โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

หลงรักทนายคนเลว

บทที่366 จำกัดขอบเขต

บทที่366 จำกัดขอบเขต

เป้ยฉ่ายเวยยิ้มเยาะพร้อมกับปล่อยมือ “แล้วแต่คุณแล้วกันว่าอยากจะทานอะไร ยังไงก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉันอยู่แล้ว”

เธอต้องการจำกัดขอบเขตกับเขานี่นา

ฉูเจ๋อหยางยิ้มอ่อนสายตาน่าสงสัย ดีที่เขาก้มศีรษะลงทำให้เป้ยฉ่ายเวยมองไม่เห็น

พนักงานเสิร์ฟซึ่งอยู่อีกข้างเห็นได้อย่างชัดเจน หล่อนรู้สึกว่าชิ้นเนื้อโดนสุนัขคาบไปรับประทานแล้ว

ฟองสบู่รูปหัวใจกำลังจะลอยออกมา

แต่ว่า ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ….

“คุณฉูว่ายังไงดีคะ”

สรุปจะสั่งอะไรน๊า

“ทำอาหารอ่อนๆที่เหมาะกับคนป่วยมาก็แล้วกัน” ฉูเจ๋อหยางละสายตาก่อนจะออกคำสั่งอย่างเสียงนิ่งๆ

พนักงานเสิร์ฟจดลงไปด้วยความเคอะเขิน

“เล่นโทรศัพท์อยู่นั่น” เขาเห็นหญิงสาวหยิบโทรศัพท์ออกมาดูเรื่อยราวกับว่าเขาไม่มีตัวตน ฉูเจ๋อหยางจึงเอ่ยออกมาอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก

ลูกชายของเขาดึงดูดความสนใจจากเธอนั่นก็ช่าง แต่ว่าตอนนี้เขาตัวเป็นๆอยู่ต่อหน้าเธอ ยังจะทำเป็นไม่เห็นอีก ผู้หญิงคนนี้ชอบทำให้เขาเสียสติจริงๆ

เป้ยฉ่ายเวยจ้องเขาแวบหนึ่ง “ก็สบายใจกว่ามองหน้าคุณนี่”

“อ้า! ถ้าอย่างนั้นก็น่าเสียดายนะ”

“เสียดายทำไม” เธอไม่เข้าใจ

ทันใดนั้น วินาทีต่อมาฉูเจ๋อหยางก็พุ่งตัวไปข้างหน้าดึงโทรศัพท์ออกไป

เป้ยฉ่ายเวยไม่ทันได้ตั้งตัวพอถูกดึงโทรศัพท์ไปก็มึนงง แต่หลังจากตั้งสติได้ เธอก็เห็นสายตาไม่พอใจถลึงตาใส่เธออยู่ ท่าทางออดอ้อนเช่นนี้ยิ่งทำให้ฉูเจ๋อหยางหล่ออย่างไม่บรรยะบรรยัง

โอ้ยน่ารักที่สุดเลย!

“ฉูเจ๋อหยาง!”

“คราวนี้มองผมได้แล้ว ทานข้าวเสร็จค่อยมาดูกันว่าจะคืนให้คุณดีไหม” ฉูเจ๋อหยางพูดหน้าตาเฉย พร้อมกับค่อยๆเก็บโทรศัพท์ของเธอเอาไว้ในกระเป๋ากางเกง

ตอนที่มันอยู่ใต้โต๊ะก็ดูเหมือนว่าหน้าตาจะสว่างวาบขึ้นมา เมื่อเห็นชื่อเด้งขึ้นมา ก็ทำให้แววตาเขาสั่นไหวเบาๆ

แต่เขาก็ยังดำเนินการต่อไปอย่างไม่มีข้อยกเว้น

แถมยังจงใจเอามือกดปิดเครื่องไปเรียบร้อย

ในที่สุดก็มาถึงเวลารับประทานอาหารของทั้งคู่ และนี่เพื่อไม่ให้มีคนอื่นมารบกวนบรรยากาศของพวกเขา

“เผด็จการชะมัด!” เป้ยฉ่ายเวยพึมพำและไม่พูดถึงมันอีก

เมื่อกับข้าวมาถึง เป็นอาหารอ่อนๆจริงๆ ล้วนแต่เป็นอาหารเพื่อสุขภาพและมีคุณค่าทางโภชนาการและไม่ทำให้ร่างกายของผู้ป่วยต้องทำงานหนัก

ส่วนทางด้านรสชาตินั้นก็ไม่เลว แลดูสะอาดสะอ้าน ดีงามกว่าอาหารของโรงอาหารในโรงพยาบาลเป็นไหนๆ เป้ยฉ่ายเวยอิ่มแล้ว ทานไปไม่น้อยเลย

ในทางกลับกันฉูเจ๋อหยางที่เรียกร้องจะมาทานข้าวกลับขยับตะเกียบทานไปไม่กี่คำเท่านั้น

เป้ยฉ่ายเวยเงยหน้ามองเขาอยู่ครู่หนึ่ง “ไม่ถูกปากหรอ”

“ไม่หิว” เขาทานได้ไม่มาก ที่จริงแล้วไม่ได้หิวเท่าไหร่

เป้ยฉ่ายเวย “คงจะไม่ถูกปากคุณ”

ผู้ชายคนนี้ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยเรื่องมากเรื่องของกินนี่นา

“เฮ่อ ฝีมือคุณไม่เลว ซื้อทานข้างนอกมันไม่ค่อยถูกสุขลักษณะ เอาเป็นว่าคืนนี้คุณทำก็แล้วกันนะ” ชายคนนั้นคิดอย่างลึกซึ้ง “ห้องพักผมมีครัว”

“ฉูเจ๋อหยาง ฉันต้องดูแลรุ่ยรุ่ย ไม่มีเวลาไปดูแลคุณหรอก” อีกอย่างเธอเองก็เป็นผู้ป่วย

ฉูเจ๋อหยางไม่สนกับคำปฏิเสธของเธอ “ก็ไม่เห็นจะเป็นไร ถ้าหากว่าคุณไม่ถือสา ผมย้ายเข้าไปอยู่ห้องรุ่ยรุ่ยก็ได้ ผมเชื่อว่าเขาเองก็คงเต็มใจอยากจะให้พ่ออย่างผมเข้าไปอยู่ด้วยอยู่แล้ว”

“ขอโทษนะ ฉันถือ!” เป้ยฉ่ายเวยตัดไฟแต่ต้นลม

ฉูเจ๋อหยางเช็ดมือ “แต่ผมไม่สนที่คุณถือนะ”

“คุณ...ไอ้ขี้มั่ว!” เป้ยฉ่ายเวยมองอย่างเหลืออด ไม่คิดเลยว่าฉูเจ๋อหยางจะพูดออกมาได้

“ทานข้าวเถอะ ตอนบ่ายผมจะให้คนเอาของสดไปให้” เขารวบหัวรวบหาง

เป้ยฉ่ายเวยคีบกับข้าวหลายคำ เอาตะเกียบกดไปบริเวณข้าวด้านใน ในใจก็คิดอยู่เงียบๆ จะไม่ยอมตามใจเขาเด็ดขาด

หลังจากที่ทั้งคู่กลับจากร้านอาหาร เมื่อพิจารณาถึงการประนีประนอมก่อนหน้า ครั้งนี้เป้ยฉ่ายเวยไม่รอให้เขาเอ่ยปาก เธอลงมือผลักรถเข็นด้วยตัวเอง

ฉูเจ๋อหยางพอใจกับการบริการจากเธอ ในมือเขาก็ไม่ลืมที่จะถืออาหารมาอีกชุดให้รุ่ยรุ่ยด้วย

ชายหนุ่มรูปงามสวมใส่เครื่องแต่งกายดูดีมีระดับ นั่งอยู่บนรถเข็นท่วงท่าสง่างาม เมื่อคู่กับกล่องบรรจุภัณฑ์สีขาวที่วางอยู่บนตัวแล้วช่างไม่เข้ากันอย่างแรง

ระหว่างโดนสายตาผู้คนจับจ้องไปไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่

แต่ชายผู้นี้มีความสามารถในการเพิกเฉยต่อสายตาของผู้คนอย่างแปลกประหลาด เขากลับไปถึงโรงพยาบาลได้โดยสีหน้าไม่เปลี่ยนสักนิด

“คุณฉูคุณควรกลับห้องพักคุณได้แล้ว รุ่ยรุ่ยมีฉันเป็นแม่ที่นี่คนเดียวก็พอแล้ว!” เป้ยฉ่ายเวยหยุดที่หน้าประตูห้องก่อนที่จะหยิบกล่องข้าวในมือจากเขา จากนั้นก็ทิ้งท้ายไว้กับฉูเจ๋อหยางประโยคหนึ่งก่อนที่จะเข้าประตูห้องไป

ฉูเจ๋อหยางหยุดอยู่ทางด้านหลังอดขำไม่ได้

ก็ได้ อย่าบังคับมากเกินไปเลย

เขาผลักรถเข็นด้วยตัวเอง ไปยังห้องพักผู้ป่วยของตนเอง

เมื่อถึงประตู เขาก็ได้ยินเสียงอันคุ้นหูดังออกมาจากห้องถัดไป เสียงซึ่งเต็มไปด้วยความตระหนกและหวาดกลัว

“คุณว่าอะไรนะ”

ฉูเจ๋อหยางผงะ คิ้วของเขาขมวดแน่นและหมุนล้อรถเข็นแล่นออกไปอย่างรวดเร็ว

ประตูยังไม่ทันปิดลง เขาก็เห็นพยาบาลคนหนึ่งยืนร้องไห้อยู่ตรงหน้าเป้ยฉ่ายเวย เธอร้องไห้สะอึกสะอื้น

ฉูเจ๋อหยางมองไปรอบๆ

หาตัวรุ่ยรุ่ยไม่เจอ

หัวใจเต้นรัว ลางสังหรณ์ร้ายๆผุดขึ้นในใจของเขา

“ขอโทษค่ะ คุณเป้ย...ดิฉันก็ไม่รู้ว่ารุ่ยรุ่ยไปไหน… ดิฉันหาจนทั่วแล้ว แต่ว่าหาไม่พบเลยค่ะ ขอโทษค่ะ ขอโทษจริงๆ…” ดึงแม้ว่ารุ่ยรุ่ยจะยังเด็ก แต่ว่าตัวตนของเขาไม่ธรรมดา อยู่ที่โรงพยาบาลไม่เพียงแต่ได้รับการดูแลจากหลี่จื่อเชียน ไหนจะยังมีคำสั่งจากฉูเจ๋อหยางอีก

ภายใต้ความคุ้มครองของผู้ใหญ่ทั้งสองคน นับว่าเขาเป็นผู้ป่วยกิตติมศักดิ์มากของวอร์ดนี้ ตอนนี้เด็กหายตัวไป เธอเองก็ร้อนใจเป็นอย่างมาก “ไม่ รุ่ยรุ่ย...รุ่ยรุ่ยยังเล็กมาก เขาป่วยอยู่ด้วย เขาจะไปไหนได้ หรือว่า…” เป้ยฉ่ายเวยเสียขวัญ ตัวเธอแข็งไปทั้งร่าง สีหน้าฉูเจ๋อหยางดำหม่น “โทรตามผู้อำนวยการของพวกคุณมา ระดมคนทั้งหมด ถึงจะต้องปิดโรงพยาบาลเพื่อค้นหาทุกซอกทุกมุมก็ต้องทำ” พยาบาลคนนั้นตกใจจนขาสั่น ตอนนี้ถึงได้สติ และไปดำเนินการตามคำสั่ง “ค่ะฉันจะรีบไป” เธอรีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว “ฉูเจ๋อหยาง รุ่ยรุ่ยจะไม่เป็นไรใช่มั๊ย คุณบอกฉันสิ รุ่ยรุ่ยจะไม่เป็นไรใช่มั๊ย” เป้ยฉ่ายเวยคุกเข่าลงตรงหน้าฉูเจ๋อหยาง เธอจ้องเขาด้วยความคาดหวัง มีรอยร้าวในดวงตาคู่นั้น ปนไปด้วยความคับแค้นใจ ฉูเจ๋อหยางอดไม่ได้ที่จะดึงคนมาโอบไว้ในอ้อมแขน ใจเขาเองก็กังวลไม่ได้น้อยกว่าผู้เป็นแม่เลย แต่ว่าสายตาเธอตอนนี้นี่มันหมายความว่าอย่างไรสองมือของฉูเจ๋อหยางคว้าจับไหล่เธอไว้ “เป้ยฉ่ายเวย ถ้าหากว่าผมอยากจะแย่งลูกกับคุณล่ะก็ ผมไม่ใช้วิธีนี้เป็นอันขาด อย่ามามองผมแบบนี้! นั่นเป็นลูกชายผมเหมือนกัน ผมเองก็ไม่ต้องการให้เกิดอะไรขึ้นกับเขา”“ฉันรู้….ฉันรู้” เป้ยฉ่ายเวยสับสน ชั่วขณะหนึ่งที่เธอมองเขา หัวสมองเธอก็มีความคิดนั้นขึ้นมาจริงๆว่าใช่แผนการของฉูเจ๋อหยางหรือไม่ใช่เพราะเขาโกรธเกลียดเธอเพราะปิดบังเขาเรื่องลูกรึเปล่า ดังนั้นจึงคิดวิธีให้คนมาลักตัวลูกจากเธอไปมันเป็นเพียงแค่ความคิดชั่วครู่ แต่เธอก็ต้องปฏิเสธความคิดนั้นอย่างรวดเร็ว

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์