียงเรียบๆ แต่เปี่ยมไปด้วยความไม่มั่นใจ ไม่รู้ว่าตอนนี้เป้ยฉ่ายเวยคิดอะไรอยู่ อยู่ๆเธอก็พยักหน้าโดยไม่รู้ตัว ยอมรับคำเชิญของฉูเจ๋อหยาง

ใบหน้าฉูเจ๋อหยางค่อยๆผุดรอยยิ้มอันทรงเสน่ห์ เขาลุกขึ้นเดินออกจากประตูไป เป้ยฉ่ายเวยลูบหัวรุ่ยรุ่ยก่อนจะพูดอย่างไม่พอใจ “รุ่ยรุ่ย วันหลังผู้ใหญ่คุยกัน อย่าพูดแทรก เข้าใจไหม”

รุ่ยรุ่ยกระพริบตาปริบๆและพูดอย่างน้อยใจ “แต่ว่าแม่ก็รับปากพ่อไปแล้วนี่ครับ ทั้งหมดเพราะรุ่ยรุ่ยนะ แม่ไม่ชมรุ่ยรุ่ยหน่อยหรอ ยังจะดุรุ่ยรุ่ยอีก แม่ไม่น่ารักเลย”

เป้ยฉ่ายเวยอ้ำอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นเธอก็คิดพิจารณา ถ้าไม่ใช่เพราะคำพูดไม่กี่คำของรุ่ยรุ่ย เธอกับฉูเจ๋อหยางก็คงยังทะเลากันอยู่

เธอดึงหน้าน้อยๆของรุ่ยรุ่ยเขามาแนบชิดก่อนจะพูดว่า “เอาล่ะ รุ่ยรุ่ยคนดี พ่อกับแม่จะรีบกลับมา เป็นเด็กดีรีบนอนนะครับ ได้ยินรึเปล่า”

รุ่ยรุ่ยทำวันทยหัตถ์เป็นการรับทราบ “รุ่ยรุ่ยจะเป็นเด็กดี แม่รีบไปเถอะ ให้พ่อรอนานเดี๋ยวจะหงุดหงิดเอา”

เป้ยฉ่ายเวยยกมือขึ้นจิ้มหน้าผากรุ่ยรุ่ยเบาๆ “เป็นเด็กเป็นเล็กอย่ายุ่งเรื่องของผู้ใหญ่”

ได้เถียงกับฉูเจ๋อหยางอยู่พักหนึ่ง นั่นทำให้เป้ยฉ่ายเวยได้ผ่อนคลายลงไม่น้อย ก่อนที่จะไปเธอก็ไม่ลืมที่จะจูบลารุ่ยรุ่ย

หลังจากที่เป้ยฉ่ายเวยออกจากห้องคนไข้ไปแล้ว รุ่ยรุ่ยก็ยิ้มออกมาอย่างโล่งอก “พ่อกับแม่เฝ้าเขาอยู่ในสายตาตลอด รุ่ยรุ่ยออกไปเที่ยวเล่นก็ไม่ได้ ตอนนี้พ่อกับแม่ออกไปทานข้าวแล้ว รุ่ยรุ่ยจะแอบหนีออกไปเที่ยวเล่นแล้วล่ะ”

ดูเหมือนว่านี่จะเป็นความผิดพลาดอันสวยงาม รุ่ยรุ่ยกลายเป็นผู้ช่วยพ่อแม่นั้นเป็นเรื่องรอง จุดประสงค์หลักที่แท้จริงของเขานั้นก็คือการได้ออกไปเที่ยวเล่น ไม่รู้ว่าหลังจากที่เป้ยฉ่ายเวยรู้เรื่องแล้ว เธอจะตีก้นน้อยๆของรุ่ยรุ่ยหรือไม่

รุ่ยรุ่ยกระพริบตาเพื่อกะระยะเวลา เขาคิดว่าฉูเจ๋อหยางและเป้ยฉ่ายเวยน่าจะออกไปแล้วแหละ เขาแอบรีบลงจากเตียง สวมรองเท้าให้เรียบร้อย จากนั้นก็เดินเขย่งปลายเท้าไปเปิดประตู เดินไปจนสุดโถงทางเดินของโรงพยาบาล

ความเจ็บป่วยของเขาต้องอยู่ภายใต้การดูแล ฟื้นฟูแล้วก็ไม่เลวนัก แต่รุ่ยรุ่ยก็ยังวิ่งเร็วไม่ได้ แต่ว่าสำหรับหนุ่มน้อยแล้ว ทุกวันนอนอยู่แต่บนเตียงช่างแสนน่าเบื่อ นี่จึงเป็นช่วงเวลาที่เขาเฝ้ารอคอย

เมื่อถึงระเบียง รุ่ยรุ่ยมองดูคนและการจราจรพลุกพล่านที่ด้านล่าง ใบหน้าน้อยๆก็ปรากฏความปรารถนา เขาไม่ได้ออกไปข้างนอกเป็นเวลานานแล้ว ขนาดชั้นล่างก็ยังไม่ได้ลงไปเดินเล่นเลย แค่ได้เห็นวิวทิวทัศน์นั่นก็ทำให้เขาสุขใจอยู่ไม่น้อย

โดยไม่รู้ตัว รุ่ยรุ่ยใช้มือน้อยๆเกาะราวระเบียงเอาไว้ ร่างน้อยๆโน้มตัวไปข้างหน้า เพียงเพื่อที่จะได้เห็นอย่างชัดเจน

“เด็กคนนั้นลูกใครน่ะ อันตรายนะ”

รุ่ยรุ่ยผงะด้วยเสียงที่ทำให้ตกใจนั้น เด็กน้อยแอบหลบหนีออกมาจากห้องผู้ป่วย ลึกๆในใจก็รู้สึกผิดอยู่บ้างแล้ว

เด็กน้อยหันไปมอง พี่สาวคนสวยรีบก้าวเข้าหาเขาอย่างรวดเร็ว เธอย่อตัวลงพร้อมกับพูดอย่างจริงจัง “เด็กน้อย ปีนตรงนี้ไม่ได้นะ เดี๋ยวจะตกลงไป พ่อแม่หนูอยู่ไหน พี่สาวจะพาไปส่ง”

รุ่ยรุ่ยไม่ได้ตอบพี่สาวคนสวย เขากระพริบตาปริบๆ ก่อนจะกระซิบ “พี่สาว ผมจะไม่กลับไป กว่าจะออกมาได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย รุ่ยรุ่ยจะไม่กลับไปที่ห้องหรอก น่าเบื่อจะตาย”

พี่สาวคนสวยมองรุ่ยรุ่ยด้วยความสนอกสนใจ เธอถาม “เด็กน้อย เธอควรจะบอกกล่าวผู้ใหญ่ แอบวิ่งออกมาแบบนี้ไม่ได้ อีกอย่าง เธอชื่อรุ่ยรุ่ยหรอ”

รุ่ยรุ่ยแลบลิ้นออกมา เมื่อครู่เป็นเพราะเขาตื่นเต้น จึงเผลอพูดชื่อตัวเองออกไป ยังไงก็ยังเป็นเด็ก ยังมีความตื่นกลัวคนแปลกหน้าอยู่

“พี่สาว รุ่ยรุ่ยไม่ได้หนีออกมา พ่อแม่ออกไปทานข้าว รุ่ยรุ่ยอยู่คนเดียวก็เบื่อ เลยออกมาดูวิว”

รุ่ยรุ่ยกระพริบตาพร้อมพูดอย่างจริงจัง นั่นทำให้คนรู้สึกว่าเขาช่างโดดเดี่ยว ราวกับว่าคนที่พยายามอย่างสุดตัวเพื่อที่จะให้ฉูเจ๋อหยางได้อยู่กับเป้ยฉ่ายเวยตามลำพังไม่ใช่เขาอย่างไรอย่างนั้น เด็กน้อยนั้นแสบไม่เบา

แน่นอนว่าพี่สาวคนสวยคงไม่ได้คิดว่าเด็กน้อยน่ารักไร้เดียงสาเช่นนี้จะโกหก เธอขมวดคิ้วทำหน้ามุ่ย ดูเหมือนจะไม่พอใจอยู่บ้าง “พวกเขาเป็นพ่อแม่แบบไหนกันเนี่ย ทิ้งลูกให้อยู่คนเดียวแล้วตัวเองก็ออกไปสนุกกัน เหลือเกินจริงๆ”เมื่อรู้ตัวว่าคำพูดเหล่านั้นเธอไม่ควรพูดต่อหน้าเด็ก พี่สาวคนสวยจึงหยุดบ่น และหันไปลูบหัวรุ่ยรุ่ยพร้อมพูดอย่างอ่อนโยน “รุ่ยรุ่ย หนูอยู่ห้องไหน พี่จะพาไปส่ง หนูวิ่งไปวิ่งมาอยู่แถวนี้ ถ้าหากว่าไปเจอคนไม่ดีเข้าจะทำอย่างไร กลับไปรอพ่อแม่ที่ห้องดีกว่า ดีมั๊ย”รุ่ยรุ่ยทำหน้าน่าสงสาร เม้มปากน้อยๆน่ารัก จากนั้นก็พูดอย่างน้อยอกน้อยใจ “รุ่ยรุ่ยไม่อยากกลับนี่นา รุ่ยรุ่ยอยู่ในห้องตั้งหลายวันแล้ว รุ่ยรุ่ยอยากสูดอากาศบริสุทธิ์ แบบนี้จะได้หายป่วยไวไวด้วยไง”พี่สาวคนสวยนิ่งอึ้งไป เธออดยิ้มออกมาไม่ได้ “เจ้าปีศาจตัวน้อย หาข้อแก้ตัวจนได้ เอาล่ะ รุ่ยรุ่ยไม่อยากกลับก็ช่างเถอะ พี่สาวจะพาไปเดินเล่น เอาอย่างนั้นมั๊ย”ดวงตากลมโตของรุ่ยรุ่ยเปล่งประกายความระแวดระวังขึ้นมาในทันที มือน้อยๆจับไปที่หน้าอก ยังไงพี่สาวก็เป็นคนแปลกหน้า เขาพูดว่า “รุ่ยรุ่ยไม่รู้จักพี่สาว อยู่ๆจะให้ออกไปเที่ยวกับพี่สาวอย่างนั้นก็เรียกว่าสะเพราะไปหน่อยนะ ที่บ้านรุ่ยรุ่ยสอนมาดีนะ เพราะฉะนั้นรุ่ยรุ่ยออกไปกับพี่สาวไม่ได้หรอก รอให้เราสนิทกันก่อน แล้ววันหลังเราค่อยนัดกันนะ”พี่สาวคนสวยยกมือขึ้นแตะหน้าผาก เธอรู้สึกสนใจในตัวรุ่ยรุ่ยขึ้นมาในทันที เด็กน้อยแต่รู้ความนัก ตอนนี้ดูแล้วก็ไม่เลว รุ่ยรุ่ยรู้จักป้องกันตัวเองเป็นอย่างดี รู้จักหาคำมาแก้ตัวได้อย่างสง่าผ่าเผยเดี่ยวก่อนนะ เจ้าตัวน้อยนี้ยังต้องการนัดกับเธอหรอ แต่ตอนนี้ยังเร็วไปอย่างนั้นหรอ

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์