ตอนที่ 83 บังคับให้ทำ
ที่โต๊ะอาหารหนานฉิงขยิบตาให้กับเป้ยฉายเวยตลอด เพื่อส่งสัญญาณให้เธอรีบถาม
เป้ยฉายเวยลังเลไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดยังไง ในปากมีแต่ความลำบากใจ แม้แต่อาหารที่กลืนเข้าไปในท้องยังมีรสขมไปถึงหัวใจ
"หนานฉิง เธอมีปัญหาที่ตาหรอ ตากระตุกไม่หยุดเลย" อวี๋ซือซือที่นั่งข้างๆมองหนานฉิง ผู้หญิงคนนี้ต้องการบังคับให้เวยเวยทำอะไรกันแน่
หนานฉิงสำลัก เวยเวยเริ่มมีสีหน้าไม่ดีิิ แต่ทว่าก็ถือเป็นโอกาสดีที่อวี๋ซือซือเริ่มเอ่ยปากขึ้น เลยแสร้งทำเป็นพูดอย่างไม่ตั้งใจ "ไม่มี ฉันคิดว่าเวยเวยมีเรื่องจะพูดเสียอีก ที่เธอพูดกับฉันไง ใช่ไหม"
เป้ยฉายเวย รู้ว่าเลี่ยงไม่ได้จึงวางตะเกียบลงให้แล้วๆไป หันไปหัวเราะให้กับทุกคนแล้วพูดว่า "ใช่ ฉันมีเรื่องแปลกใจ เลยอยากจะถามคุณฉูสักหน่อย"
หนานฉิงได้ยินดังนั้น ก็หัวเราะด้วยความพอใจ แล้วมองอวี๋ซือซือ ประมาณว่าดูสิ ไม่ใช่เพราะเธอมีปัญหาอะไร แต่เพราะเวยเวยมีเรื่องที่อยากจะพูดจริงๆต่างหาก
อวี๋ซือซือรู้ดีว่าหนานฉิงกำลังหลอกอยู่แน่นอน น่าจะเป็นตอนก่อนหน้านี้ที่ลากแขนเวยเวนไปห้องน้ำคนเดียว จริงๆแล้วมีเรื่องที่จะบอกเวยเวยนี่เอง
เธอดึงชายเสื้อของเป้ยฉายเวยเล็กน้อย เป็นสัญญาณว่าเธอไม่ต้องการขายหน้าต่อผู้หญิงคนนั้น
เป้ยฉายเวยลำบากใจอยู่ชั่วขณะ มองชายที่นั่งข้างๆแล้วยิ้มจางๆให้
คนที่โดนเรียกชื่อ ฉูเจ๋อหยางค่อยๆวางตะเกียบลง แล้วค่อยๆดึงทิชชูเช็ดที่มุมปาก อิริยาบถเรียบง่ายทำให้เขาทั้งดูสง่าทั้งดูดี
ดวงตาสีดำของเขากวาดไปที่เธอ ริมฝีปากบางขยับเปิดปิดเล็กน้อย "ไม่ทราบว่า คุณเวยเวยอยากรู้อะไรหรือ"
นิ้วมือที่วางบนต้นขาของเป้ยฉายเวยสั่นโดยไม่รู้ตัว ทันใดนั้นก็รู้สึกอึดอัด เหมือนว่าต้องให้กำลังใจตัวเองอีกครั้ง
เธอเงยหน้าขึ้นมองตาเขาและพูดว่า" ได้ยินมาว่าคุณฉูกำลังจะหมั้นกับหนานฉิง ฉันสงสัยว่าพวกเราได้รับเกียรติให้ไปแสดงความยินดีเมื่อไร"
เธอบอกกับตัวเองว่าอย่าไปใส่ใจ ต้องไม่ขี้ขลาดต่อหน้าเขา
มุมปากหนานฉิงปรากฏยิ้มคมเล็กน้อย" เป้ยฉายเวยใส่ใจขนาดนี้ คนที่ไม่รู้คงจะคิดว่าเป้ยฉายเวยกำลังหึงอยู่แน่เลย"
"คุณฉูอย่าพูดเล่นตามใจสิคะ" ใบหน้าเป้ยฉายเวยตกใจแวบหนึ่ง แต่เธอก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว ความร้ายของฉูเจ๋อหยางไม่ใช่น้อย เขาต้องจงใจกวนใจเธอ
"เป้ยฉายเวยใส่ใจเรื่องของพวกเราขนาดนี้ แท้จริงแล้วไม่ใช่เพราะเหตุผลนี้หรอกหรอ" ฉูเจ๋อหยางถามขึ้นฉับพลัน
คนเลว ก็รู้ดีอยู่แล้วว่าสิ่งที่เธอถามคืออะไร ยังจงใจจะเปลี่ยนเรื่องบิดเบือนสิ่งที่เธอถามอีก เป้ยฉายเวยหายใจเข้าลึกๆเพื่อให้ตัวเองใจเย็นลง
"คุณฉูทำไมไม่ตอบคำถามตรงๆ หรือจริงๆแล้วคุณมีเพื่อนผู้หญิงอื่นที่สนิทกันเหมือนข่าวลือข้างนอก"
ถ้าไม่ใช่เพราะคำพูดที่หนักแน่นตรงนั้น เป้ยฉายเวยคงจะแทบยืนไม่ได้หนานฉิงค่อยๆบีบบังคับให้เธอทำ แล้วเธอก็ไร้ทางปฏิเสธ
เหมือนที่ซือซือพูดไว้ไม่ผิด กรรมใดใครก่อกรรมนั้นคืนสนอง
ช่วงเวลาสั้นๆบรรยากาศก็เปลี่ยนเป็นกลืนไม่เข้าคายไม่ออก คนที่นั่งห่างไปเล็กน้อยอย่างหลีจื่อเชียนก็มองเป้ยฉายเวยด้วยความเป็นห่วง ลางสังหรณ์บอกเขาว่า วันนี้เป้ยฉายเวยดูแปลกไปมาก
ผิดปกติตรงไหน เขาไม่ได้สังเกต
อวี๋ซือซือปิดหน้าและไม่อยากฟังต่อ ในใจก็ด่าหนานฉิงไม่หยุด น่าไม่อายซะเลย ตัวเองไม่อยากแต่งงานก็ว่าไปอย่าง นี่ยังดึงให้เวยเวยออกหน้าพูดแทน
ถ้าเวยเวยกับฉูเจ๋อหยางไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันก็ว่าไปอย่าง ตอนนี้มันเรื่องมันแย่จริงๆ
หนานฉิงนั่งบีบมือตัวเองอยู่ข้างๆ รอฟังคำตอบจากปากฉูเจ๋อหยางด้วยความตื่นเต้น
ฉูเจ๋อหยางลุกขึ้นทันที นิ้วเรียวยาวดึงเก้าอี้ออก ร่างสูงโปร่งค่อยๆทำให้ระยะห่างของทั้งสองสั้นลง
สายตาตกตะลึงของเป้ยฉายเวย หยุดไปชั่วครู่ดวงตาสีเข้มที่สามารถทำลายทุกอย่างได้มองตรงไปข้างหน้า เหมือนหมาป่าโดดเดี่ยวในคืนมืด กลิ่นอายความเย็นจางๆ คำพูดแผ่วเบา เบาจนมีแค่เขาสองคนเท่านั้นที่จะได้ยิน
"ฉันจะมีหรือไม่มีผู้หญิงอื่น เป้ยฉายเวย มีแต่เธอที่รู้ดีที่สุดไม่ใช่หรอ"
พูดจบเขาก็ไม่รอดูท่าทีของทุกคน เปิดประตูห้อง และเดินออกไปข้างนอกทันที
"เวยเวยเธอทำอะไรน่ะ ทำไมอาเจ๋อโกรธจนเดินหนีล่ะ" หนานฉิงเดินตามไปอย่างรวดเร็ว อีกใจก็อยากตามฉูเจ๋อหยางไป อีกใจก็อยากรู้ว่าฉูเจ๋อหยางพูดอะไรกับเป้ยฉายเวยกันแน่
"ฉัน……" เป้ยฉายเวยอ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออก มือเท้าเย็นไปหมด เขากำลังโกรธ โกรธเธอ และยังแสดงออกชัดเจนมาก เสแสร้งสักหน่อยก็ไม่ได้
อวี๋ซือซือคว้ามือแข็งทื่อของเป้ยฉายเวย หันไปถามเธอด้วยความโมโหว่า "หนานฉิง เธอไปพูดอะไรกับเวยเวย ทำให้เธอไปมีส่วนร่วมกับเรื่องแย่ๆของพวกคุณ ผู้ชายของตัวเองแท้ๆดูแลไม่ดี ก็อย่าไปไขว่คว้าในสิ่งที่ไม่ใช่ของตัวเองเถอะ"
"อวี๋ซือซือ ชักจะมากไปแล้วนะ" หนานฉิงรู้ว่าตัวเองดันทุรังให้เป้ยฉายเวยช่วยถาม แต่คำพูดเมื่อครู่ของอวี๋ซือซือหมายความว่าอะไรกัน
อะไรที่เรียกว่าไม่ควรไขว่คว้าของที่ไม่ใช่ของตัวเอง อาเจ๋อก็เป็นแฟนเธอแต่แรกอยู่แล้ว ทำไมถึงพูดว่าไม่ได้เป็นของเธอ
"ฉันอาจจะพูดเกินไป แต่เธอก็ควรดูว่าตัวเองทำอะไรลงไป" เวยเวยใจอ่อน อวี๋ซือซือไม่ใช่คนที่จะโดนใครหลอกได้ง่ายๆ
"ไม่รูว่าเธอกำลังพูดถึงอะไร ชิ เวยเวยคราวหน้าฉันจะมาหาเธอ ตอนนี้ฉันไปดูอาเจ๋อก่อนว่าเป็นยังไงบ้าง " หนานฉิงแค่หาทางเอาตัวรอดให้ตัวเอง พูดจบก็เดินผ่านทั้งสองคนแล้วตามอาเจ๋อออกไป
อวี๋ซือซือไม่พอใจ ยื่นมือออกไปขวาง สายตาที่เป็นเสมือนคำเตือนจ้องมองเธอ
"หนานฉิง ฉันไม่สนใจเรื่องของเธอกับฉูเจ๋อหยาง ฉันสนแค่เรื่องที่เป้ยฉายเวยลำบากใจเท่านั้น เพราะฉะนั้นทบทวนตัวเองสักหน่อย อย่าคิดว่าตัวเองคือศูนย์กลางจักรวาล ที่ใครๆก็ต้องหมุนรอบตัวเธอ"
"ซือซืออย่าทำแบบนี้่ เพราะฉันไม่ดีเอง……" เป้ยฉายเวยดึงมืออวี๋ซือซือ แล้วส่ายหัว เธอไม่อยากเป็นต้นเหตุที่ทำให้สองคนนี้ทะเลาะกันสินะ
ยังไงซะพวกเขาก็มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจ ถ้ามาทะเลาะกันเพราะเธอ เธอคงรู้สึกผิดกว่าเดิม อวี๋ซือซือมองเป้ยฉายเวยด้วยความเจ็บใจ เห็นความว่าเปล่าในสายตาของเธอ ก็ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ แล้ววางปล่อยมือเธอหนานฉิงโกรธจนสั่นเทิ้มไปทั้งตัว เธอคนเดียวไม่สามารถต่อต้านได้ ทำได้แค่จ้องอวี๋ด้วยความโกรธ แล้วไล่ตามฉูเจ๋อหยางออกไป"ดูท่าอาหารมื้อนี้จะกร่อยซ่ะแล้ว" ร่างสูงของถังฉีตงพิงเก้าอี้สบายๆ ไม่ได้รู้สึกกับเหตุการณ์เมื่อครู่เลยแม้แต่น้อย "นายจะช่วยเงียบปากหน่อยได้ไหม" อวี๋ซือซือตวาดใส่ถังฉีตงยื่นมือไปที่ปาก ทำท่ารูดซิป อืม ผู้หญิงกำลังโมโหสินะ"เวยเวย เธอโอเคนะ" หลี่จื่อเชียนถามด้วยสีหน้าเป็นห่วง เป้ยฉายเวยพูดด้วยความรู้สึกผิด "ฉันไม่เป็นไร ขอโทษนะทำเธอเห็นเรื่องตลกซะแล้ว""ไม่เป็นไร งั้นฉันไปส่งเธอพักพ่อนก่อนนะ" หลี่จื่อเชียนดูออกว่าเป้ยฉายเวยท่าทางเหนื่อยล้ามาก"อืม รบกวนด้วยนะ" ที่จริงแล้วเป้ยฉายเวยอยากกลับไปพัก เธอหมดแรงที่จะคิดอะไรอีกแล้ว
copy right hot novel pub