ตอนที่ 87 พี่ใหญ่คือคำเรียกด้วยความเคารพ
"เวลาทำงานของพวกคุณคือแปดโมงครึ่ง แต่ฉันแนะนำว่าให้มาถึงก่อนเวลาสักหน่อย เพราะแปดโมงครึ่งทนายฉูก็นั่งอยู่ในห้องทำงานแล้ว ดังนั้นก่อนหน้านั้นห้านาทีต้องชงกาแฟไว้บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว ตอนเลิกงานก็อย่าลืมเก็บกวาดห้องทำงานของทนายฉูก่อนกลับ"
หูวี่เหมยพูดจ้อต่อ " ทนายฉูค่อนข้างจะรักความเรียบร้อย เวลาเก็บของต้องระวังให้มากๆ เรื่องขอบหน้าต่างพื้นโต๊ะจะตกหล่นไม่ได้เลย"
เป้ยฉายเวยคิดว่าตำแหน่งผู้ช่วยเป็นงานง่ายๆ ไม่คิดว่าจะมีอะไรมาก ช่วยไม่ได้ที่ต้องหยิบสมุดในกระเป๋าออกมา一一จดสักหน่อย
พอได้ยินว่าฉูเจ๋อหยางรักความเรียบร้อย เธอก็อดที่จะเบะปากไม่ได้ เป็นโรครักความสะอาดหรอ
"จริงๆแล้วเธอไม่ต้องไปช่วยงานของทนายฉูเท่าไรหรอก ทำงานพวกนี้เสร็จก็ไปช่วยเลขาหลินได้เลย บริษัทมีกฎอยู่12ข้อท่องให้ขึ้นใจล่ะ พวกเธอเลิกงานตอน5โมงครึ่ง ปกติจะไม่ทำงานล่วงเวลา สิบเอ็ดโมงเช้าถึงบ่ายโมงคือเวลาพัก"
" โอเค ฉันพูดจบหมดแล้ว เธอมีข้อสงสัยอะไรเกี่ยวกับงานของเธอไหม"
เป้ยฉายเวยมองสมุดจดที่เขียนเต็มหน้าแล้วส่ายหัว " ไม่มีแล้วค่ะ พี่เหมย"
เธอรู้สึกชื่มชมที่พี่เหมยพูดนานๆได้โดยไม่หยุดพัก ไม่มีใครมีความสามารถแบบนี้อีกแล้ว
"ใช่ อีกสักพักเธอต้องไปรายงานตัวที่ห้องเลขาหลิน ตอนพักเที่ยงไปวัดขนาดตัวที่แผนกโลจิสติกส์ด้วย ช่วงนี้เธอก็ใส่ชุดนี้ไปก่อนแล้วกัน" หูวี่เหมยพูดจบก็พาเป้ยฉายเวยตามเธอไปเอาของใช้ส่วนตัว
เป้ยฉายเวยมองกฎระเบียบตรงหมายเหตุจะทำความเข้าใจเรื่องพวกนี้คงต้องใช้เวลาอีกสักพักหนึ่ง
หยิบของจากแผนกบุคคลแล้ว เป้ยฉายเวยถือกล่องกระดาษตรงไปที่ห้องเลขาหลิน หาไม่ยากเลย อยู่ข้างห้องทำงานของฉูเจ๋อหยางนั่นเอง
หลินไห่กำลังหัวหมุนอยู่กับงาน ฉับพลันก็มีเสียงอ่อนโยนดังขึ้นตรงหน้า "สวัสดีค่ะ ใช่เลขาหลินไหมคะ"
"เธอคือผู้ช่วยที่มาใหม่ใช่ไหม" หลินไห่มองผู้หญิงตรงหน้าที่พยักหน้าให้ก็รู้สึกแปลกใจนิดหน่อย
ฝ่ายบุคคลทำไมไม่บอกล่วงหน้าสักหน่อยนะ คนที่มาคือหญิงสวยหนึ่งคน ถ้าฉันรู้แต่แรกว่าผู้หญิงที่มาเป็นอ่อนโยนขนาดนี้มา เขาคงจะใส่เจลจัดทรงผมมาแล้ว
"เอ่อ เลขาหลิน สวัสดีค่ะ ฉันชื่อเป้ยฉายเวย ต่อจากนี้ให้คำแนะนำด้วยนะคะ"เธอพูดอย่างสุภาพและยื่นมือออกไปทักทายตามมารยาท
หลินไห่มองมือเล็กสะอาดที่ยื่นมาตรงหน้า เล็บมือโค้งมีแป้งจางๆติดอยู่ หัวใจเต้นตึกตักๆไม่หยุด
แม่ ลูกแม่วัยยี่สิบเก้าในที่สุดก็เจอรักแท้แล้ว ต้องปกป้องเธอจากพวกฝูงหมาป่าที่หิวโหยให้ได้
"สวัสดี สวัสดี ไม่ต้องเรียกห่างเหินขนาดนั้น เรียกผมว่าพี่ไห่ก็พอ"
หลินไห่ยื่นมือออกไปคิดว่าจะได้จับมือของเป้ยฉายเวย คิดพลางยกมือขึ้นเช็ดบนตัวสองครั้งแล้วจึงยื่นมือออกไปจับมือเธอ
" ค่ะ พี่ไห่ก็เรียกฉันว่าเวยเวยก็ได้ค่ะ ทุกคนจะได้เรียกง่ายๆด้วยค่ะ" เป้ยฉายเวยไม่ได้เคอะเขินมากมาย
"อืมอืม เวยเวย งั้นฉันจะพาเธอไปที่โต๊ะทำงานเธอก่อน ต้องการอะไรก็มาบอกกับพี่ได้นะ" ตอนที่เวยเวยเรียกเขาว่าพี่ไห่มันช่างแสนหวาน หลินไห่ดีใจสุดชีวิต
ความคิดทั้งหมดเป็นความพอใจของหลินไห่คนเดียว เป้ยฉายเวยแค่เรียกพอเป็นพิธี
" รบกวนพี่ไห่หน่อยนะคะ" เป้ยฉายเวยคิดว่าหลินไห่เป็นคนที่น่าคบหา จากนี้บรรยากาศการทำงานคงจะไม่แย่มาก
"ไม่รบกวน ไม่รบกวน" หลินไห่รู้สึกเขินจนต้องจับหน้าผากอยู่หลายครั้ง พาเป้ยฉายเวยเดินเข้าไปข้างใน
"พี่ไห่ ด้านข้างคือห้องทำงานของทนายฉูไม่ใช่หรือคะ" เป้ยฉายเวยกระพริบตา ไม่ใช่มั้ง ห้องทำงานของเธอทำไมอยู่ใกล้กับห้องฉูเจ๋อหยางขนาดนี้
"ใช่แล้ว เธอไม่ต้องกลัว ทนายฉูปกติจะไม่อยู่ห้องทำงานหรอก โต๊ะของเธออยู่ตรงด้านข้างนั่น" หลินไห่ชี้ไปที่โต๊ะว่างที่อยู่ไม่ไกลจากตรงนี้
"คือว่าพี่ไห่ ผู้ช่วยทุกคนต้องนั่งตรงนั้นหรอคะ" เป้ยฉายเวยมองโต๊ะว่างเปล่าด้วยความไม่เต็มใจ ถ้าหากว่าฉูเจ๋อหยางมาทุกวัน ก็ต้องผ่านที่นั่งเธอตรงนี้ด้วยสิ
โต๊ะทำงานที่ไม่มีฉากกั้นเลย รู้สึกเหมือนผู้หญิงที่คอยต้อนรับ… ...
"ก็ไม่เชิง เดิมทีโต๊ะทำงานเธอไม่ได้อยู่นี่ จะอยู่ในห้องสำนักงานนู่น แต่อยู่ที่นี่จะได้สบายๆหน่อย ไปไหนจะได้ไม่ลำบาก" หลินไห่พูดอ้อมๆ
ฟังแค่นี้เป้ยฉายเวยก็เข้าใจแล้ว คำว่าผู้ช่วยเลขาถ้าพูดให้สุภาพคือลูกมือของเลขา ถ้าพูดแบบไม่สุภาพก็คือคนที่คอยบริการของทนายความดีๆนั่นเอง ถ่ายเอกสาร ซื้อข้าว
เธอยอมที่จะเหนื่อยกับงานข้างนอก แต่ไม่ยอมเผชิญหน้ากับฉูเจ๋อหยางเป็นแน่
"พี่ไห่คะ ฉันเพิ่งมาใหม่ต้องนั่งข้างนอกตามที่บริษัทกำหนดไว้ไหมคะ"
"ไม่เป็นไร เธอนั่งตรงนี้ก็ไม่มีใครว่าหรอก" หลินไห่คิดว่าเป้ยฉายเวยคงเคยได้ยินเรื่องความเข้มงวดของหัวหน้ามาถึงได้กลัวเสียงหลินไห่พูดปลอบเบาๆ
“พี่ไห่ ขอบคุณสำหรับความใจดีนะคะ แต่ฉันนั่งข้างนอกก็ได้ค่ะ”
หลินไห่เห็นเป้ยฉายเวยยืนหยัด ก็ถอนหายใจอย่างเสียดาย "เอาเถอะ ถ้างั้นพี่จะให้คนช่วยเธอย้ายโต๊ะออกมาไว้ข้างนอกแล้วกัน"
"รบกวนพี่ไห่ด้วยนะคะ" เป้ยฉายเวยก้มหัวขอบคุณ
หลินไห่ออกไปหาคนมาสองคน แล้วสั่งให้ย้ายโต๊ะทำงานไปยังตำแหน่งเดิมของผู้ช่วยเก่า แล้วเพิ่มแผ่นกั้นโต๊ะให้ ไม่เหมือนห้องสำนักงานด้านนอกที่มองแล้วดูขัดตา
"เลขาหลินทำไมวันนี้คุณมีเวลามาเดินตรวจข้างนอกล่ะ" มีคนเห็นไห่หลินคอยสั่งนู่นนี่อยู่ด้านข้าง เลยเดินมาถาม
"มีพนักงานใหม่มาน่ะ ฉันแค่มาช่วยอะไรสักหน่อย" หลินไห่อธิบายเสียงเรียบ
" พนักงานใหม่ ทำไมฉันไม่เห็นรู้เลย ฝ่ายบุคคลก็ไม่เห็นแจ้งอะไรเลย" ชายอีกคนพูดตามหลังมา
หลินไห่รู้ว่างานยุ่ง เลยเรียกเป้ยฉายเวยที่ยืนอยู่ไม่ไกลมาใกล้ๆ แนะนำอย่างไม่เต็มใจ "นี่คือเป้ยฉายเวย ผู้ช่วยเลขาที่เพิ่งมาใหม่"
เขาจงใจเน้นคำว่า'เลขา'สองคำนี้ เตือนพวกเขา ว่าเวยเวยเป็นผู้ช่วยพิเศษของเขา
ผู้ชายสองคนพอเห็นเป้ยฉายเวยก็ตกตะลึง ไม่มีกะจิตกะใจฟังเขาพูด แล้วทั้งหมดก็รีบไปยืนเบียดกันหน้าเป้ยฉายเวย
แนะนำตัวเองด้วยความอบอุ่น "สวัสดีเวยเวย ฉันชื่อเจี่ยเสี่ยวไป๋ จากนี้เรียกฉันว่าเสี่ยวไป๋ก็ได้ เธอวางใจได้ฉันจะดูแลเฑออย่างดีแน่นอน
" เดินออกไปนะเสี่ยวไป๋ เวยเวยสวัสดีจ้า ฉันชื่อหรวนเหวินหมิง จะเรียกฉันว่าหมิงหมิงก็ได้นะ"
เป้ยฉายเวยรู้สึกทำตัวไม่ถูกเมื่อมีผู้ชายสองคนมาทำตัวตลกตรงหน้า เลยหัวเราะแล้วตอบกลับอย่างมีมารยาท "พวกคุณ ดีใจที่ได้รู้จักนะคะ ฉันคือผู้ช่วยของพี่ไห่ เป้ยฉายเวยค่ะ"หลินไห่ได้ยินการแนะนำตัวของเป้ยฉายเวย ก็ใช้ประโยชน์จากคำพูดนั้นพยักหน้าให้สองคนนั้นถอยไป เข้าไปยืนยิ้มหวานข้างเป้ยฉายเวยแล้วพูดว่า "ทนายเจี่ย ทนายหรวนไม่ต้องทำงานแล้วหรอ ตอนนี้พี่ใหญ่นั่งอยู่ในห้องแล้วนะ"แค่ได้ยินคำว่าพี่ใหญ่เท่านั้นแหล่ะ สองคนที่ยืนเล่นอยู่เมื่อกี้ก็หายไปยังกับสายลมหลินไห่เห็นเป้ยฉายเวยมีสายตางุนงง เลยรีบอธิบาย "พี่ใหญ่คือคำที่พวกเราใช้เรียกทนายฉูอย่างเคารพน่ะ"เรียกด้วยความเคารพ…. ..เป้ยฉายเวยคิดว่าคนเย็นชาอย่างฉูเจ๋อหยางมาถูกเรียกว่าพี่ใหญ่ใบหน้าเขาจะตลกขนาดไหนนะ ตลกจังเลย"เลขาหลินโต๊ะทำงานย้ายเสร็จแล้วครับ""อืม รู้แล้ว พวกคุณไปทำงานต่อไป" หลินไห่โบกมือให้พวกเขาออกไป"เวยเวย เธอมาทำความคุ้นเคยกับห้องทำงานก่อนนะ ตอนเที่ยงเธอก็ทำความคุ้ยเคยกับงานที่จะต้องทำประจำ" หลินไห่พูดถึงฉูเจ๋อหยาง แล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่างานที่ได้รับมอบหมายยังไม่เสร็จ ก็ไม่กล้าพูดเล่นต่อ"ค่ะ รบกวนพี่ไห่ด้วยนะคะ"เป้ยฉายเวยรอจนหลินไห่เดินออกไป ก็เริ่มเอาของของตัวเองขึ้นมาจัด
copy right hot novel pub