ตอนที่ 85 ความท้าทายครั้งที่สอง
เป้ยฉายเวยเด้งตัวขึ้นจากโซฟา ขนาดน้ำเสียงยังเปลี่ยนไปเล็กน้อย" ฉูเจ๋อหยาง คุณกำลังล้อเล่นอยู่ใช่ไหม ให้ฉันไปทำงานบริษัทของคุณ ถ้าหนานฉิงรู้เข้า เธอจะคิดยังไง"
ผู้ชายคนนี้คงบ้าไปแล้วแน่ๆ
"ก็นี่เป็นข้อเสนอของเธอไม่ใช่หรอ"
ฉูเจ๋อหยางตอบมีเหตุผล ร่างสูงยืนข้างหน้าต่าง ดวงตาแสนเย็นชาปรากฏรอยยิ้มจางบนใบหน้า
เลขาหลินไห่คิดว่าตัวเองคงกำลังฝันอยู่แน่ๆ ไม่งั้นเขาจะตาลายจนเห็นเจ้านายหัวเราะอยู่หรือ สายตาแหลมกวาดมอง
หลินไห่กลับรู้สึกว่าเป็นเรื่องไม่ปกติอย่างยิ่ง เอกสารถูกวางบนโต๊ะทำงานอย่างรวดเร็ว และรีบออกจากห้องไป
ถ้าจู่ๆมีคนมาทำดีกับคุณ คุณอาจจะรู้สึกกลัวไม่วางใจ แต่ถ้าทำไม่ดีใส่คุณมาโดยตลอด คุณกลับจะรู้สึกสบายใจเสียมากกว่า
มนุษย์นั้นแท้จริงแล้วต่างก็มีความไม่ดีอยู่ในตัว
เป้ยฉายเวยเดินไปมาในห้องรับแขกอย่างร้อนใจ แม้คำพูดของฉูเจ๋อหยางจะถูก แต่หนานฉิงคงพูดเพราะความเกรงใจ อาจทำให้หนานฉิงรู้ความสัมพันธ์ของเธอกับฉูเจ๋อหยาง
ถึงตอนนั้นเธอจะยังสามารถอยู่ที่บริษัทแห่งนี้ได้ หรือจะกลายเป็นโดนคนนับร้อยตำหนิ
เธอไม่อยากเป็นเช่นนั้น จึงอยากจากไปโดยที่ไม่มีความผิด
"ไม่ได้ ฉันได้ตอบตกลงกับซือซือไปแล้วว่าจะไปทำงานกับพี่อวี๋เฮ่า"
พี่อวี๋เฮ่า
ดวงตาฉูเจ๋อหยางปรากฏรอยยิ้มขึ้น เพราะเป้ยฉายเวยเรียกอย่างสนิทสนม แล้วสายตาก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นเย็นชา หนักแน่น เสียงพูดก็ยังทุ้มต่ำลง" อย่าลืมล่ะ เธอติดหนี้ฉันอยู่สองเรื่องนะ"
"เพราะฉะนั้นไปทำงานที่นั้น สามารถลดได้เรื่องนึงไหม" เป้ยฉายเวยพูดประเด็นสำคัญ หลายวันมานี้เธอนอนไม่ค่อยหลับก็เพราะเรื่องนี้แหล่ะ
สองเรื่องอาจดูเหมือนน้อย แต่ฉูเจ๋อหยางก็ชักช้าไม่ตอบสักที คนที่รออยู่ก็รอจนอกจะแตกตายอยู่แล้ว แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยปากถาม
ตอนนี้ฉูเจ๋อหยางออกปากด้วยตัวเองแล้ว
ฉูเจ๋อหยางพูดเสียงอือที่ไม่ได้เบา แล้วก็ไม่ได้ดังไป แค่นี้ก็ถือว่าตอบตกลงแล้วสินะ
"เธอรอก่อน ฉันขอคิดๆดูก่อน" เป้ยฉายเวยบอกกับตัวเองว่าจะวู่วามไม่ได้ จะต้องไต่รตรองให้ดีเวลาที่รุ่ยรุ่ยต้องผ่าตัดยังพอเหลืออยู่
เวลาไม่นานเธอก็ต้องหางานทำ เช็คของฉูเจ๋อหยางยังแลกเป็นเงินสดไม่ได้เลยย ทุกๆเดือนค่ายานำเข้าที่ใช้รักษาโรคหัวใจของรุ่ยรุ่ยก็ต้องใช้เงินมาก
เธอจจึงจำเป็นต้องถาม "เป็นเลขาของคุณได้เงินเดือนเท่าไรหรอคะ"
"......" หนานฉิงรู้สึกเอือม "มากกว่าเงินเดือนที่เธอเป็นผู้จัดการร้านรองเท้า"
"เป็นไปไม่ได้!!" เป้ยฉายเวยไม่อยากเชื่อ เลขาคนหนึ่งจะได้เงินเดือนสูงกว่าผู้จัดการร้านรองเท้ายี่ห้อดังได้อย่างไรกัน
มาทำแล้วเดี๋ยวเธอจะเข้าใจเอง" เงินเดือนขนาดนี้ไม่ใช่จะได้กันง่ายๆ แล้วหนานฉิงก็กลืนคำพูดที่เหลือลงไป
ข้อเสนอดึงดูด ใช้เงินหลอกล่อ เชื่อว่าไม่มีใครจะปฏิเสธได้หรอก เป้ยฉายเวยมีเพียงเหตุผลเดียวที่จะบอกกับเธอ ต้องมีอะไรอีกแน่ที่เธอไม่สังเกต
ปลายสายค่อยๆถามผู้ชายในสายอย่างระวัง "ทำไมต้องให้ฉันไปทำงานกับคุณที่นั่นด้วย"
นี่เป็นสิ่งที่เธอไม่มีทางเข้าใจ ไม่มีเหตุผลเลยที่ทนายของเขาจะหาผู้ช่วยที่ตรงกับสายงานไม่ได้เลย
ฉูเจ๋อหยางใกล้จะหมดความอดทนแล้ว" ถ้าเธอยังถามอีกแม้แต่ประโยคเดียว สัญญาเป็นอันยกเลิก เธอก็เชิญรอต่อไป"
"โอเค โอเค ฉันไม่ถามแล้วฉันเห็นด้วย พรุ่งนี้ฉันจะไปรายงานตัว" ก่อนที่เป้ยฉายเวยจะวางสาย เธอก็ยื่นข้อเสนอสุดท้ายออกมา
" ถ้าฉันไปทำงานงานที่นั้นแล้วคุณทำเป็นไม่รู้จักฉันได้ไหม"
เธอไม่อยากให้คนอื่นรู้สึกว่าตัวเธอเข้ามาเพราะเส้นสาย
ฉูเจ๋อหยางทำเสียงฮึดฮัด แล้ววางสายไปดื้อๆ
สรุปแล้วเขาตกลงไหมนะ
เป้ยฉายเวยถือโทรศัพท์ไว้ รู้สึกว่าสองเท้าเหมือนย่ำลงบนปุยนุ่นอันอ่อนนุ่ม แม้จะยังไม่ค่อยเป็นจริงเท่าไร เธอขายตัวเองให้ฉูเจ๋อหยางแล้ว
หลังจากนี้ทุกๆวัน คงจะได้เจอใบหน้าเย็นชาหล่อเหลานั่น คิดๆไปแล้วหัวใจก็เต้นผิดจังหวะอยู่หลายครั้ง
"เป้ยฉายเวย ทำไมเธอมีความคิดแบบนี้ เธอต้องใจเย็นลงนะ" เป้ยฉายเวยค่อยๆสงบจิตสงบใจลง จับผมขึ้นมาด้วยความกระวนกระวาย
ตอนนี้เธอต้องการใครสักคนที่จะสามารถวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของเรื่องนี้แทนเธอ
เป้ยฉายเวยตัดสินใจโทรหาอวี๋ซือซือ
"มีอะไร พูดมา" อวี๋ซือซือพูดด้วยเสียงรีบร้อนกลับมา
"ซือซือ ยุ่งอยู่หรอ" เป้ยฉายเวยรู้สึกว่าตัวเองโทรไปผิดเวลามาก
อวี๋ซือซือได้ยินเสียงของเป้ยฉายเวย น้ำเสียงก็อ่อนลง แต่ก็ยังพูดเร็วอยู่ "ยุ่งอะไรล่ะ โทรหาฉันมีอะไร"
"ก็ไม่มีอะไร…… " เป้ยฉายเวยลังเลที่จะเริ่มพูด
"ไม่มีอะไรแล้วเธอจะโทรมาทำไม พูดมาเถอะ ฉันมีเวลา" ฟังเสียงกระอักกระอ่วนของเป้ยฉายเวย อวี๋ซือซือก็เป็นเป็นน้ำเสียงจริงจังขึ้นมาทันที
เธออยากจะชื่นชมความเฉียบแหลมของตัวเองที่มีมากกว่าคนปกติ ไอหยา กลิ่นอายความรักแสนลึกซึ้งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร
ปล่อยให้เธอเสียยี่สิบแปดปีของวัยโสดไปอย่างเสียเปล่า และรู้สึกถึงเจตนาที่ไม่ดี
"คือ ถังฉีตงอยู่ไหม" เป้ยฉายเวยต้องถามถึงเพื่อนที่พอจะเป็นมิตรอีกคนว่ายังอยู่หรือไม่
"เขา ไปนานแล้ว พูดมาพูดมา" อวี๋ซือซือกลับพูดเร่งเป้ยฉายเวย นั่นเป็นเพราะถังฉีตงรู้สึกไม่สบายใจเลยไม่ได้เจอกัน
ตอนนี้เธอแค่อยากจะลงโทษเวยเวยเท่านั้น บังคับเธอให้เธอพูดเรื่องที่กระอักกระอ่วนออกมา
"ไม่มีอะไรหรอก แค่ฉูเจ๋อหยางเพิ่งจะโทรมาหาฉัน ให้ฉันไปทำงานกับเขาพรุ่งนี้ เธอว่าน่าขำไหมล่ะ"
เป้ยฉายเวยพูดแล้วหัวเราะแห้งไปสองครั้ง"บ้าหรอ ฉูเจ๋อหยางพูดกับเธอแบบนี้จริงหรอ" อวี๋ซือซือตอนแรกนอนขี่เกียจอยู่บนโซฟา เพราะคำพูดของเป้ยฉายเวย ทำให้เธอเด้งตัวขึ้นมานั่ง "ใช่สิ ใช่สิ เธอก็รู้สึกว่ามันแปลกใช่ไหมล่ะ" เป้ยฉายเวยเหมือนกับหาพรรคพวกเจอแล้ว"จะว่ายังไงดีล่ะ ถึงแม้ว่าแปลกๆ ทำไมถึงรู้สึกว่าฉูเจ๋อหยางกำลังหึงอยู่นะ" อวี๋ซือฃือวิเคราะห์แทนเป้ยฉายเวยตอนกินข้าวเที่ยง ฉูเจ๋อหยางได้ยินว่าเป้ยฉายเวยจะไปทำงานกับพี่ชายที่สนิทมานาน แม้ว่าไม่ได้แสดงออกอะไร แต่ในดวงตาของเขากลับมีแสงหม่นหมอง เธอเห็นชัดเจน เฮ้อ เอาเถอะ เธอก็ยังไม่แน่ใจว่าตัวเองมองผิดไปรึเปล่า แต่ฟังจากที่เวยเวยพูดแล้ว ก็สามารถเข้าใจสายตาคู่นั้นได้แล้ว "เป็นไปได้ยังไง ทำไมเขาจะต้องหึงด้วย ฉันยอมเชื่อว่าพรุ่งนี้พระอาทิตย์ขึ้นทางทศตะวันตกอ่ะ" เป้ยฉายเวยคิดที่จะปฏิเสธข้อสรุปนี้"ถ้างั้นเธอจะอธิบายเรื่องที่ฉูเจ๋อหยางให้เธอไปทำงานนั่นได้ยังไง" อวี๋ซือซือคิดว่ามุมมองของตัวเองง่ายไปไม่แน่ว่าฉูเจ๋อหยางไม่ใช่ไม่รู้สึกกับเวยเวย แต่ทำไมเขาต้องยอมรับรักของหนานฉิงล่ะหรือแท้จริงแล้วคนชั่วคนนั้นจะอยากเหยียบเรือสองแคม มีแต่เหตุผลนี้ที่น่าจะเป็นไปได้"เวยเวยให้ตายยังไงก็ห้ามตกลงกับไอ่ผู้ชายชั่วคนนั้นนะ เขาแค่โลภมาก เศษขยะแบบนั้น พรุ่งนี้ฉันต้องไปคิดบัญชีกับเขาแล้ว" อวี๋ซือซือโมโหฉูเจ๋อหยางถูกพูดถึงโดยไร้เหตุผล จู่ๆก็จามหนึ่งครั้งบนเก้าอี้ ขมวดคิ้วเรียวสวยด้วยความสงสัย แล้วทำเอกสารที่อยู่ในมือต่อ
copy right hot novel pub