โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

หลงรักทนายคนเลว

ตอนที่ 80 เวยเวยอยู่กับพี่ชายฉัน

ตอนที่ 80 เวยเวยอยู่กับพี่ชายฉัน

“โอ้ยฉันไม่ปล่อยให้เธอเข้าทางลัดหรอก บริษัทพี่ชายฉันมีแผนกบุคคล เธอส่งเรซูเม่ไปก็พอ คนในแผนกบุคคลจะเป็นคนตัดสินใจ” ซือซือมั่นใจในตัวเป้ยฉ่ายเวยมาก

“ขอฉันคิดดูก่อนแล้วกัน” เป้ยฉ่ายเวยยังไม่ได้รับปากในทันที เธอยังไม่กล้ารับคำทำงานกับพี่เฮ่าเหมือนกับว่าไม่มีอะไร

“อื้ออื้อ เธอตัดสินใจเองก็แล้วกัน” ซือซือไม่กล้าที่จะแสดงความในใจออกมาอย่างแจ่มแจ้ง เธอจึงกลับไปนั่งที่โซฟา

ตอนเช้าวันนั้น เป้ยฉ่ายเวยส่งเรซูเม่ไปทั้งหมด เมื่อถึงเวลาอาหารเที่ยงเธอก็ทำเสร็จแล้ว

“เวยเวยโทรศัพท์ของเธอน่ะ ดังตั้งนานแล้วไม่ได้ยินหรือยังไง” ซือซือดูตื่นเต้น เมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ในห้องนั่งเล่นดังขึ้น ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆไม่ขยับเขยื้อน ได้แต่บอกเตือนเธอ

“โทรศัพท์รึ” เป้ยฉ่ายเวยนิ่งไปครู่หนึ่งและตั้งใจฟัง จึงได้ยินว่าเป็นเสียงริงโทนของเธอจริงๆ เธอได้แต่วางแท๊บเล็ตลงและลุกขึ้นไปรับ

“ฉันว่านะเวยเวย เธอตั้งเสียงริงโทนให้มันมีสีสันหน่อย ไม่ใช่เอาเสียงต้นฉบับ ฉันฟังแล้วทนไม่ได้” ตอนนี้ยังมีคนใช้เสียงต้นฉบับอยู่อีกหรอ น่ากลัวจริง

ริงโทนต้นฉบับคืออะไร เมื่อตอนที่หน้าจอโทรศัพท์ยังเป็นสีฟ้า เสียงเรียกเข้าก็มีแค่เสียงเดียว---ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด

เป้ยฉ่ายเวยยิ้มและไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจ เธอรู้สึกปกติดีและก็ยังชินกับมันอีกด้วย

เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจากโต๊ะ เป้ยฉ่ายเวยเดินออกไปข้างนอก เธอเหลือบมองเบอร์โทรศัพท์ก็เห็นว่าเป็นเบอร์เดียวกัน เบอร์ของจื่อเชียน

“ใครโทรมา ทำไมทำกระอักกระอ่วนอย่างนั้น” ซือซือที่นั่งอยู่บนโซฟาทำท่าทางอยากรู้อยากเห็น น่าเสียดายที่เธอไม่ไปเป็นนักข่าวหรือผู้ประกาศข่าวซะ

“เพื่อนน่ะ ฉันจะโทรกลับไปถามหน่อย” เป้ยฉ่ายเวยตอบอย่างคลุมเครือและเดินไปที่หน้าต่าง เธอเปิดโทรศัพท์และต่อสายหาจื่อเชียน

คนที่ปลายสายดูเหมือนว่าจะรออยู่แล้ว แค่โทรติด จื่อเชียนก็รับในทันที

“เวยเวย ตอนกลางวันว่างไหมครับ”

“ว่างค่ะ ว่าไงคะจื่อเชียน” เป้ยฉ่ายเวยเหลือบหันไปมองเพื่อนซี้ที่นั่งบนโซฟาและเธอก็ลดเสียงลง

หลี่จื่อเชียนได้ยินอยู่ๆเป้ยฉ่ายเวยก็ทำเสียงกระซิบกระซาบ “เวยเวย ตอนนี้ไม่สะดวกคุยหรอครับ”

“เปล่าค่ะ พอดีฉันอยู่ตรงระเบียงแล้วลมแรง” เป้ยฉ่ายเวยพยายามปรับระดับเสียงให้เท่าเดิม

หลี่จื่อเชียนไม่ถามเซ้าซี้ เขาเปลี่ยนเรื่องถาม “อื้อ เวยเวยออกไปทานข้าวกลางวันกันไหมครับ”

“อื้อ ได้ค่ะ ให้รอที่ไหนดีคะ” เป้ยฉ่ายเวยตอบตกลง เธอเลื่อนจื่อเชียนมาหลายต่อหลายครั้งแล้ว ครั้งนี้จะให้เป็นแบบเดิมอีกไม่ได้

“ผมไปรับคุณนะครับ” หลี่จื่อเชียนพูดอย่างระมัดระวัง

“ไม่ต้องค่ะ ไม่ต้องฉันไปเองก็ได้” ล้อเล่น ตอนนี้เธออยู่ที่อพาร์ทเม้นต์ของซือซือ จะให้จื่อเชียนมารับได้อย่างไร

“ได้ครับ ถ้าอย่างนั้นผมรอที่ร้านชาชวนคราวที่แล้วนะครับ”

“อื้อ อีกสักพักเดี๋ยวฉันไปค่ะ” เป้ยฉ่ายเวยพูดจบก็รีบวางสาย

“ใครกัน ทำลับๆล่อๆไม่ยอมให้ฉันได้ยิน” ซือซือลุกขึ้นจากโซฟาและถามอย่างสงสัย

เป้ยฉ่ายเวยปฏิเสธที่จะตอบคำถามของเธอ “ฉันบอกเธอไปแล้วนี่ว่าฉันจะออกไปข้างนอก ข้าวกลางวันเธอจัดการเอาเองนะ”

“ให้ฉันทายนะ” ซือซือทำหน้าพินิจพิเคราะห์ “ต้องเป็นคนที่ขอเธอแต่งงานแน่ๆ ไม่ได้ เธอต้องพาฉันไปด้วย”

“อย่าลืมว่าเธอติดหนี้ฉันอยู่นะ”

“....” เป้ยฉ่ายเวยหยุดเท้าที่กำลังจะเดินออกไปและพูดอย่างเบื่อหน่าย “ไปไป ไปด้วยกันนี่แหละ”

ในเมื่อหล่อนพูดอย่างนั้นแล้วจะให้เธอปฏิเสธอย่างไร

ดังนั้นมันจึงเป็นการนัดของคนสองคน ก็กลายเป็นสามคน ถึงแม้ว่าซือซือและหลี่จื่อเชียนจะไม่ได้รู้จักคุ้นเคยกัน

เมื่อเห็นหลี่จื่อเชียน เป้ยฉ่ายเวยรู้สึกน่าอายนิดหน่อยที่จะแนะนำ “จื่อเชียนนี่เพื่อนของฉันซือซือ พอดีเธอมาหาฉัน ฉันเลยต้องพาเธอมาด้วยโดยไม่ได้บอกคุณก่อน ฉันขอโทษค่ะ”

“ไม่เป็นไร” จื่อเชียนพูดด้วยเสียงนุ่มนวล เขาหันไปทักทายซือซืออย่างสุภาพ “สวัสดีครับคุณยู เป็นเกียรติที่ได้พบคุณ”

ซือซือเอื้อมมือออกไป “ฮาย พี่สุดหล่อไม่ต้องเรียกกันห่างเหินอย่างนั้น เรียกฉันซือซือก็ได้”

หลี่จื่อเชียนนิ่งอึ้งไป จากนั้นเขาก็ยิ้มขึ้น และยื่นมือออกไปจับมือซือซือ เขาปล่อยมือออกอย่างรวดเร็ว

ซือซือเลิกคิ้วและไม่พูด ชายตรงหน้าช่างเป็นสุภาพบุรุษเสียจริง รูปก็งาม เขาดูเป็นคนใจกว้าง ทำให้คนรู้สึกสบายที่อยู่ใกล้

ทั้งสามเดินเข้าร้านไปด้วยกัน พนักงานเสิร์ฟพาพวกเธอเข้าไปนั่งที่คอก

“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าคุณผู้ชายจะรับอะไรดีคะ”

“ช่วยเอาเมนูให้คุณผู้หญิงสองท่านนี้ทีนะครับ” หลี่จื่อเชียนส่งสายตาไปทางเป้ยฉ่ายเวยและซือซือ

พนักงานเสิร์ฟพยักหน้าและส่งเมนูสองเล่มให้กับพวกเธอ

ซือซือก็ไม่เกรงใจแล้ว เธอดูเมนูและสั่งไปสองสามอย่าง เป้ยฉ่ายเวยเห็นว่าซือซือสั่งไปไม่น้อยแล้ว เพียงพอสำหรับทานกันสามคนแล้ว เธอจึงไม่ได้สั่งอีก

พนักงานเสิร์ฟรับเมนูไป เหลือเพียงสามคนอยู่ที่คอก

ซือซือเอนกายลงบนเก้าอี้ และถามด้วยรอยยิ้ม “ฉันสงสัยจังเลยว่าคุณเจอกับเวยเวยได้อย่างไร”

“พวกเราเรียนมหาวิทยาลัยด้วยกันครับ” หลี่จื่อเชียนพูดพลาง มือก็พลางดึงพลาสติกที่คลุมจานออกและนำเอาวางไว้ให้เธอ

เป้ยฉ่ายเวยรู้สึกเกรงใจ เห็นท่าทีของเพื่อนสนิทที่ด้านข้าง เธอจะปฏิเสธขึ้นมาตรงๆก็ไม่ได้ ได้แต่ยอมรับการกระทำของเขาเงียบๆ

“ถ้าอย่างนั้นคุณก็รู้จักฉูเจ๋อหยางและหนานฉิงล่ะสิ” ซือซือมีความคิดแวบหนึ่งปรากฏในแววตาจากนั้นก็ถอนหายใจ เฮ่อ ทำไมเธอไม่เจอผู้ชายที่อ่อนโยนดั่งหยกเช่นหลี่จื่อเชียนบ้างนะ

เธอก็ชอบแบบนี้นะ

เสียดายที่ในสายตาหลี่จื่อเชียนมีแต่เวยเวย

“ซือซือก็รู้จักใช่ไหม” จื่อเชียนถามกลับ แต่เขากลับใช้ประโยคเพื่อยืนยัน

“ไม่ค่อยสนิท” ซือซือยิ้มเฝื่อนๆ ใครอยากจะคุยกับหนามยอกอก แค่ทำตามมารยาทเท่านั้น

หลี่จื่อเชียนได้ยินน้ำเสียงความเกลียดชังของซือซือ เมินเฉยดีไหม เรื่องนี้น่าสนใจ

เป้ยฉ่ายเวยไม่อยากทำให้เรื่องราวกระอักกระอ่วน เธอจึงเอ่ยปากขึ้นเพื่อเปลี่ยนเรื่อง

โชคดีที่อาหารมาเสิร์ฟค่อนข้างเร็ว บรรยากาศจึงค่อยๆผ่อนคลายลง

ทานไปได้ครึ่งหนึ่ง คอกก็ถูกคนเปิดออก

“ฉันได้ยินเสียงคุ้นๆ เวยเวย จื่อเชียน ซือซือ พวกเธออยู่ที่นี่นี่เอง” หนานฉิงเปิดประตูคอกและเดินเข้ามามีชายอีกสองคนยืนรออยู่ด้านนอกประตูคนหนึ่งคือคนที่เพิ่งจะทรมานเธอทั้งคืนฉูเจ๋อหยางนั่นเองอีกคนก็คือคนที่เมื่อวานทำให้ซือซือโมโหแทบตายถังฉีตงนั่นเองโลกกลมจริงๆหลี่จื่อเชียนพยักหน้าให้พวกเขาอย่างสุภาพซือซือจัดแจงคีบตักอาหารให้ตัวเองราวกับว่าไม่ได้ยินมีแต่เป้ยฉ่ายเวยเท่านั้นที่ประสานมือเงยหน้าขึ้นและยิ้ม “ใช่ บังเอิญจังเลยที่พบพวกเธอที่นี่”ในเวยเวยเจ็บจี๊ด ฉูเจ๋อหยางพาหนานฉิงไปพบปะสังสรรค์กับเพื่อนของเขาแล้วรึเธอแพ้แล้วจริงๆ อยู่กับเขามาสามปี เธอยังไม่รู้เลยว่าเขามีเพื่อนบ้างไหม หนานฉิงกลับมาประเทศไม่นาน ทั้งได้พบพ่อแม่ ได้พบเพื่อนแล้วทุกอย่างเร็วมาก ทำให้เธอรู้สึกว่าเธอไกลเกินเอื้อมอัพเดทครั้งหน้า:20 ธ.ค. 2019จะมาในเร็วๆนี้ โปรดอดใจรอก่อนนะจ๊ะ

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์