บทที่43 ไม่มีสิทธ์ปฏิเสธ
ฉูเจ๋อหยางพูดออกมาตรงๆ “เธอไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ”
“ฉูเจ๋อหยาง นายอย่าทำให้มันมากเกินไปนะ” ความสวยงามรอบๆ พวกเขาก็ค่อยจางหายไปตามคำพูดของฉูเจ๋อหยาง เป้ยฉ่ายเวยโกรธจนตัวสั่น
นี่ก็คือผู้ชายที่ตัวเองรักมาสามปีหรอ?
ทำไมถึงตอนสุดท้ายแล้ว ยังไม่เหลือความทรงจำดีดีไว้ให้กันและกัน ยังต้องมาทำวิธีที่ทำให้เธอทรมานแบบนี้
ถ้าหากไม่รักแล้ว งั้นก็เชิญปล่อยมือ
“เพื่อป้องกันไม่ให้เธอกลับคำ ดังนั้นฉันตัดสินใจทำสัญญาให้เธอเซ็น ถ้าทำทั้งสามข้อไม่ได้ละก็”
ฉูเจ๋อหยางหยุดพูดไปสักครู่ แล้วพูดต่อ “เงินห้าล้านของเธอก็อย่าหวังว่าจะได้”
ใครที่กล้าวางกับดักฉูเจ๋อหยาง ก็ต้องชดใช้อย่างสาสม เขาไม่มีทางใจดีมองดูผู้หญิงของตนเองเอาเงินของตนเองไปอยู่กับผู้ชายคนอื่น
เลือดของเป้ยฉ่ายเวยทั้งร่างกายหยุดเดินทันที มองผู้ชายตรงหน้าอย่างไม่น่าเชื่อ เขาพูดว่าอะไรทำสัญญา? ต้องทำข้อตกลงของเขาให้ได้สามข้อ ไม่งั้นจะใช้เช็คใบนั้นถอนเงินไม่ได้
ทำไม ทำไมเธอไม่ไปเอาเงินจากเช็คใบนั้นออกมาก่อน เธอคิดว่า คิดว่าเขาไม่ใช่คนแบบนั้น
ในระยะเวลาสามปีมานี้ เธอคิดไปเองมากเท่าไหร่แล้ว แต่ก่อนคิดไปเองว่าผู้ชายอย่างฉูเจ๋อหยางอย่างมีความรู้สึกชอบตัวเองอยู่บ้าง
ตอนนี้นอกจากเรื่องน่าขำนั้นแล้ว เธอยังตกอยู่ในสถานการณ์สิ้นคิด
เป้ยฉ่ายเวยเกลียดความโง่เขาของตนเอง เกลียดความคิดไปเองของตนเอง แต่ในขณะเดียวกันเงินห้าล้านนั้นเธอก็เสียมันไปไม่ได้
“ฉูเจ๋อหยางเปลี่ยนข้อตกลงอีกอย่าง” เสียงของเป้ยฉ่ายเวยก็เย็นจนถึงก้นหุบเขา ใจไม่มีความอบอุ่นแล้ว แล้วคำพูดจะร้อนได้ยังไง
ฉูเจ๋อหยางได้ยินเสียนเย็นชาของเป้ยฉ่ายเวย ก็เริ่มรู้สึกมีความแยแส แต่พอคิดขึ้นได้ว่าเรื่องทั้งหมดนี้คนที่ก่อขึ้นคือผู้หญิงตรงหน้าคนนี้ เลยทิ้งความรู้สึกนั้นไป
พูดแบบจางๆว่า “ตอนนี้ฉันมีแค่ความต้องการนี้”
ตกลงหรือไม่ตกลงไม่ใช่เธอตัดสินใจเองได้ กับฉูเจ๋อหยางเธอไม่เคยชนะมาก่อน แต่ก็ไม่เคยแพ้อย่างน่าอนาจขนาดนี้ถึงขั้นไม่เหลือเกียรติเลย เธอได้ยินเสียงของตัวเองแล้ว ตอบออกไปแบบเย็นชาว่า “โอเค ฉันตกลง”
ตั้งแต่ตัวเองเลือกข้อตกลงแบบนี้กับฉูเจ๋อหยาง ก็ไม่มีทางกลับหลังไปได้อีกแล้วไม่ใช่หรอ?
แต่ทำไม ในใจถึงยังรู้สึกเจ็บปวดเหมือนมีมีดมากมายมาแทนที่กลางอก แทงแบบไม่หยุด แต่เธอก็ตายไม่ได้ต้องทนเจ็บปวดแบบนี้
ทันใดนั้น ร่างสูงใหญ่ของฉูเจ๋อหยางกระแทกอย่างกะทันหันแก้วน้ำร้อนน้ำลวกลงไปที่มือของเขาตรงไปยังใจลึกๆของเขา รอจนเขาตั้งสติได้ในมือก็ว่างเปล่าไปแล้วเหมือนดั่งใจเขา
ตอนแรก เขายังสงสัยว่าการตัดสินใจของตนเองมีปัญหาอะไรหรือไม่
เป้ยฉ่ายเวยกัดริมฝีปากตัวเองแน่น เพื่อไม่ให้ตัวเองควบคุมตัวเองไม่ได้ เธอค่อยๆเดินออกไปจากท่ามกลางผู้คนมากมาย ก่อนรอจนที่ที่ไม่มีคนแล้วถึงเริ่มวิ่ง
รองเท้าแปดนิ้วมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะวิ่ง เป้ยฉ่ายเวยวิ่งได้แป๊บเดียวก็ล้มลง ถึงจะไม่ใช่พื้นหินอ่อนที่เย็น แต่พอล้มลงไปก็เจ็บมากเหมือนกัน
ข้อขาเริ่มแดง เป้ยฉ่ายเวยเหมือนไม่มีความรู้สึกถอดรองเท้าออกจับไว้ที่มือ แล้วเดินไปยังข้างหน้าความเจ็บบนตัวนั้นจะสู้ความเจ็บในใจของเธอได้ยังไง
ตอนนี้เธอคิดอยู่อย่างเดียวคือออกไปรีบออกไปจากสถานที่น่ากลัวแห่งนี้
จนกระทั่งเธอเดินไปที่น้ำพุของโรงแรม จนทนยังไงก็ทนไม่ไหวแล้ว ไม่ว่าจะเป็นร่างกายหรือจิตใจก็ทำคิดสุดแล้ว น้ำตาเหมือนสร้อยไข่มุกที่ขาดไหลออกมาไม่หยุด
การร้องไห้ที่ไม่ออกเสียงนั้นเจ็บปวดกว่าการร้องไห้เสียงดัง เป้ยฉ่ายเวยร้องจนไม่มีเสียงแล้ว ฉูเจ๋อหยางเป็นทนายแค่เซ็นสัญญาไปแล้ว
ต้องทำตามสัญญาที่ทำกันไว้ ถ้าหากไม่ทำตามสัญญานั้นเงินห้าล้านของรุ่ยรุ่ยก็จะไม่สามารถเอามาได้
แต่ตอนนี้ ฉูเจ๋อหยางเป็นแฟนกับหนานฉิง เขาทำแบบนี้ทำแบบนี้ได้ยังไง
หรือว่า เพราะอยากลงโทษการคุกคามของเธอ
เธอต้องทำยังไงหรือว่าพารุ่ยรุ่ยหนีไป แต่อาการป่วยของรุ่ยรุ่ยจะทำยังไง เป้ยฉ่ายเวยรู้ว่าสุดท้ายเธอทำได้เพียงการประนีประนอม
“ร้องไห้คนเดียว น่าสนใจ”
เป้ยฉ่ายเวยเงยหน้าขึ้นมองยังก็อี้ที่พักอยู่ไม่ไกล เห็นร่างเงาคนจางๆ อยู่ตรงนั้นฟังจากน้ำเสียงแล้วน่าจะนั่งอยู่ตรงนั้นนานแล้ว ดังนั้นก็เห็นสภาพตนเองตอนอ่อนแอแล้ว
“เธอยังตกต่ำอยู่เหมือนเดิม”
เป้ยฉ่ายเวยสังเกตเห็นว่าชายคนนั้นใช้คำว่า’ยัง’สองคำนี้รู้ว่าเขาเคยเห็นเธอ แต่ทำไมเธอไม่รู้สึกคุ้นเลยแม้แต่น้อย?
“นายเป็นใคร” เป้ยฉ่ายเวยพึ่งรู้ว่าเสียงของตนเองแหบขนาดนี้
“เธอลืมไปแล้วหรอ ว่าจะเลี้ยงข้าวฉัน”
ชายคนนั้นเตือนให้เป้ยฉ่ายเวยรีบนึกขึ้นได้ว่าเขาคือผู้ชายที่เจอหน้าประตูหน้าตึก “คือนายเองหรอ ขอโทษที ฉันนึกว่านายจะโทรมาหาฉัน”
เธอไม่เคยคิดที่จะหนีการเลี้ยงข้าวมื้อนึง
เสิ่นย่าวก็มาร่วมงานเลี้ยงเหมือนกัน แต่รู้สึกว่าอากาศด้านในมันครึ้ม และเขาก็ไม่เต้น ดังนั้นจึงออกมาเดินเล่น เพื่อให้ลมพัดผ่านไม่คิดว่าจะมีผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งเข้ามา
ข้างๆ มีคนร้องไห้ถึงจะไม่ได้ร้องไห้เสียงดัง แต่ก็ได้ยินเสียงสะอื้นลอยเข้ามา และรู้สึกว่าเสียงนั้นคุ้นนี่มันแมวน้อยที่วิ่งหนีอย่างตื่นเต้นวันนั้น
ทำไมครั้งนี้ก็ถูกคนรังแกอีกแล้วหรอ ก็ยังอ่อนแออยู่เหมือนเดิม และเขาก็ไม่ชอบคนอ่อนแอ
เสิ่นย่าวลุกขึ้น แล้วเดินมาตรงหน้าเป้ยฉ่ายเวย แล้วชูนิ้วสองนิ้ว “อื้มสองมื้อ”
“หา?” เป้ยฉ่ายเวยลืมตาโตโตของเธอมองไปยังผู้ชายตรงหน้าแบบนิ่งๆ
ท่าทางมึนงงของเธอ เหมือนแมวน้อยที่หาทางกลับบ้านไม่เจอจุดน่ารักอันนี้ซึมเข้าในใจผู้ชาย
เห็นเพียงเสิ่นย่าวพูดขึ้นแบบจางๆ “ดูท่าทางแล้วเธอกลับบ้านก่อนเดี๋ยวไม่ถูกแล้ว ฉันกลับพอดีหรือเธอมีวิธีกับอื่น”
จากที่เสิ่นย่าวเตือนสติ เป้ยฉ่ายเวยก็สังเกตดูว่าสภาพตัวเองคงเรียกรถกลับบ้านไม่ได้ ยกมือขึ้นมาจับหน้าตนเองมีแต่คราบแป้งถ้าคนขับรถเห็นคงคิดว่าเจอผี“รบกวน รบกวนคุณแล้วคุณผู้ชาย” เป้ยฉ่ายเวยรู้สึกว่าตัวเองหมดหนทาง ผู้ชายคนนี้ช่วยเธอไว้สองรอบ แต่เธอไม่รู้แม้กระทั่งชื่อของเขา“ฉันชื่อเสิ่นย่าว” เสิ่นย่าวเหมือนมองเธอออกจึงพูดออกมาเอง “ขอบคุณค่ะคุณเสิ่น” เป้ยฉ่ายเวยลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ก้อนหิน แล้วรู้สึกเจ็บที่ขาของเธอเหมือนมาเข็มมาแทงขาของเธอ น่าจะบวมแล้วแต่เธอก็อดทนต่อความเจ็บนั้นแล้วค่อยๆเดินตามหลังเสิ่นย่าวไป เสิ่นย่าวเดินไปสองก้าวแล้วเดินกลับมาอุ้มเป้ยฉ่ายเวยขึ้นโดยไม่ขออนุญาตเธอเดินไปด้านหน้าเบาๆ “ช้าเกิน” “……”เป้ยฉ่ายเวยไม่มีคำจะพูดในใจหนักหน่วงคิดถึงคิดที่ต้องเจอคืนนี้เธอก็ไม่มีกระจิตกระใจจะคิดอะไร ไม่ได้สังเกตเห็นว่าผู้ชายที่อุ้มตัวเองนั้น มองตนเองไปหนึ่งทีระหว่างทางที่กลับบ้านเป้ยฉ่ายเวยได้รับสายความเป็นห่วงจากหลี่จื่อเชียน โกหกด้วยความรู้สึกผิดบอกว่าตนเองไม่สบาย อยากกลับไปพักผ่อน หลี่จื่อเชียนได้ยินว่าเป้ยฉ่าย้วยไม่สบายเลยอยากจะไปดูเธอ เป้ยฉ่ายเวยปฏิเสธไปบอกว่าตัวเองกำลังจะนอนแล้ว หลี่จื่อเชียนทำได้เพียงช่างมันหลังจากที่เป้ยฉ่ายเวยวางสาย รู้สึกไม่ค่อยดีเพราะโกหกผู้ชายที่ไม่สนิทในใจรู้สึกไม่เป็นสุข
copy right hot novel pub