โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

หลงรักทนายคนเลว

ตอนที่ 90 ทำความสะอาดห้องทำงาน

ตอนที่ 90 ทำความสะอาดห้องทำงาน

เป้ยฉายเวยมองดวงตาของหนานฉิงแล้ว​รู้สึกว่าเหตุผลในคำพูดของเขาคือตัวเธอเอง​

พอนึกถึงข้อสรุปที่งมงายเช่นนี้​ ก็อดที่จะตีตัวเองไม่ได้​ มือที่ซ่อนอยู่ในเสื้อหยิกฝ่ามือตัวเองอย่างรวดเร็ว​ ไม่ต้องถูกผู้ชายใจดำตรงหน้าดึงสติออกไป

"ในเมื่อทนายฉูอยู่ในห้องทำงาน​ งั้นเดี๋ยว​ฉันมาใหม่ละกัน"

"ไม่ต้อง​ ทำธุระของเธอต่อไปเถอะ" ฉูเจ๋อหยางกลอกตากลับไม่มองเป้ยฉายเวย และทำท่าทำงานต่อ

เป้ยฉายเวยเบะปากด้วยความไม่เต็มใจทำความสะอาดห้อง​ เหมือนที่หลินไห่บอกเลย​ ห้องทำงานของฉูเจ๋อหยางสะอาดจนน่าโมโห

กระจกหน้าโซฟาไม่มีฝุ่นเกาะ​ จริงๆแล้วอย่างอื่นก็ไม่มีอะไรต้องเก็บแล้ว​ แต่ยังต้องทำทีว่าเก็บต่อไปจัดที่เขี่ยบุหรี่ให้เข้าที่​ เปลี่ยนน้ำใจแจกันดอกไม้บนโต๊ะ

ดอกไม้​ นิ้วมือเป้ยฉายเวยหยุดชะงัก

เธอจำไม่ได้ว่าครั้งที่แล้วที่เธอมามีดอกไม้ด้วย​ ถึงว่าตอนที่เข้ามาได้กลิ่นแรงของดอกทิวลิปสีขาวด้วย

คนที่ชอบดอกไม้นี้เป็นคนที่โรแมนติกมาก​ ในบรรดาคนที่เธอรู้จักมีแค่คนเดียว​ นั่นคือเพื่อนรักของเธอ​ หนานฉิงนั่นเอง

​ หนานฉิงน่าจะเอาดอกไม้มาหาทุกวัน เปลี่ยนให้เขาหน่อยละกัน

ดอกไม้สวยมาก หนานฉิงเอาใจใส่ฉูเจ๋อหยางอย่างดี​ การกระทำของหนานฉิงทำให้เธอรู้สึกละอายใจ

แม้ฉูเจ๋อหยางแม้กำลังยุ่ง​ แต่หางตายังมองเป้ยฉายเวยอย่างตั้งใจมาตลอด​ เห็นเธอมองดอกทิวลิปบรโต๊ะอยู่นานโดยที่พูดอะไรเลย

"เธอชอบดอกทิวลิปหรอ"

"มันสวยมาก" เป้ยฉายเวยพูดตอบไม่ตรงคำถาม​ จริงๆแล้วเธอไม่ได้ชอบดอกทิวลิปสักนิดเลย และก็ดอกกุหลาบด้วย​ เธอชอบดอกยิปโซฟีลามากกว่า

น้ำเสียงของฉูเจ๋อหยางเหมือนจะบอกว่าอากาศเปลี่ยนตามใจนะ​ "ชอบก็หยิบกลับไปเถอะ"

เพราะคำพูดของเขา​เป้ยฉายเวยจึงนิ่งไปพักหนึ่ง​ "นี่ไม่ใช่มีคนให้คุณหรอกหรอ"

เขาจะส่งต่อให้คนอื่นง่ายแบบนี้ ทำร้ายคนที่ให้เกินไปแล้ว

หรือในสายตาของฉูเจ๋อหยางไม่แบ่งแยกว่าอันไหนสำคัญหรือไม่สำคัญ ยิ่งกว่านั้นเขาอาจไม่เก็บเอามาใส่ใจเสียด้วยซ้ำ

สำหรับเขาคงเป็นแค่ดอกไม้ช่อหนึ่ง​ แต่สำหรับผู้หญิงเป็นการแสดงออกถึงความรักทั้งหมดที่มี

แค่ดอกไม้​ ทำไมเป้ยฉายเวยต้องแสดงออกว่าเจ็บปวดขนาดนี้ด้วย​ ฉูเจ๋อหยางขมวดคิ้วเล็กน้อย "แล้วยังไง"

"ฉันไม่ชอบ คุณเอาเก็บไว้เถอะ" จู่ๆน้ำเสียงเวยเวยก็เย็นชา​ แล้วเริ่มทำความสะอาดต่อ

ใบหน้าฉูเจ๋อหยางนิ่ง​ และไม่พูดอะไรต่อ

ความเงียบช่วงหนึ่งทำลายบรรยากาศ​อึดอัดออกไป

เป้ยฉายเวยตั้งใจนั่งอยู่ที่โซฟารับแขกเป็นเวลานาน​ แต่คนที่นั่งหมุนเก้าอี้หนังอยู่ไม่มีวี่แววที่จะออกไปเลย

เธอมองไปที่เข็มนาฬิกา​บนผนัง​ อีกสิบนาทีจะเลิกงานแล้ว​ วันนี้เธอยังรับปากกับรุ่ยรุ่ยด้วยว่าจะไปรับหลังเลิกเรียน

เป้ยฉายเวยมองไปที่โต๊ะสะอาดของเขาอย่างำลบากใจ​ หรือว่าพรุ่งนี้เข้ามาเก็บตอนเช้าๆหน่อยดีไหมนะ

ประตูห้องทำงานถูกเปิดออกอีกครั้ง​ "เวยเวย ทำความสะอาดเสร็จ​รึยัง​ อยากใช่ฉันช่วย…. .."

หลินไห่มองเห็นเงาที่นั่งอยู่หลังโต๊ะ​ ก็กลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว​ พูดอย่างเก้อเขิน​ "ทนายฉูทำไมยังอยู่ล่ะครับ"

"เลขาของฉันเริ่มทำตัวตามสบายตั้งแต่เมื่อไหร่"

คำพูดลอยๆของฉูเจ๋อหยาง เกือบทำให้หลินไห่เข่าทรุดเมื่อก่อน'เวลาว่างเขา'​ ก็ไม่ได้น้อยเหมือนกัน​ ไม่เห็นพี่ใหญ่​จะใส่ใจ​ เขารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังยืนอยู่ปากกระบอกปืน

"ผม​ ผมจะไปทำงานเดี๋ยวนี้​แหล่ะครับ" หลินไห่มาห่วงเป้ยฉายเวย​ไม่ได้​แล้ว​ เขาแง้มประตูและออกไป

เป้ยฉายเวยอ้าปากแต่สุดท้ายก็ปิดปากไป​ เธอบิดผ้าขี้ริ้วด้วยสีหน้าไร้อารมณ์​ ใกล้กับผู้ชายเย็นชาคนนั้ย

เธอต้องมีจิตใจทร่เงียบสงบเหมือนน้ำ​ ​ทำเหมือนฉูเจ๋อหยางเป็นหินแกะสลักที่สวยอันหนึ่ง ใช่​ คือหินแกะสลักอันหนึ่ง

เป้ยฉายเวยเช็ดทำความสะอาดโต๊ะอย่างตั้งใจ​ แต่หน้าก็หลบหน้าของฉูเจ๋อหยางที่อยู่ด้านหน้าไม่ได้

ทำให้แล้วๆไป​ เธอเลียนแบบน้ำเสียงก่อนหน้าของฉูเจ๋อหยาง ทำงานพลางพูดว่า​ "รบกวนทนายฉูขยับออกไปด้วยค่ะ"

ฉูเจ๋อหยางเหลือบมองเธอ ขยับเก้าอี้​ให้มีที่ว่าง

เป้ยฉายเวยไม่คิดว่าจะราบรื่นขนาดนี้​ ถูกคิดว่าจะถูกพูดประชดประชัน​เสียอีก​ รีบเอาผ้าขี้ริ้วเช็ดหน้าฉูเจ๋อหยางสองครั้ง​ อยากออกไปจากที่นี่

ผู้ชายข้างหลังที่ทำเป็นไม่เห็นไม่ได้พูดเสียงเย็นไม่ช้าและไม่เร็วว่า​ "อย่าลืมเช็ดแป้นพิมพ์และแผ่นรองด้วย"

"ค่ะ​ ทนายฉู" เป้ยฉายเวยกัดฟันเธอมองไปที่แป้นพิมพ์และแผ่นรองเมาส์ที่ด้านหน้าของเธอ​ สะอาดกว่านี้ไม่ได้แล้ว​ ยังต้องเช็ดตรงไหนอีก

แต่เพื่อรับมือกับโรคความสะอาดของเขาเธอก็รับคำยังเช็ดมันต่อ

หลายครั้งที่เป้ยฉายเวยรู้สึกเหมือนตัวเองเช็ดโดนเอวของผู้ชายใบหน้านิ่งของเธอเกือบจะทนต่อไปไม่ไหวแล้ว​ บอกให้ถอยออกไปแล้วไม่ใช่หรอ​ ทำไมถึงเขยิบไปแค่นิดเดียว​ เหลือเพียงพื้นที่ที่เธอพอจะยืนได้

ฉูเจ๋อหยางนั่งอยู่ด้านซ้ายมองสะโพกส่ายที่ยั่วยวนอยู่ตรงหน้า​ แววตามีความหมายลึกซึ้งกว่าเดิม

"ทนายฉู​ ฉันทำความสะอาดเสร็จแล้วนะคะ" เป้ยฉายเวยไม่เคยรู้สึกว่าเวลามันผ่านไปช้าขนาดนี้​ เธอหมุนตัวกลับอย่างไม่ทันระวังก็ไปสัมผัสเข้ากับริมฝีปากอุ่นของผู้ชายเข้า​

เขายืนขึ้นตอนไหนกัน​ ทำไมเธอไม่รูเรื่องเลย!!

เป้ยฉายเวยกระโดดออกห่าง​ ยื่นมือชี้ไปที่เขา​ และชี้ที่ริมฝีปากของตัวเอง​ ไม่รู้จะพูดคำไหนออกมา​

"ฉูเจ๋อหยาง นาย​ ฉัน​ นาย​ ทำไมเธอไม่พูดสักหน่อยล่ะ"

ฉูเจ๋อหยางพยายามเก็บอารมณ์​ และพูดด้วยเสียงเรียบ​ "ฉันจะทำอะไรต้องคอยรายงานเธอด้วยหรอ" ​

เป้ยฉายเวยมองหน้าบนใบหน้าของฉูเจ๋อหยางที่ทำเหมือนกำลังถูกเอาเปรียบอยู่​ ก็โกรธจนมือไม้สั่นไปหมด​ หน้าไม่อายจริงๆ​ คนที่เสียเปรียบคือเธอต่างล่ะ​ ไม่ต้องทำหน้าเหมือนถูกล่วงเกินจะได้ไหมประตูห้องถูกเปิดออก​ คนที่เข้าเห็นทั้งสองคนหันหน้าเข้าหากัน​ บรรยากาศแปลกๆแกล้งถามอย่างไม่ตั้งใจว่า​ "เวยเวย อาเจ๋อ​ พวกเธอทำอะไรกันอยู่หรอ"ได้ยินเสียงของหนานฉิง​ ใจของเวยเวยก็ร่วงไปอยู่ที่ตาตุ่ม​ โชคดีที่เธอหันหลังให้หนานฉิง​ ใบหน้าที่สับสนของเธอจึงมีแต่ฉูเจ๋อหยางที่เห็นเธอรีบหมุนตัวกลับอย่างรวดเร็ว​ พูดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น​ "หนานฉิงเธอลืมไปแล้วหรอ​ ฉันเป็นผู้ช่วยของคุณฉู​ ทำความสะอาดเสร็จแล้วกำลังจะออกไปน่ะ" "อ๋อ​ ถึงว่าฉันไปหาเธอที่โต๊ะทำงาน​ ถึงไม่เจอคน" สายตาของหนานฉิงยังมีความสงสัยอยู่" ถ้างั้น​ ฉันไม่รบกวนพวกเธอแล้ว​ ไปก่อนนะ" เป้ยฉายเวยถืออ่างน้ำจากไปหนานฉิงมองสีหน้าไร้ความรู้สึกของฉูเจ๋อหยาง ถามด้วยความหวังดี​ "เวยเวย เธอจะไปกินข้าวกับพวกเราไหม​ ฉันกับอาเจ๋อไม่ว่าอะไรหรอก""ไม่เป็นไรหนานฉิง​ วันนี้ฉันนัดกับซือซือไว้​ พวกเธอสองคนไปเถอะ" เป้ยฉายเวยเดินออกไปโดยไม่หยุด เดินไปถึงห้องน้ำ​ ถึงจะรู้สึกสบายใจขึ้นมาหน่อยคราวหลังเธอต้องระวังเรื่องระยะห่างระหว่างเธอกับฉูเจ๋อหยางแล้ว​ ไม่ใช่ทุกครั้งที่จะโชคดีไม่โดนเห็นเสมอไปนะ

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์