โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

หลงรักทนายคนเลว

ตอนที่ 89โซ่ทองเส้นใหญ่ กับนาฬิกาเล็ก

ตอนที่ 89โซ่ทองเส้นใหญ่ กับนาฬิกาเล็ก

อวี๋ซือซือรู้สึกเหมือนยังพูดไม่จบ เลยตีไหล่เธอแล้วถาม​ " เธอได้พูดกับหญิงสารเลวนั่นบ้างไหม​ ว่าเธอมาทำงานกับฉูเจ๋อหยาง"

ตั้งแต่เมืาอวายเป็นต้นมาเธอก็เนียกหนานฉิงว่า​ 'หญิงสารเลว'​ เป้ยฉายเวยก็ปรามเธอไว้หลายครั้ง​ แต่ก็ไร้ผล​ ทำได้แค่จำใจตอบไป​" ยังเลย​ ฉันคิดว่าผ่านไปสักพักถึงจะบอก"

"ทำอย่างกับตัวเองเป็นนักเรียนประถม​ ที่จะไปเข้าห้องน้ำก็ต้องบอกแบบนั้นน่ะ"

อวี๋ซือซือหยิบตะเกียบมาเขี่ยข้าวในจาน​ ตามความหมายเธอคือ​ แบ่งเส้นให้ชัดเจนระหว่างเธอกับหญิงสารเลวคนนั้นดีที่สุด​

" กินข้าวกันก่อนเถอะ​" เป้ยฉายเวยไม่อยากพูดเรื่องนี้ต่อ​ เธอมีเรื่องที่จะให้หนานฉิงทำต่อ

อวี๋ซือซือยักไหล่ไม่แยแส มองข้าวที่เต็มจาน​ เธอยังให้คุณลุงตักข้าวสั่นสองครั้งก่อนให้เธอ​

เป้ยฉายเวยกินเยอะมาก​ หลังจากพวกเธอกินอิ่มาแล้ว​ อาหารก็ยังคงอยู่เหมือนเดิม

"รู้สึกสิ้นเปลืองมากเลยอ่ะ…. .."

"แต่ไปกันเถอะ​ ครั้งหน้าไม่กินเปลืองแบบนี้แล้ว"

อวี๋ซือซือเพิ่งมาทำงานยังทำตัวโจ่งแจ้งไม่ได้พอถึงที่ทำงานแล้ว​ ทั้งสองคนก็แยกกัน

เป้ยฉายเวยกลับมาถึงห้องทำงาน​ เห็นหลายคนกำลังนอนคว่ำหน้าพิงเก้าอี้เพื่อพักผ่อน​ และคนที่ไม่ได้พักก็อ่านหนังสืออยู่เงียบ​ๆ​ เล่นคอมพิวเตอร์​

เป้ยฉายเวยหยิบโทรศัพท์​เดินไปที่โล่งแล้วโทรศัพท์​

หลังสายต่อติดสิบกว่าวินาที​ ถึงมีคนรับ​ "ฮัลโหล​ เวยเวย มีธุระกับฉันหรอ"

" ใช่​ หนานฉิงเธอทำอะไรอยู่หรอ"

ไม่รู้ว่าเมื่อวานฉูเจ๋อหยางพูดอะไรกับหนานฉิง​ หนานฉิงถึงไม่ได้ถามถึงดรื่องที่ฉูเจ๋อหยางพูดกับเธอเมื่อวาน​ แต่แบบนี้ก็ดีแล้ว​ ได้ลดการที่เธอต้องโกหกลง​ ก็พูดโกหกกลบเกลื่อน​นับครั้งไม่ถ้วนแล้ว

"นอนมาส์กหน้าอยู่บนโซฟา​ เวยเวยทำไมเธอมีเวลาโทรหาฉันนะ" บนหน้าหนานฉิงมีมาส์กอยู่​ เวลาพูดต้องระวังกลัวว่าหน้าตัวเองจะบิดเบี้ยว

เป้ยฉายเวยชะงักแล้วพูดว่า​ "ฉันมีเรื่องหนึ่งที่อยากพูดกับเธอ"

" เวยเวย ใช่เรื่องเมื่อวานไหม​ เธอไม่ต้องใส่ใจ​ ฉันไม่ได้โกรธอะไรแล้ว" หนานฉิงพูดอย่างใจกว้าง

เรื่องเมื่อวานเป็นความผิดของเธอจริงหรอ​ ไม่รู้ว่าทำไมฟังน้ำเสียงใจดีของหนานฉิง​แล้ว​ เป้ยฉายเวยถึงรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ

" หนานฉิงฉันไม่ได้จะพูดถึงเรื่องเมื่อวานนะ"

"งั้นเธอจะพูดอะไรล่ะ" หนานฉิงถามอย่างสงสัย

ในที่สุดก็ต้องพูดแล้วสินะ​ เป้ยฉายเวยบีบมือแน่นโดยไม่รู้ตัว​ พยายามทำน้ำเสียงให้ฟังดูแล้วปกติที่สุด​" ฉันมาทำงานที่บริษัท​ของคุณฉู"

"หา​ เวยเวย เธอไม่ใช่บอกว่าจะไปทำงานที่บริษัท​ของพี่อวี๋เฮ่าหรอ​ ทำไมถึงไปบริษัท​อาเจ๋อ" พอได้ยินเรื่องที่เกี่ยวกับฉูเจ๋อหยาง หนานฉิงที่เฉยชาคนเดิมก็เปลี่ยนเป็นอยู่ไม่สุขแล้ว

เวยเวยเป็นแบบนี้ได้ยังไง​ เธอไม่ใช่คนที่จะเปลี่ยนใจอะไรได้ง่ายๆนะ

"เพราะอวี๋ซือซือทำงานที่นิตยสาร​เฉนซี​ ฉันอยากทำงานอยู่ใกล้เธอ​ เลยตอบตกลงไป" นี่เป็นแผนรับมือที่เธอได้คุยกับอวี๋ซือซือไว้ก่อนหน้านี้​ ขอเอาเพื่อนมาเป็นโล่กำบังก่อนเถอะ​

"ที่แท้ก็เป็นแบบนี้เอง" หนานฉิงรู้สึกสบายใจขึ้นแม้ว่าเธอจะไม่เข้าใจตัวเองว่าพอรู้ว่าเวยเวยไปทำงานกับอาเจ๋อแล้วทำไมเธอต้องกังวลขนาดนั้น"

แต่ว่าเวยเวยอยู่ที่บริษัท​ นั่นไม่ใช่การที่เธอจะมีข้ออ้างไปหาอาเจ๋อมากขึ้นหรือ

ภาพที่สวยงามในสมองหนานฉิง​ปรากฏ​ และน้ำเสียงก็ดูรีบร้นจนรอไม่ไหว​" เวยเวย เพื่อฉลองที่เธอหางานใหม่ได้​ ตอนเย็นฉันไปหานะ"

"หนานฉิง…. …"​ ไม่รอเวยเวยพูดจบ​ สายโทรศัพท์​ก็ถูกตัดไปเสียแล้ว

เป้ยฉายเวยจำใจต้องเก็บโทรศัพท์​ หนานฉิงจะมาก็ให้มาละกัน​ ถึงยังไงไม่ช้าก็เร็วพวกเธอก็ต้องเจอกันที่นี่อยู่ดี

เวลาพักตอนกลางวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว​ หลินไห่พาเป้ยฉายเวยไปแนะนำตัวเองให้กับคนในออฟฟิต​ได้รู้จัก

เป้ยฉายเวยเริ่มงานยุ่งแล้ว

งานทั่วไปก็คือการช่วยถ่ายเอกสาร​ วิ่งไปมา​ จัดตาราง​ เรียงเอกสาร​ งานเล็กๆพวกนี้​

แต่ว่าก็ไม่ต้องมองหน้าของฉูเจ๋อหยาง ความลำบากเป้ยฉายเวยสามารถทนได้

เวลายุ่งๆก็ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว​ เป้ยฉายเวยมองนาฬิกา​ก็ใกล้ถึงเวลาเลิกงานแล้ว​ เธอจำคำที่พี่เหมยพูดกับเธอได้​ ก่อนเลิกงานต้องจัดโต๊ะทำงานของฉูเจ๋อหยางก่อน

วันนี้ฉูเจ๋อหยางไม่โผล่หน้าออกมาเล​ น่าจะไม่ได้มาทำงาน​ ถ้าเธอไปตอนนี้คงไม่มีปัญหา​อะไร

เพื่อที่จะเลี่ยงการพบหน้า เป้ยฉายเวยจึงเดินไปถามกับหลินไห่สักหน่อย​ "พี่ไห่​ ทนายฉูยังอยู่ในห้องไหมคะ"

"ไปตั้งนานแล้ว​ เวยเวยเธอจะไปเก็บห้องใช่ไหม"

"ใช่ค่ะ​ ถ้าอย่างนั้น​ฉันก็เข้าไปได้แล้วใช่ไหม​คะ" ได้ยินคำตอบอย่างมั่นใจแล้ว​ บนหน้าเป้ยฉายเวยก็ผุดรอยยิ้มออกมา

หลินไห่พูดหยอกว่า​" เวยเวย ทำไมรู้สึกว่าเธอกลัวพี่ใหญ่​จัง​ ไม่ใช่ว่ารู้จักกันมาก่อนหรอกนะ"

ไม่ใช่ค่ะ​ จะเป็นไปได้​ยังไง​ ฉันแค่ได้ยินเพื่อนร่วมงานคุยกันตอนกินข้าวกลางวันว่าทนายฉูค่อนข้างจะเข้มงวด" เป้ยฉายเวยหัวใจเต้นแรง​ แต่ต้องแสร้งทำเป็นพูดอย่างสงบ

" ก็จริง​ ปกติถ้าผู้หญิง​เห็นพี่ใหญ่​ของเรา​ ต่างก็กลัวกันจริงๆ​" แต่ส่วนใหญ่​จะเป็นพวกบ้าผู้ชาย เป้ยฉายเวยเห็นพี่ใหญ่แล้วจะทำท่ายังไง​กัน หวังว่าจะไม่เป็นแบบผู้หญิงพวกนั้นนะ​​

"เวยเวย ใกล้เลิกงานแล้ว​ เธอเก็บของสักหน่อยก็พอ ปกติห้องทำงานของพี่ใหญ่​ก็สะอาดมากอยู่แล้ว​"

"ค่ะ​ รับทราบ" แค่ฉูเจ๋อหยางไม่อยู่​เธอก็มีแรงแล้ว

เสียดายที่วันนี้หนานฉิงคงมาเสียเที่ยว

เพราะหลินไห่บอกว่าฉูเจ๋อหยางไม่อยู่​ เพราะ​ฉะนั้น​เป้ยฉายเวยเลยไม่ได้เคาะประตู​ เธอบิดกลอนประตูแล้วเดินเข้าไปเลย แม้จะเป็นการมาห้องทำงานเขาเป็นครั้งที่สอง​ แต่ในใจยังรู้สึกกล้าๆกลัวๆอยู่​

เธอบอกกับตัวเองว่า ฉูเจ๋อหยางไม่อยู่​ จะกลัวทำไมเล่า

พอเตรียมใจสักพัก​ เป้ยฉายเวยตัวแข็งไปหมด​ หัวก็ก้มไม่ได้ เดินเข้าไปข้างในต่อ"ดูแล้วเธอปรับตัวได้ดีนะ"เสียงเย็นยะเยือกดังขึ้นมาจากห้องทำงานที่เงียบสงบเป้ยฉายเวยกระโดดด้วยความตกใจ​ ตั้งใจมอง​ เป็นผู้ชายที่ไม่ควรปรากฏ​ตัวออกมา​ กำลังก้มลงมองตัวเองด้วยรอยยิ้ม"นาย​ นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง" ถามจบเป้ยฉายเวยเกือบจะกัดลิ้นของตัวเอง​ เธอพูดประโยคไร้สาระจริงๆเลย เขาเป็นเจ้าของบริษัทนะ​ เขาอยากจะอยู่ตรงไหนก็ได้เธอเปลี่ยนคำพูดใหม่​ "พี่ไห่บอกว่านายไม่อยู่ห้องทำงานไม่ใช่หรอ"หลินไห่ชักจะกล้าขึ้นทุกวัน​ ดวงตาสีดำสนิทมองต่ำลง "ปกติฉันไม่อยู่​ แต่ช่วงนี้จะอยู่ที่นี่"เป้ยฉายเวยถามกลับ​ "ทำไมล่ะ"ดวงตาลึกเข้มของฉูเจ๋อหยางเหมือนกับหมึกสีดำเข้มที่ยังไม่ละลาย​ ​มองตรงเข้าไปในดวงตาใสของเป้ยฉายเวย​ เสียงทุ้มลึกพูดเบา ๆ​ " แน่นอนว่าเพราะเรื่องงาน"ทุกอย่างหยุดชะงัก​ เขามองเธอด้วยสายตามีความหมาย​ "ไม่งั้นเธอคิดว่าเพราะอะไรล่ะ"

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์